ช่วงนี้หน้าฝนค่ะ เรารู้สึกว่าหาที่เที่ยวยากเหลือเกิน
เพราะเป็นคนโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่วิตกกังวลเวลาไปเที่ยวว่าถ้าไปไม่ถูกฤดู
เดี๋ยวจะต้องอกหักกลับบ้านเพราะรูปของจริงกับรูปที่เจอในรีวิวไม่เหมือนกันค่ะ
ตอนนี้เลยคิดหนัก
"
จะไปทะเลหน้าฝนก็ไม่น่าจะเวิร์ค..
จะไปภูเขาหน้าฝนก็กลัวจะไม่คุ้นทางขึ้นเขาอีก
พอคิดไปคิดมา..
หน้าฝนแบบนี้ก็ต้องเหมาะกับเที่ยวเขื่อนสิ !
ไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทางขึ้นเขา
ไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะขุ่นจนมองไม่เห็นพื้น (แหง๋ดิ ก็มันน้ำเขื่อนนนน)
"
รอช้าอยู่ใย ไปเขื่อนเชี่ยวหลานเลยดีกว่าา เฮฮฮ
FACEBOOK :
https://www.facebook.com/CumulusDay
(เข้ามาทักทายกันได้สำหรับคนที่อยากพูดคุยหรือติดตามรีวิวเราได้ที่นี่เลยน้า ใจดีไม่มีกัดค่า 55)
แ ผ น ก า ร เ ที่ ย ว แ บ บ ค ร่ า ว ๆ
เนื่องจากปรึกษากับคณะทัวร์แล้ว จึงได้ข้อสรุปว่าเราจะอยู่เชี่ยวหลานแค่ 1คืน ค่ะ ส่วนอีก 1 คืนก็จะย้ายสำมโนครัว
ไปอยู่ที่ อ.ขนอม เพื่อดูโลมาสีชมพูววว มาสคอตของอำเภอนั้นกันค่ะ
(สำหรับทริปนี้มาด้วยเครื่องบิน และใช้วิธีเช่ารถขับกันค่ะ)
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยเลย !
—————————
D A Y 1
เราออกเดินทางจากกรุงเทพ-สุราษฯ โดยเครื่องขึ้นตอนประมาณ 6โมงเช้าค่ะ
แต่ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น พี่กัปตันก็เหยียบคันเร่งของรถเมล์สาย 8 เอ้ย! เครื่องบิน
มาถึงสนามบินสุราษฎร์ฯ ก่อนเวลา Landing 15นาที พี่จะเร่งทำรอบไปไหนเนี้ย บินเร็วเกิ๊น
อย่างไรก็ตาม..ถึงสุราษฎร์ฯ แล้วค่ะ เฮฮ
สิ่งต่อมาคือไปติดต่อรถตู้ไปเขื่อนเชี่ยวหลานเลยค่ะ
โดยเคาท์เตอร์ที่ติดต่อเมื่อเดินออกมาจากที่รับกระเป๋าก็มองเห็นได้เลย
เป็นเคาท์เตอร์ที่มีรถพาไปที่เที่ยวยอดนิยมต่างๆของจังหวัดนี้
เราซื้อตั๋วรถตู้ไปเขื่อนเชี่ยวหลานมาได้ในราคาหัวละ 300บาท
(แต่ต้องนั่งรอรถตู้อีกตั้ง 1ชม. TvT คิดว่าจะได้ไปเร็วๆซะอีกกก)
หลังจากที่นั่งรถตู้มาตรงสันเขื่อนอีกประมาณเกือบชม. ก็ได้เวลาต่อเรือกันเสียที !!
