Slow Life ใช้ชีวิตแบบเนิบๆ กับการเดินทางรถไฟสายมรณะ สังขละบุรี-กาญจน์บุรี 3 คืน 4 วัน

     สำหรับทริปนี้เป็นทริปประหยัดสำหรับเรานะครับ นั่งรถไฟฟรี พอจัดเวลาลงตัวกับเพื่อนก็ทำการจัดการตรวจตารางเดินรถไฟ  สำหรับทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมด 3 คืน 4 วันครับ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ
    วันที่ 1 จุดหมายปลายทางอยู่ที่อำเภอสังขละบุรี เราเดินทางมาสถานีธนบุรี(บางกอกน้อย) ก็อยู่ข้างๆ โรงพยาบาลศิริราชครับ บริการรถไฟฟรี  เรานั่งขบวน ธนบุรี-น้ำตก แต่ล่าช้าเป็นเรื่องธรรมดา กว่าจะได้ออกก็เกือบ 8 โมงครับ


สถานีธนบรี ผมไม่คิดว่าสถานีแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้จะมาอยู่กลางเมืองกรุงเลยครับ
     รถไฟสายนี้ก็จะจอดเกือบทุกสถานีเลยนะครับ หวานเย็นกันไป

เช้าเกิน รถไฟออกก็หลับกันเลย

ตื่นมาก็กินๆ

วิวสวยๆ

ชุมทางหนองปลาดุก จากจุดนี้ก็จะเริ่มเส้นทางรถไฟสายมรณะครับ
      นั่งๆ หลับๆ กันจนมาถึง สถานีกาญจนบุรี  แล้วก็จะมีการต่อโบกี้เพิ่มให้ยาวขึ้นอีก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ จากนั้นเราก็จะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว

ครึ่งทางแล้ว สถานีกาญจน์บุรี

นั่งยาวๆกันไป

ความสวยงามยามอากาศร้อนๆ

นั่งจนเมื่อยครับ เราก็มาถึงถ้ำกระแช
     ถ้ำกระแซเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งเลยครับ เพราะเป็นที่ตั้ง สะพานไม้รางรถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทยครับ ใครอยากได้รูปสวยๆ แนะนำนั่งฝั่งซ้ายนะครับ

วิวบนรถไฟ ผ่านรางไม้ยาวที่สุดในประเทศไทย

มุมสูงบนรถไฟ
      จากสถานีเราใช้เวลาเดินทางอีกเกือบๆ ชั่วโมงก็จะมาถึงสถานีน้ำตก มองดูนาฬิกาก็บ่ายสองกว่าๆ ซึ่งสุดสายของเส้นทางรถไฟสายมรณะในปัจจุบันนะครับ เพราะในสมัยก่อนเส้นทางรถไฟสายนี้จะถึงประเทศพม่าเลยนะครับ สุดสายก็ลงครับนั่งรถสองแถว ราคา 20 บาทเพื่อจะออกไปหารถต่อไปยังสังขละบุรีครับ  ซึ่งใครจะไปเที่ยวน้ำตกไทยโยคน้อยก็ใช้รถสองแถวได้เช่นกัน รถไฟมาช้ารถที่นั่งต่อไปสังขละหมดครับ รถตู้ก็ไม่จอดรับระหว่างทาง โบกรถสิครับ แต่ไม่มีใครจอด สุดท้ายมีแม่ค้าแถวนั้นบอกว่า จะมีรถกาญจน์ – ทองผาภูมิรอบสุดท้ายมีตอน 4 โมง แต่ต้องลุ้นว่าจะมีรถต่อเข้าไปสังขละหรือเปล่า แต่ทำไงได้ก็ต้องเสี่ยง รถเมย์มาถึง เป็นรถเมย์หวานเย็นครับ แต่โชคยังเข้าข้างเราเจอพี่ท้ายรถใจดีมากๆ บอกว่าไม่ต้องห่วงมีรถไปสังขละแน่นอน พร้อมอธิบายสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางเหมือนพี่เป็นไกด์นำเที่ยวเลยครับ ขอบคุณมากๆ นะครับ ซึ่งเส้นทางนี้ก็จะผ่านช่องเขาขาด ผ่านปากทางเข้าน้ำตกไทรโยคใหญ่ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย
  นั่งหวานเย็นมากชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงทองผาภูมิ พี่เขาก็ใจดี จอดรถให้ถึงท่ารถตู้ที่จะไปสังขละฯ เลย ต่อไปก็ลุ้นครับว่ารถตู้จะเต็มหรือเปล่าฝนก็ตกผ่านไป 2 คันเต็มครับ  แต่โชคเข้าข้างเราเช่นเคย ทำบุญมาดีครับคันที่ 3 ที่นั่งเหลือสำหรับเราพอดี กว่าจะได้เดินทางต่อก็หกโมงกว่าๆ ค่ำแล้วครับฝนตกด้วย รถตู้ก็ค่อยๆ พาเราไป

