รีวิวไปAustralia ในครั้งนี้จริงๆแล้วอยู่ในความตั้งใจ และคิดว่าจะทำรีวิวในอากาศมาพักใหญ่
เรื่องราวหลายเรื่องราวระหว่างการเดินทางถูกจดบันทึกไว้ในไดอารี่ และความทรงจำมากล้นไปหมด รูปหลายรูปภาพที่ใช้แทนความรู้สึกในขณะนั่นได้เป็นอย่างดีกลับถูกเก็บ(ดอง)ไว้นานเป็นปี เพราะแค่คำว่า "เดี๋ยวเอาไว้ก่อนค่อยลง" มาพักใหญ่ๆ จนในที่สุดก็ได้ลงรีวิวสักทีวันนี้
อย่างที่บอกนะคะว่ารีวิวนี้ถูกดองและอยู่ในอากาศมาเป็นปีจึงขอบอกให้ทุกคนทราบทั่วกันว่า ทริปนี้ไม่ใช่ทริปที่ผ่านมาเร็วๆนี้ แต่เป็นทริปที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปิดเทอม รับความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลรับอาเซียน ที่เด็กมหาลัยอย่างเราเลยได้ปิดเทอมไปตั้ง 6 เดือน และพ่วงมาด้วยการจบการศึกษา"ช้า"ไปอีกครึ่งปี
มาๆ เริ่มกันเลยดีกว่า
ขอเริ่มต้นด้วยการยืม Quote จากหนึ่งในเรื่องโปรดที่สุดมาเปิดรีวิว ให้ดูสวยๆ แบบคนอื่นบ้าง
“...there ain't no journey what don't change you some.”
― David Mitchell, Cloud Atlas
ขอตีความเองประมาณว่า
"ไม่มีการเดินทางใดๆที่ไม่ทำให้เราเปลี่ยนไปจากการได้เห็นโลกใบนี้เพิ่มมากขึ้น" คิดว่าน่าจะหมายความเช่นนั่น (คิดเอง555)
เมือง Adelaide คือสถานที่แรกที่ได้ไปเยือนในการมาออสเตรเลียในครั้งนี้ แม้ว่าการมาAdelaideจะยังไม่ใช่จุดเเริ่มต้นของการมาBackpackคนเดียวตามหัวข้อกระทู้ แต่ทว่ามันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด.............. ตลอดหกเดือนที่หยุดทั้งหมดส่วนใหญ่ก็อาศัย เที่ยว กินอยู่ก็ที่นี่ล่ะ เมืองเล็กๆตอนใต้ฝั่งตะวันตกของจิ้งโจ้แลนด์ และเหตุผลที่มาที่นี่เป็นที่แรกนั่นก็คือมีญาติอยู่ที่นี่ และก็เลยถือโอกาสในช่วงหยุดยาวนี้ พักอาศัย และเรียนภาษาไปด้วย
ฉะนั่นไหนก็เคยมาอยู่ที่นี้พักใหญ่ก็ขอถือโอกาสรีวิวเมืองเล็กๆเมืองนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจก่อน ก่อนจะไปเริ่มการเดินทางคนเดียวจริงๆจังๆตามหัวข้อกระทู้สักที
การเดินทางในAdelaide ก็ไม่ได้ยากเลยไปไหนก็สะดวกทำให้ไม่มีความวุ่ยวายอะไรมาก เพียงแค่ตรวจดูตารางเวลารถ แล้วก็เปิด google map(ช่วงชีวิตได้มากๆ) แล้วก็ไปได้เลย แถมบัตรโดยสารถ้าซื้อบัตรขึ้นรถโดยสารธารณะก็ง่ายมากเพราะไม่ว่าจะขึ้นรถบัส รถไฟ รถรางก็ใช้แค่บัตรใบเดียว เพียงแค่เติมเงินเข้าไป แต่ถ้าใช้เป็นแบบรายเดือน รายอาทิตย์ก็สบายเลย ขึ้นไม่อั้น
เอาเป็นว่าPart แรกนี้อย่าเรียกว่าเป็นบันทึกการเดินทางเลย เอาเป็นว่าเป็นPart เกริ่นนำรีวิวสถานที่ใน Adelaide ดีกว่าเน๊อะๆ!!!!!
Adelaide คือเมืองหลวงของ South Australia เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 5 ของออสเตรเลีย (ข้อมูลจากวิกิ)
Adelaide เป็นเมืองเล็กๆ ที่หลายคนบอกว่าแทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ในความไม่มีอะไรนั่นมันก็คือสิ่งที่ทำให้เราเริ่มอยากรู้ว่าอะไรคือความไม่มีอะไรที่เขาพูกถึงกัน ด้วยการที่ได้ใช้เวลาเกือบจะหลายเดือนอยู่ที่เมืองน่ารักๆ นี้ก็มีโอกาสได้ใช้เวลายามว่างบางวันเสาะแสวงหาที่เที่ยว แม้จะมีไม่เยอะ และส่วนใหญ่ก็มีแต่ชาดหายและทะเล ทว่าแม้มันจะไม่ได้ดึงดูดขนาดหลายๆที่ในเมืองใหญ่ของออสเตรเลีย การได้ไปเยี่ยมชมก็ดีกว่าไม่ได้ไปเยือนเลยสักครั้ง
The Torrens River
เป็นแม่น้ำที่สำคัญของเมือง
โดยที่ตลอดสายแม่น้ำที่พาดผ่านเมืองอ้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ธรรมชาติที่สวยงาม ที่ทำไว้เพื่อให้ประชากรในเมืองได้มาออกกำลังกายผ่อนคลายกัน ตอนกลางคืนจะมีน้ำตกเปิดไฟสวยและโรแมนติกมาก
Rundle Mall เป็นแหล่งช๊อปปิ้งที่เดินกันจนรู้ทุกซอกทุกซอย เพราะนอกจากจะอยู่ในเมืองแล้วยังมาง่ายโดยTram อีก
Port Noarlunga คืออีกสถานที่ๆหนึ่งที่น่ามาเยือน โดยจะต้องนั่งรถไฟออกมาจากเมือง วิวทิวทัศน์ข้างทางนี้สวยแบบมากๆ เพราะรถไฟจะวิ่งขึ้นเขา ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเดินทางเป็นชั่งโมงแต่ก็คุ้มมากๆสำหรับบรรยากาศ
Brighton beach เน้นว่าที่Adelaide นะคะ เพราะ ชื่อBrighton ได้ถูกไปตั้งให้กับหลายหาดเหลือเกิน
ที่นี่เราได้แวะหลังจากกลับมาจากPort Noarlunga กะว่าจะดูพระอาทิตย์ตกเลยแวะลงระหว่างทาง เพราะสายรถไฟสายที่ไป Port Noarlunga เป็นสายที่ผ่าน Brighton beach
ต่อมาเราก็ยังอยู่ที่ทะเลชายหาดอีกเช่นเคย และก็เช่นเดิมเป็นทางรถไฟสายเดียวกันกับPort Noarlunga แต่ว่ามาคนละวันกันค่ะ
Marino Rocks Beach
และก็ตามมาด้วย Glenelg Beach ถ้าหากว่าเอาชายหาดที่เอ่ยมาไปเสริชในแผนที่ก็จะพบว่าหาดทุกหาดเชื่อมถึงกัน ก็ประมาณว่าหาดเดียวกันนั่นล่ะเออ Glenelg Beach เป็นหาดที่ไปง่ายที่สุดจากตัวเมือง เพราะว่าสามารถนั่งTram หรือรถรางไปได้เลย แปปเดียว
พักเบื่อจากทะเลมาท่าเรือบ้างเบาๆ Port Adelaide นั่งเรือไปดูปาโลมากัน แต่ขอบอกว่าแอบเบื่อเบาๆ
แต่ที่ดีคือทุกวันอาทิตย์จะมีตลาดขายของมือสอง
จากทะเลมาขึ้นเขากันบ้าง Adelaide จากมุมสูง
The Mount Lofty Ranges เราสามารถเรียกบัส ขึ้นมาได้จากในเมือง โดยจริงๆแล้ววันนี้เราตั้งใจจะไปสวนสัตว์กันแต่บัสที่ขึ้นมาเขาแวะจอดให้เราที่นี่15 นาที จึงได้มีโอกาสมาเยือนแบบงงๆ
จาก The Mount Lofty Ranges ก็นั่งบัสต่อขึ้นมายัง Clealand Wildlife Park สวนสัตว์เปิดบนเขา
ต่อด้วยไปเก็บstrawberry บนไร่ strawberry ลูกใหญ่มากเก็บเสร็จก็เอามาชั่งว่าเท่าไหร่
และอีกที่ขาดไม่ได้เลยคือ หมู่บ้านเยอรมัน ไปทั้งทีก็ต้องไปกินไส้กรอกเยอรมัน ร้านที่ขายไส้กรอกมีหลายร้านมาก ลองเลือกเดินๆดู
ถึงตอนนี้เหนื่อยดูภาพกันหรือยัง 555 อยากจะบอกว่ายังไม่หมด อีกนิดละกันก่อนการเดินทางจริงๆจะเริ่มขึ้น
ที่นี่คือ Victor habour ได้เวลาเข้าสู่โหมดทะเลอีกครั้ง Victor habour การจะมาVictor habour ต้องนั่งบัสออกมาจากเมืองสองชั่วโมงเห็นจะได้ มีบัสไปเย็นกลับแต่ไปเย็นกลับก็ต้องเดินแบบรีบๆเหมือนกัน อารมณ์แบบเดินชมธรรมชาติถ่ายรูป
ที่นี่มีเพนกวินให้ดูด้วย มุ้งมิ้งมาก และเนื่องจากมันต้องเสียค่าเข้าไปดูซึ่งจริงๆมันก็จำนวนไม่กี่บาทหรอก แต่ตอนนั้นเที่ยวมาทั้งวันแล้วกินโน้นกินนี้ตังค์ใกล้หมด ตอนแรกตัดสินใจว่าจะไม่ดู แต่สงสัยด้วยความที่หน้าตาน่าสงสารคุณลุงคนขายตั๋วก็ดันลดราคามาให้จ่ายแค่ตั๋วเด็กเท่านั้น ง่อววววว
......ดูรูปกันจนเหนื่อย......Backpack trip จะเริ่มต้นขึ้นจริงๆสักที อย่าเพิ่งเบื่อนะ เดียวไว้มาต่อPart 2 ตอนนี้จขกท ปวดตานั่งจ้องคอมพ์นาน
ทิ้งท้าย part 1 ไว้เรียกน้ำย่อยเบาๆ ก่อนจะทำpart 2 ที่จะเริ่มบันทึกการเดินทาง จาก Adelaide ถึง Melbourne ตัวคนเดียวด้วย รถไฟ The overland ระยะทาง 828 Km หลับจนลืม เอ๊ย..... นั่งซึมซับบรรยากาศจนเพลิน
แบกเป้ลุยเดี่ยวหนีเที่ยวไปพักร้อน(ก่อนเปิดเทอม)ในแดนจิ้งโจ้ Adelaide,Melbourne,Brisbane,Gold Coast,Sydney Part1
รีวิวไปAustralia ในครั้งนี้จริงๆแล้วอยู่ในความตั้งใจ และคิดว่าจะทำรีวิวในอากาศมาพักใหญ่
เรื่องราวหลายเรื่องราวระหว่างการเดินทางถูกจดบันทึกไว้ในไดอารี่ และความทรงจำมากล้นไปหมด รูปหลายรูปภาพที่ใช้แทนความรู้สึกในขณะนั่นได้เป็นอย่างดีกลับถูกเก็บ(ดอง)ไว้นานเป็นปี เพราะแค่คำว่า "เดี๋ยวเอาไว้ก่อนค่อยลง" มาพักใหญ่ๆ จนในที่สุดก็ได้ลงรีวิวสักทีวันนี้
อย่างที่บอกนะคะว่ารีวิวนี้ถูกดองและอยู่ในอากาศมาเป็นปีจึงขอบอกให้ทุกคนทราบทั่วกันว่า ทริปนี้ไม่ใช่ทริปที่ผ่านมาเร็วๆนี้ แต่เป็นทริปที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปิดเทอม รับความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลรับอาเซียน ที่เด็กมหาลัยอย่างเราเลยได้ปิดเทอมไปตั้ง 6 เดือน และพ่วงมาด้วยการจบการศึกษา"ช้า"ไปอีกครึ่งปี
มาๆ เริ่มกันเลยดีกว่า
ขอเริ่มต้นด้วยการยืม Quote จากหนึ่งในเรื่องโปรดที่สุดมาเปิดรีวิว ให้ดูสวยๆ แบบคนอื่นบ้าง
― David Mitchell, Cloud Atlas
"ไม่มีการเดินทางใดๆที่ไม่ทำให้เราเปลี่ยนไปจากการได้เห็นโลกใบนี้เพิ่มมากขึ้น" คิดว่าน่าจะหมายความเช่นนั่น (คิดเอง555)
เมือง Adelaide คือสถานที่แรกที่ได้ไปเยือนในการมาออสเตรเลียในครั้งนี้ แม้ว่าการมาAdelaideจะยังไม่ใช่จุดเเริ่มต้นของการมาBackpackคนเดียวตามหัวข้อกระทู้ แต่ทว่ามันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด.............. ตลอดหกเดือนที่หยุดทั้งหมดส่วนใหญ่ก็อาศัย เที่ยว กินอยู่ก็ที่นี่ล่ะ เมืองเล็กๆตอนใต้ฝั่งตะวันตกของจิ้งโจ้แลนด์ และเหตุผลที่มาที่นี่เป็นที่แรกนั่นก็คือมีญาติอยู่ที่นี่ และก็เลยถือโอกาสในช่วงหยุดยาวนี้ พักอาศัย และเรียนภาษาไปด้วย
ฉะนั่นไหนก็เคยมาอยู่ที่นี้พักใหญ่ก็ขอถือโอกาสรีวิวเมืองเล็กๆเมืองนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจก่อน ก่อนจะไปเริ่มการเดินทางคนเดียวจริงๆจังๆตามหัวข้อกระทู้สักที
การเดินทางในAdelaide ก็ไม่ได้ยากเลยไปไหนก็สะดวกทำให้ไม่มีความวุ่ยวายอะไรมาก เพียงแค่ตรวจดูตารางเวลารถ แล้วก็เปิด google map(ช่วงชีวิตได้มากๆ) แล้วก็ไปได้เลย แถมบัตรโดยสารถ้าซื้อบัตรขึ้นรถโดยสารธารณะก็ง่ายมากเพราะไม่ว่าจะขึ้นรถบัส รถไฟ รถรางก็ใช้แค่บัตรใบเดียว เพียงแค่เติมเงินเข้าไป แต่ถ้าใช้เป็นแบบรายเดือน รายอาทิตย์ก็สบายเลย ขึ้นไม่อั้น
เอาเป็นว่าPart แรกนี้อย่าเรียกว่าเป็นบันทึกการเดินทางเลย เอาเป็นว่าเป็นPart เกริ่นนำรีวิวสถานที่ใน Adelaide ดีกว่าเน๊อะๆ!!!!!
Adelaide คือเมืองหลวงของ South Australia เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 5 ของออสเตรเลีย (ข้อมูลจากวิกิ)
Adelaide เป็นเมืองเล็กๆ ที่หลายคนบอกว่าแทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ในความไม่มีอะไรนั่นมันก็คือสิ่งที่ทำให้เราเริ่มอยากรู้ว่าอะไรคือความไม่มีอะไรที่เขาพูกถึงกัน ด้วยการที่ได้ใช้เวลาเกือบจะหลายเดือนอยู่ที่เมืองน่ารักๆ นี้ก็มีโอกาสได้ใช้เวลายามว่างบางวันเสาะแสวงหาที่เที่ยว แม้จะมีไม่เยอะ และส่วนใหญ่ก็มีแต่ชาดหายและทะเล ทว่าแม้มันจะไม่ได้ดึงดูดขนาดหลายๆที่ในเมืองใหญ่ของออสเตรเลีย การได้ไปเยี่ยมชมก็ดีกว่าไม่ได้ไปเยือนเลยสักครั้ง
Rundle Mall เป็นแหล่งช๊อปปิ้งที่เดินกันจนรู้ทุกซอกทุกซอย เพราะนอกจากจะอยู่ในเมืองแล้วยังมาง่ายโดยTram อีก
Port Noarlunga คืออีกสถานที่ๆหนึ่งที่น่ามาเยือน โดยจะต้องนั่งรถไฟออกมาจากเมือง วิวทิวทัศน์ข้างทางนี้สวยแบบมากๆ เพราะรถไฟจะวิ่งขึ้นเขา ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเดินทางเป็นชั่งโมงแต่ก็คุ้มมากๆสำหรับบรรยากาศ