แพที่เราติดต่อไว้เป็นแพคีรีวารินค่ะ
เดิมทีก็เล็งแพ 500ไร่ ไว้อยู่หรอก แต่ด้วยตอนนั้นไม่มีราคาโปรโมชั่น เลยต้องล่าถอยไปค่ะ
เพราะราคาต่อหัวต่อห้องคือแทบกระอักเลือด วิ่งหนีแทบไม่ทัน *กระซิก*
อ่อ อีกเรื่องคือการจองแพที่นี่จะคิดราคารวมค่ากิน+ห้องพัก+พาเที่ยวด้วยเรือ
อย่างคีรีวาริน รวมทุกอย่างแล้วก็หัวละ 3200บาท/คืน ค่ะ
ไม่มีการขายแยกแค่ห้องพักแต่อย่างใดนะ
คนขับเรือค่อยๆขับพาเราลัดเลาะไปเรื่อยๆตามโขดหินอย่างไม่รีบร้อน
โอ้ววววว ในที่สุดก็ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองง
กุ้ยหลินเมืองไทยย ยิ่งใหญ่ตระการตาเหลือเกินนนนน
โอเคค มาถึงจุดถ่ายภาพที่ห้ามพลาดเด็ดขาดของทริปนี้
“ เ ข า ส อ ง เ ก ล อ "
อ้าวผิดๆ ดันถ่ายเบี้ยวมันเลยกลายเป็นสอง /ตึ่งโป๊ะ
เอาใหม่ เทคทู (กล้าเล่นนะนังนี่!)
“เ ข า ส า ม เ ก ล อ "
เนื่องจากที่พักของเราอยู่ไกลที่สุด
เลยถ่ายรูปสนุกสุดๆไปเลยค่ะ เห็นอะไรไม่รู้ล่ะ ตูกดไว้ก่อนลูกเดียว 5555
ถ่ายกับหัวเรือบ้าง
และแล้วหลังจากการเดินทางมาอย่างยาวนานถึง 10ปีแสง
เราก็ได้วาร์ปมาถึง ดาวคีรีวาริน(?) แล้วว แล้วว แล้วว แล้ววว ~~
พอเรือแตะฝั่งเท่านั้นแหละครัชทั่นผู้ชม...
ท้องร้องเลยครัชช 55555
พอจบสิ้นพิธีการเช็คอินเสร็จแล้ว พวกเราก็ส่งกระแสจิตรับรู้กันได้อย่างไม่ต้องบอกกล่าวว่าจะไปที่ใด
“ห้องอาหารสิครับทั่นนน”
นาทีนี้ต้องแกงไตปลาเท่าน้านนนนนนนนน
ปล. ความจริงแล้วอาหารที่ที่พักจัดให้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์แหละค่ะ แต่นี่หิว เลยถ่ายมาแค่ถ้วยเดียวแล้วตัดจบ เย้
—————————
หลังจากที่เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว
ไ ด้ เ ว ล า เ ล่ น น้ ำ + พ า ย ค า ยั ค จ้ า า
โดดน้ำเลยยยยย ~ น้ำเย็นสดชื่นมากๆ หายร้อนได้ในบัดดล แฮ่
หลังจากลอยคออยู่ในน้ำสักพัก ก็ได้เวลา Challange กันหน่อยละ
เขาบอกว่ามาคีรีวาริน ห้ามพลาดสิ่งนี้ !!
ผาสำหรับโดดน้ำ ! (จริงๆก็ไม่ใช่ผาหรอก แต่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี)
เอาจริงๆนะ ตอนมองมันขณะที่ลอยอยู่ในน้ำ..
" แม็คก็คิดน้าา ว่าชิวชิ๊ว(เสียงสูง) ผาไม่สูงเท่าไหร่~ ไปโดดขำๆเอาฮา "
//ภาพตัดมาตอนอยู่ด้านบน//
" โนวววว ฉันจะไม่โดดเด็ดขาดด ทำไมมันสูงขณะนี้ ถามใจตัวเองแปปป " *กรีดร้อง*
//กล้องแพนมาที่พี่ที่ลอยคอรออยู่ข้างล่าง//
"อะไรมันจะขนาดนั้น เมื่อไหร่จะโดดวะครับ"
(และเมื่อเห็นว่าน้องไม่ยอมโดดสักที จึงปีนขึ้นมาหวังจะลากน้องลงไป)
//ภาพตัดมาตอนอยู่ด้านบน//
สองพี่น้องยืนตัวแข็งไม่ไหวติงอยู่ที่ด้านบนของผา...
...โอเค...อีกนานมั้ยกว่าพวกแกจะโดด !!!
เอ้า..โดดก็โดดวะ 3 2 1 !!
ปล. ข้อแนะนำคือเวลาโดดให้เอามือปิดจมูกด้วยนะ ไม่งั้นน้ำทะลักเข้ามาเต็มมาก
ผมนี่สำลักแทบไม่ทัน พลาดเสียแล้ว
[CR] 3 วั น 2 คืน ... เ ชี่ ย ว ห ล า น ... แ บ บ ไ ม่ เ ชี่ ย ว ช า ญ [ ก็ ไ ป ไ ด้ ]
เพราะเป็นคนโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่วิตกกังวลเวลาไปเที่ยวว่าถ้าไปไม่ถูกฤดู
เดี๋ยวจะต้องอกหักกลับบ้านเพราะรูปของจริงกับรูปที่เจอในรีวิวไม่เหมือนกันค่ะ
ตอนนี้เลยคิดหนัก
"
จะไปทะเลหน้าฝนก็ไม่น่าจะเวิร์ค..
จะไปภูเขาหน้าฝนก็กลัวจะไม่คุ้นทางขึ้นเขาอีก
พอคิดไปคิดมา..
หน้าฝนแบบนี้ก็ต้องเหมาะกับเที่ยวเขื่อนสิ !
ไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทางขึ้นเขา
ไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะขุ่นจนมองไม่เห็นพื้น (แหง๋ดิ ก็มันน้ำเขื่อนนนน)
"
รอช้าอยู่ใย ไปเขื่อนเชี่ยวหลานเลยดีกว่าา เฮฮฮ
FACEBOOK : https://www.facebook.com/CumulusDay
(เข้ามาทักทายกันได้สำหรับคนที่อยากพูดคุยหรือติดตามรีวิวเราได้ที่นี่เลยน้า ใจดีไม่มีกัดค่า 55)
แ ผ น ก า ร เ ที่ ย ว แ บ บ ค ร่ า ว ๆ
เนื่องจากปรึกษากับคณะทัวร์แล้ว จึงได้ข้อสรุปว่าเราจะอยู่เชี่ยวหลานแค่ 1คืน ค่ะ ส่วนอีก 1 คืนก็จะย้ายสำมโนครัว
ไปอยู่ที่ อ.ขนอม เพื่อดูโลมาสีชมพูววว มาสคอตของอำเภอนั้นกันค่ะ
(สำหรับทริปนี้มาด้วยเครื่องบิน และใช้วิธีเช่ารถขับกันค่ะ)
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยเลย !
—————————
D A Y 1
เราออกเดินทางจากกรุงเทพ-สุราษฯ โดยเครื่องขึ้นตอนประมาณ 6โมงเช้าค่ะ
แต่ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น พี่กัปตันก็เหยียบคันเร่งของรถเมล์สาย 8 เอ้ย! เครื่องบิน
มาถึงสนามบินสุราษฎร์ฯ ก่อนเวลา Landing 15นาที พี่จะเร่งทำรอบไปไหนเนี้ย บินเร็วเกิ๊น
อย่างไรก็ตาม..ถึงสุราษฎร์ฯ แล้วค่ะ เฮฮ
สิ่งต่อมาคือไปติดต่อรถตู้ไปเขื่อนเชี่ยวหลานเลยค่ะ
โดยเคาท์เตอร์ที่ติดต่อเมื่อเดินออกมาจากที่รับกระเป๋าก็มองเห็นได้เลย
เป็นเคาท์เตอร์ที่มีรถพาไปที่เที่ยวยอดนิยมต่างๆของจังหวัดนี้
เราซื้อตั๋วรถตู้ไปเขื่อนเชี่ยวหลานมาได้ในราคาหัวละ 300บาท
(แต่ต้องนั่งรอรถตู้อีกตั้ง 1ชม. TvT คิดว่าจะได้ไปเร็วๆซะอีกกก)
หลังจากที่นั่งรถตู้มาตรงสันเขื่อนอีกประมาณเกือบชม. ก็ได้เวลาต่อเรือกันเสียที !!