รถตู้มาแล้ว
     ถึงสังขละเกือบสองทุ่มครับ ฝนตกไม่หยุด แต่เราก็ต้องเดินไปที่พัก เดินตากฝนพร้อมความมืดไปสิครับ เกือบสองกิโล เปียกนิดๆ พอเป็นหวัด ถึงที่พัก สองทุ่มกว่าๆ ครับ check in เรียบร้อย ขอยืมจักรยานปั่นไป หาข้าวกิน กลับมาถึงที่พักหมดแรงอาบน้ำพักผ่อน วันนี้เราใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 12 ชั่วโมง คุยมายาวมากไม่ค่อยมีรูปให้ดูเลย เพราะหลับไม่ค่อยได้ถ่าย ฝนตก และมืดแล้วด้วย แต่วันต่อไปรูปมาเต็มแน่นอนครับ สำหรับวันนี้นอนก่อนนะครับ
      วันที่ 2 เริ่มต้นตั้งแต่ 6 โมงเลยครับ เพราะจะไปทำบุญตักบาตรดอกไม้ที่สะพานมอญครับ  จากที่พักไม่ไกลครับ เดินไป 500 เมตร กับอากาศตอนเช้าที่เย็นสบาย มีหมอกด้วย

เช้าๆ กับบรรยากาศหน้าที่พัก

เช้าๆ กับสะพานมอญ

ทำบุญ ตักบาตร สาธุ

แสงมาแล้ว

เดินชิวๆ
       ทำบูญเสร็จแล้วก็เดินกลับที่พักครับ มานอนต่อเก็บแรงอีกหน่อย

ที่พักของเรา
สายๆ ทุกคนพร้อม ก็ออกไปหาอะไรทานก่อน ค่อยปั่นจักรยานเที่ยวกันครับ แดดร้อนมาก แนะนำครีมกันแดดก่อนปั่นนะครับ ปั่นๆ ขึ้นเนินลงดอยจนมาถึงร้านกาแฟ ที่อ่านมาจากรีวิวในพันทิปนี้แหละครับ

พร้อมออกเที่ยวได้

ปั่นมาไกลมาก ถึงเราร้านกาแฟ
     แต่คำถามแรกที่พี่ร้านกาแฟถามน้องทำยังไงกันมา บอกแบบภูมิใจมากว่าปั่นจักรยานมาครับ พี่เขาหัวเราะใหญ่เลย ว่าน้องเก่งจริงๆ เพราะเมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่ควรปั่นจักรยานเพราะปั่นมา ปั่นกลับยากครับ เพราะเนินสูงมาก
    พักหายเหนื่อยก็ปั่นกลับ แต่คนละทางตอนมานะครับ แต่ลงดอยโหดมาก เบรกไม่ค่อยดีครับ ลุ้นสุดๆ แต่ปลอดภัยดีนะครับ


อีกมุมสะพานมอญอีกฝั่งครับ
ถ่ายรูปเสร็จกับแดดอันโหดร้ายมาก จักรยานก็ปั่นไม่ไหวแล้ว จูงครับ แค่จูงก็หอบรับประทานแล้วครับ เหนื่อยมากคือเกือบเป็นลม พักเป็นรอบๆ

