สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ชีวิตคู่ แค่ความรักมันไม่พอนะคะ
อีกอย่าง ปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้าและอาการแนวๆไพโบล่าของแตงโมเองก็น่าจะเป็นหนึ่งในชนวนที่ทำให้เกิดปัญหานะสม
เรามองจากญาติเราเลยค่ะ คือเห็นชัดเจนมาก
ฝ่ายหญิงตามที่คนมองคือเป็นคนใจเย็น ใจดี มีน้ำใจ ใจกว้าง รักเด็ก น่ารัก
แต่สิ่งที่ฝ่ายชายเจอหลังจากแต่งงานไปแล้วคือเอาแต่ใจ ประชดประชัน ชอบคิดเล็กคิดน้อย
คิดเองเออเองแล้วก็ด่าโดยที่ไม่ถามเหตุผลจากอีกฝ่ายเลย คือโมโหอะไรก็ด่า แล้วด่าเป็นคุ้งเป็นแคว
จากที่น่ารักอยู่ก็เหมือนปีศาจเข้า พอโมโหมากๆก็หยิบข้าวของเสื้อผ้าฝ่ายชายโยนออกมานอกบ้าน
วันดีคืนดีน้อยใจสามีมากๆก็ลุกขึ้นมาพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วเอาออกไปวางนอกบ้าน
ที่เคยเห็นอาการหนักมากๆ ก็คือหอบเสื้อผ้าสามีไปเผาเพราะไม่สบอารมณ์เรื่องอะไรสักอย่าง
แต่พออารมณ์ดีก็กลับมาทำตัวดีค่ะ
พอการทะเลาะมันเกิดปัญหาสะสมมาเรื่อยๆ คือฝ่ายชายพยายามทนและพยายามเข้าใจ แต่พอมันซ้ำเดิมเรื่อยๆ และเจอแบบเดิมเรื่อยๆ
ฝ่ายหญิงไม่เคยดีขึ้น ยังเอาแต่ใจ ประชดประชัน สร้างความเครียดให้เรื่อยๆ
สุดท้ายชีวิตคู่เลยจบลงในปีที่ 8 หรือ 9 นี่แหละ
เรารู้จักทั้งคู่ แล้วก็รู้มาตลอดว่าฝ่ายหญิงเป็นแบบนั้น ซึ่งมีแต่คนสนิทเท่านั้นที่รู้
ตอนแรกที่แต่งงานฝ่ายชายคิดว่ารับได้ค่ะ เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้แสดงท่าทีด้านลบออกมามาก
แค่แสดงออกบ้างในบางครั้ง ออกแนวควบคุมตัวเองได้ แต่พอแต่งงานแล้ว เป็นเจ้าของแล้ว มันก็ค่อยๆมากขึ้น
เราไม่แน่ใจว่าอาการของฝ่ายหญิงที่เรารู้จักอยู่ในระดับไหน แต่คิดว่าน่าจะน้อยกว่าอาการของแตงโมพอสมควร
พอมาเจอเหตุการณ์ของแตงโม ก็ไม่รู้สึกว่าฝ่ายชายผิดค่ะ เพราะคนที่เรารู้จักก็เลือกที่จะเงียบเหมือนกัน
จุดนี้ เราว่าเราเข้าใจทั้งสองฝั่งนะ ไม่มีใครผิดหรอก แต่มันคือความเข้ากันไม่ได้มากกว่า
อีกอย่าง ปัญหาเรื่องโรคซึมเศร้าและอาการแนวๆไพโบล่าของแตงโมเองก็น่าจะเป็นหนึ่งในชนวนที่ทำให้เกิดปัญหานะสม
เรามองจากญาติเราเลยค่ะ คือเห็นชัดเจนมาก
ฝ่ายหญิงตามที่คนมองคือเป็นคนใจเย็น ใจดี มีน้ำใจ ใจกว้าง รักเด็ก น่ารัก
แต่สิ่งที่ฝ่ายชายเจอหลังจากแต่งงานไปแล้วคือเอาแต่ใจ ประชดประชัน ชอบคิดเล็กคิดน้อย
คิดเองเออเองแล้วก็ด่าโดยที่ไม่ถามเหตุผลจากอีกฝ่ายเลย คือโมโหอะไรก็ด่า แล้วด่าเป็นคุ้งเป็นแคว