Brighton beach เน้นว่าที่Adelaide นะคะ เพราะ ชื่อBrighton ได้ถูกไปตั้งให้กับหลายหาดเหลือเกิน
ที่นี่เราได้แวะหลังจากกลับมาจากPort Noarlunga กะว่าจะดูพระอาทิตย์ตกเลยแวะลงระหว่างทาง เพราะสายรถไฟสายที่ไป Port Noarlunga เป็นสายที่ผ่าน Brighton beach
ต่อมาเราก็ยังอยู่ที่ทะเลชายหาดอีกเช่นเคย และก็เช่นเดิมเป็นทางรถไฟสายเดียวกันกับPort Noarlunga แต่ว่ามาคนละวันกันค่ะ
Marino Rocks Beach
และก็ตามมาด้วย Glenelg Beach ถ้าหากว่าเอาชายหาดที่เอ่ยมาไปเสริชในแผนที่ก็จะพบว่าหาดทุกหาดเชื่อมถึงกัน ก็ประมาณว่าหาดเดียวกันนั่นล่ะเออ Glenelg Beach เป็นหาดที่ไปง่ายที่สุดจากตัวเมือง เพราะว่าสามารถนั่งTram หรือรถรางไปได้เลย แปปเดียว
พักเบื่อจากทะเลมาท่าเรือบ้างเบาๆ Port Adelaide นั่งเรือไปดูปาโลมากัน แต่ขอบอกว่าแอบเบื่อเบาๆ
แต่ที่ดีคือทุกวันอาทิตย์จะมีตลาดขายของมือสอง
จากทะเลมาขึ้นเขากันบ้าง Adelaide จากมุมสูง
The Mount Lofty Ranges เราสามารถเรียกบัส ขึ้นมาได้จากในเมือง โดยจริงๆแล้ววันนี้เราตั้งใจจะไปสวนสัตว์กันแต่บัสที่ขึ้นมาเขาแวะจอดให้เราที่นี่15 นาที จึงได้มีโอกาสมาเยือนแบบงงๆ
จาก The Mount Lofty Ranges ก็นั่งบัสต่อขึ้นมายัง Clealand Wildlife Park สวนสัตว์เปิดบนเขา
ต่อด้วยไปเก็บstrawberry บนไร่ strawberry ลูกใหญ่มากเก็บเสร็จก็เอามาชั่งว่าเท่าไหร่
และอีกที่ขาดไม่ได้เลยคือ หมู่บ้านเยอรมัน ไปทั้งทีก็ต้องไปกินไส้กรอกเยอรมัน ร้านที่ขายไส้กรอกมีหลายร้านมาก ลองเลือกเดินๆดู
ถึงตอนนี้เหนื่อยดูภาพกันหรือยัง 555 อยากจะบอกว่ายังไม่หมด อีกนิดละกันก่อนการเดินทางจริงๆจะเริ่มขึ้น
ที่นี่คือ Victor habour ได้เวลาเข้าสู่โหมดทะเลอีกครั้ง Victor habour การจะมาVictor habour ต้องนั่งบัสออกมาจากเมืองสองชั่วโมงเห็นจะได้ มีบัสไปเย็นกลับแต่ไปเย็นกลับก็ต้องเดินแบบรีบๆเหมือนกัน อารมณ์แบบเดินชมธรรมชาติถ่ายรูป
ที่นี่มีเพนกวินให้ดูด้วย มุ้งมิ้งมาก และเนื่องจากมันต้องเสียค่าเข้าไปดูซึ่งจริงๆมันก็จำนวนไม่กี่บาทหรอก แต่ตอนนั้นเที่ยวมาทั้งวันแล้วกินโน้นกินนี้ตังค์ใกล้หมด ตอนแรกตัดสินใจว่าจะไม่ดู แต่สงสัยด้วยความที่หน้าตาน่าสงสารคุณลุงคนขายตั๋วก็ดันลดราคามาให้จ่ายแค่ตั๋วเด็กเท่านั้น ง่อววววว
......ดูรูปกันจนเหนื่อย......Backpack trip จะเริ่มต้นขึ้นจริงๆสักที อย่าเพิ่งเบื่อนะ เดียวไว้มาต่อPart 2 ตอนนี้จขกท ปวดตานั่งจ้องคอมพ์นาน
ทิ้งท้าย part 1 ไว้เรียกน้ำย่อยเบาๆ ก่อนจะทำpart 2 ที่จะเริ่มบันทึกการเดินทาง จาก Adelaide ถึง Melbourne ตัวคนเดียวด้วย รถไฟ The overland ระยะทาง 828 Km หลับจนลืม เอ๊ย..... นั่งซึมซับบรรยากาศจนเพลิน