เหนื่อยไหมพักๆ
คือเราปั่นเป็นวงกลมครับ ถึงที่พักขออาบน้ำเลยครับ ไม่งั้นไม่รอด สุดท้ายก็เลือกนั่งชิวๆ กับที่พักเพราะมีกาแฟเครื่องดื่มไว้ค่อยบริการ อีกอย่าง ร่มรื่นมาก

สู้ๆอีกนิดเดียวถึงที่พักแล้ว

ร้านกาแฟ ที่พักของเรา

นั่งหอบหน้าที่พัก

นั่งพักในสวน
       เสร็จแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็น ก็ไปทานกันที่ สามประสบครับ เพราะบรรยากาศกับวิวที่สวยที่สุดครับ สั่งอาหารไว้แต่ยังไม่หิวเลยขอไปเดินถ่ายรูปเล่นก่อน ก็สะพานมอบ และวิวสวยครับ ๆ

วิวมุมสูงจากร้านอาหาร

มุมสูงจากสะพานมอญ

ค่ำแล้ว

ตะวันตกดินแล้วได้เวลาทานข้าวเย็น
ทานข้าวเสร็จก็เดินกลับที่พัก เพราะฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว
      วันที่ 3 วันสุดท้ายที่สังขละฯ ก่อนเดินทางกลับไปไทรโยค เราก็ขอเที่ยวกันอีกเล็กน้อยครับ ก็เดินข้ามสะพานมอญไปกินขนมจีนหยวกกล้วย เสร็จแล้วก็ไปวัดวังวิเวกการามใหม่ ของหลวงพ่ออุตะมะ เพื่อกราบนมัสการขอพรก่อนกลับ โดยนั่งรถ สามล้อพ่วงครับ คนละ 50 บาท ไป-กลับนะครับ

ถึงแล้วฝั่งมอญ

กราบขอพรหลวงพ่ออุตตะมะ

เจดีย์พุทธคยา

ทางเข้าเจดีย์

ระหว่างทางกลับฟ้าสวยเป็นใจมาก

สะพานมอญ

สะพานลูกบวบ
      จากนั้นก็กลับมาเอาของเดินทางกลับด้วยรถตู้เช่นเคยครับ ราคา 150 บาท เพราะเรามาลงที่น้ำตกไทรโยคน้อยครับ เพราะวันนี้เราจะไปนอนที่ ถ้ำกระแซ โดยนั่งรถไปเที่ยวบ่ายสามโมง น้ำตก-ธนบุรี แต่เราลงที่ถ้ำกระแซนะครับ พักที่สวนไทรโยครีสอร์ท

ถึงแล้วที่พักคืนนี้
เก็บของเสร็จก็เดินเล่นที่รางรถไฟครับ เก็บรูปมาฝากแบบจุใจเลยครับ

รถไฟมาแล้ว เที่ยวสุดท้าย

ถ้ำกระแซ

เริ่มค่ำแล้ว

้เดินเล่นกัน

รางรถไฟไม้ ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

อีกมุมนะครับ

เดินเรียบกลับที่พัก

ภาพนี้จากที่พัก

^_^
     วันที่ 4 ตื่นเช้ามาก็ทานอาหารที่รีสอร์ทจัดให้ จากนั้นก็ลุยครับ เล่นเครื่องเล่นกันครับ เรามีเวลาถึงบ่ายสามโมง ก่อนรถไฟจะมาถึงสถานีถ้ำกระแซครับ

ร้อนครับลงน้ำกัน

เย็นสบาย

เข้าป่ากัน

เสียวมาก
    พอถึงเวลาก็นั่งรถไฟกลับ กรุงเทพครับ โดยสามารถขึ้นรถไฟได้เลยนะครับ ถ้ำกระแซ-ธนบุรี เราก็มาถึงสี่ทุ่มครับ นั่งหลับตลอดทาง
ของคุณนะครับสำหรับเพื่อนที่เลิฟที่ร่วมทริปนี้ โหด มัน ฮ่า ทรหด ร้อน แต่ก็ไม่บ่นเลย

รถไฟขบวนสุดท้ายมาแล้ว

กลับ กทม กัน

เมื่อไรจะถึง
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามนะครับ