สำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่อยากจะเริ่มทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังกลัวว่าจะไปไม่รอด กลัวการเจ๊งงง อยากให้ดูคุณสมบุญ คำสอน เป็นตัวอย่าง ที่ลาออกจากพนักงานสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ มาเป็นเจ้าของฟาร์มไก่ไข่ แม่เจ้า เป็นถึงพนักงานแบงค์แต่ลาออกมาเลี้ยงไก่ คงไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะเขามีรายได้ต่อเดือนกว่า 1.6 แสนบาท โอ้โหหหห
คุณสมบุญ บอกว่า ชีวิตการทำงานเริ่มต้นที่เป็นพนักงานฝ่ายสินเชื่อให้แก่เกษตรกรของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ทำให้รู้จักโครงการเลี้ยงไก่ไข่ ในรูปแบบของประกันราคาของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เห็นแล้วเกษตรกรมีรายได้ดี ทำให้ศึกษารายละเอียด และพบว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจ จึงตัดสินใจกู้เงินจากธนาคารจำนวนหนึ่ง หันมาเลี้ยงไก่ไข่เมื่อปี 2545 จำนวน 1 โรงเรือนเลี้ยงไก่ได้ 10,080 ตัว ระหว่างนั้นมีหลายคนมาสอบถามว่าทำไมถึงเลือกทำในรูปแบบประกันราคา ที่มีความเสี่ยงมากกว่าการทำแบบประกันรายได้
"ที่บ้านเคยมีประสบการณ์จากการที่เคยเลี้ยงหมูหลังบ้านมาก่อน เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นเราต้องหาเองทุกอย่างรวมทั้งตลาดด้วย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การเลี้ยงไก่ไข่ในระบบประกันราคา มองเห็นชัดว่ามีความเสี่ยงน้อยมาก รายได้แน่นอน เราไม่ต้องกังวลเรื่องตลาด ทางบริษัทเข้ามารับความเสี่ยงนี้แทนเราทั้งหมด จึงมองว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผม" สมบุญ กล่าวอย่างมั่นใจ
ซึ่งในระยะเวลา 2 ปี คุณสมบุญ ตัดสินใจสร้างโรงเรือนไก่ไข่เพิ่มอีก 1 หลัง บรรจุแม่ไก่ไข่ได้ 10,200 ตัว เมื่อคำนวณรายได้แล้ว หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายต่างๆ พบว่า รายได้จากผลผลิตไข่ไก่ทั้ง 2 โรงเรือนนี้ สร้างรายได้ประมาณเดือนละ 1 แสนบาท ขณะที่มูลไก่ไข่ที่นำมาตากทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ยังสร้างรายได้เสริมให้อีกเดือนละกว่า 6 หมื่นบาท เวลาผ่านไป 4 ปี คุณสมบุญสามารถปลดภาระเงินกู้ธนาคารได้ทั้งหมด
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดี สำหรับคนที่คิดจะเริ่มทำอะไรเป็นเป็นของตัวเอง
ที่มา:
http://www.komchadluek.net/detail/20150703/209025.html
ออกจากแบงก์มาเลี้ยงไก่ไข่ รายได้เดือนละ 1.6 แสนบาท
คุณสมบุญ บอกว่า ชีวิตการทำงานเริ่มต้นที่เป็นพนักงานฝ่ายสินเชื่อให้แก่เกษตรกรของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ทำให้รู้จักโครงการเลี้ยงไก่ไข่ ในรูปแบบของประกันราคาของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เห็นแล้วเกษตรกรมีรายได้ดี ทำให้ศึกษารายละเอียด และพบว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจ จึงตัดสินใจกู้เงินจากธนาคารจำนวนหนึ่ง หันมาเลี้ยงไก่ไข่เมื่อปี 2545 จำนวน 1 โรงเรือนเลี้ยงไก่ได้ 10,080 ตัว ระหว่างนั้นมีหลายคนมาสอบถามว่าทำไมถึงเลือกทำในรูปแบบประกันราคา ที่มีความเสี่ยงมากกว่าการทำแบบประกันรายได้
"ที่บ้านเคยมีประสบการณ์จากการที่เคยเลี้ยงหมูหลังบ้านมาก่อน เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นเราต้องหาเองทุกอย่างรวมทั้งตลาดด้วย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การเลี้ยงไก่ไข่ในระบบประกันราคา มองเห็นชัดว่ามีความเสี่ยงน้อยมาก รายได้แน่นอน เราไม่ต้องกังวลเรื่องตลาด ทางบริษัทเข้ามารับความเสี่ยงนี้แทนเราทั้งหมด จึงมองว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผม" สมบุญ กล่าวอย่างมั่นใจ
ซึ่งในระยะเวลา 2 ปี คุณสมบุญ ตัดสินใจสร้างโรงเรือนไก่ไข่เพิ่มอีก 1 หลัง บรรจุแม่ไก่ไข่ได้ 10,200 ตัว เมื่อคำนวณรายได้แล้ว หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายต่างๆ พบว่า รายได้จากผลผลิตไข่ไก่ทั้ง 2 โรงเรือนนี้ สร้างรายได้ประมาณเดือนละ 1 แสนบาท ขณะที่มูลไก่ไข่ที่นำมาตากทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ยังสร้างรายได้เสริมให้อีกเดือนละกว่า 6 หมื่นบาท เวลาผ่านไป 4 ปี คุณสมบุญสามารถปลดภาระเงินกู้ธนาคารได้ทั้งหมด
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดี สำหรับคนที่คิดจะเริ่มทำอะไรเป็นเป็นของตัวเอง
ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20150703/209025.html