จากที่น่ารักอยู่ก็เหมือนปีศาจเข้า พอโมโหมากๆก็หยิบข้าวของเสื้อผ้าฝ่ายชายโยนออกมานอกบ้าน
วันดีคืนดีน้อยใจสามีมากๆก็ลุกขึ้นมาพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วเอาออกไปวางนอกบ้าน
ที่เคยเห็นอาการหนักมากๆ ก็คือหอบเสื้อผ้าสามีไปเผาเพราะไม่สบอารมณ์เรื่องอะไรสักอย่าง
แต่พออารมณ์ดีก็กลับมาทำตัวดีค่ะ
พอการทะเลาะมันเกิดปัญหาสะสมมาเรื่อยๆ คือฝ่ายชายพยายามทนและพยายามเข้าใจ แต่พอมันซ้ำเดิมเรื่อยๆ และเจอแบบเดิมเรื่อยๆ
ฝ่ายหญิงไม่เคยดีขึ้น ยังเอาแต่ใจ ประชดประชัน สร้างความเครียดให้เรื่อยๆ
สุดท้ายชีวิตคู่เลยจบลงในปีที่ 8 หรือ 9 นี่แหละ
เรารู้จักทั้งคู่ แล้วก็รู้มาตลอดว่าฝ่ายหญิงเป็นแบบนั้น ซึ่งมีแต่คนสนิทเท่านั้นที่รู้
ตอนแรกที่แต่งงานฝ่ายชายคิดว่ารับได้ค่ะ เพราะฝ่ายหญิงไม่ได้แสดงท่าทีด้านลบออกมามาก
แค่แสดงออกบ้างในบางครั้ง ออกแนวควบคุมตัวเองได้ แต่พอแต่งงานแล้ว เป็นเจ้าของแล้ว มันก็ค่อยๆมากขึ้น
เราไม่แน่ใจว่าอาการของฝ่ายหญิงที่เรารู้จักอยู่ในระดับไหน แต่คิดว่าน่าจะน้อยกว่าอาการของแตงโมพอสมควร
พอมาเจอเหตุการณ์ของแตงโม ก็ไม่รู้สึกว่าฝ่ายชายผิดค่ะ เพราะคนที่เรารู้จักก็เลือกที่จะเงียบเหมือนกัน
จุดนี้ เราว่าเราเข้าใจทั้งสองฝั่งนะ ไม่มีใครผิดหรอก แต่มันคือความเข้ากันไม่ได้มากกว่า
ความคิดเห็นที่ 11
โตโน่เคยสัมภาษณ์ว่ารักเค้าเหมือนกัน แต่รักอย่างเดียวมันไม่พอ มันต้องเข้าใจด้วย
มันไม่เข้าใจกันเลย..
และเราว่า แตงโมขนาดตายแทนได้ คงรักสุดๆ คงไม่อยากให้ไปไหน
อาการซึมเศร้า คงอยากมีใครอยู่ด้วยตลอด ซึ่งความเป็นจริงแล้ว
ชีวิตจริงมันทำอย่างนั้นไม่ได้
เราต้องรักกันเหมือนต้นไม้สองต้น ที่อยู่ข้างๆกันในระยะที่เหมาะสม
ไม่ใช่อยู่ใต้ร่มเงาของกันและกันมันจะไม่เจริญ งอกงามได้..
คนที่รักมากเกินไป ก้อไม่ต่างจากคนที่ป่วยทางจิต อยู่ด้วยยากอ่ะ
มันไม่เข้าใจกันเลย..
และเราว่า แตงโมขนาดตายแทนได้ คงรักสุดๆ คงไม่อยากให้ไปไหน
อาการซึมเศร้า คงอยากมีใครอยู่ด้วยตลอด ซึ่งความเป็นจริงแล้ว
ชีวิตจริงมันทำอย่างนั้นไม่ได้
เราต้องรักกันเหมือนต้นไม้สองต้น ที่อยู่ข้างๆกันในระยะที่เหมาะสม
ไม่ใช่อยู่ใต้ร่มเงาของกันและกันมันจะไม่เจริญ งอกงามได้..
คนที่รักมากเกินไป ก้อไม่ต่างจากคนที่ป่วยทางจิต อยู่ด้วยยากอ่ะ
แสดงความคิดเห็น
โม รัก โน่ ขนาดถวายชีวิตได้ แล้วจะมีเหตุใด ให้ โน่ เลิก โม ... พิลึกจริงๆ
มือที่สาม ก็ไม่น่าใช่
หรือโม ไม่มีงาน เลยเลิก ก้ไม่น่าใช่อีก ถ้าดูจากรายการวู๊ดดี้