แพที่เราติดต่อไว้เป็นแพคีรีวารินค่ะ
เดิมทีก็เล็งแพ 500ไร่ ไว้อยู่หรอก แต่ด้วยตอนนั้นไม่มีราคาโปรโมชั่น เลยต้องล่าถอยไปค่ะ
เพราะราคาต่อหัวต่อห้องคือแทบกระอักเลือด วิ่งหนีแทบไม่ทัน *กระซิก*
อ่อ อีกเรื่องคือการจองแพที่นี่จะคิดราคารวมค่ากิน+ห้องพัก+พาเที่ยวด้วยเรือ
อย่างคีรีวาริน รวมทุกอย่างแล้วก็หัวละ 3200บาท/คืน ค่ะ
ไม่มีการขายแยกแค่ห้องพักแต่อย่างใดนะ
คนขับเรือค่อยๆขับพาเราลัดเลาะไปเรื่อยๆตามโขดหินอย่างไม่รีบร้อน
โอ้ววววว ในที่สุดก็ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองง
กุ้ยหลินเมืองไทยย ยิ่งใหญ่ตระการตาเหลือเกินนนนน
โอเคค มาถึงจุดถ่ายภาพที่ห้ามพลาดเด็ดขาดของทริปนี้
“ เ ข า ส อ ง เ ก ล อ "
อ้าวผิดๆ ดันถ่ายเบี้ยวมันเลยกลายเป็นสอง /ตึ่งโป๊ะ
เอาใหม่ เทคทู (กล้าเล่นนะนังนี่!)
“เ ข า ส า ม เ ก ล อ "
เนื่องจากที่พักของเราอยู่ไกลที่สุด
เลยถ่ายรูปสนุกสุดๆไปเลยค่ะ เห็นอะไรไม่รู้ล่ะ ตูกดไว้ก่อนลูกเดียว 5555
ถ่ายกับหัวเรือบ้าง
และแล้วหลังจากการเดินทางมาอย่างยาวนานถึง 10ปีแสง
เราก็ได้วาร์ปมาถึง ดาวคีรีวาริน(?) แล้วว แล้วว แล้วว แล้ววว ~~
พอเรือแตะฝั่งเท่านั้นแหละครัชทั่นผู้ชม...
ท้องร้องเลยครัชช 55555
พอจบสิ้นพิธีการเช็คอินเสร็จแล้ว พวกเราก็ส่งกระแสจิตรับรู้กันได้อย่างไม่ต้องบอกกล่าวว่าจะไปที่ใด
“ห้องอาหารสิครับทั่นนน”
นาทีนี้ต้องแกงไตปลาเท่าน้านนนนนนนนน
ปล. ความจริงแล้วอาหารที่ที่พักจัดให้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์แหละค่ะ แต่นี่หิว เลยถ่ายมาแค่ถ้วยเดียวแล้วตัดจบ เย้
—————————
หลังจากที่เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว
ไ ด้ เ ว ล า เ ล่ น น้ ำ + พ า ย ค า ยั ค จ้ า า
โดดน้ำเลยยยยย ~ น้ำเย็นสดชื่นมากๆ หายร้อนได้ในบัดดล แฮ่
หลังจากลอยคออยู่ในน้ำสักพัก ก็ได้เวลา Challange กันหน่อยละ
เขาบอกว่ามาคีรีวาริน ห้ามพลาดสิ่งนี้ !!
ผาสำหรับโดดน้ำ ! (จริงๆก็ไม่ใช่ผาหรอก แต่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี)
เอาจริงๆนะ ตอนมองมันขณะที่ลอยอยู่ในน้ำ..
" แม็คก็คิดน้าา ว่าชิวชิ๊ว(เสียงสูง) ผาไม่สูงเท่าไหร่~ ไปโดดขำๆเอาฮา "
//ภาพตัดมาตอนอยู่ด้านบน//
" โนวววว ฉันจะไม่โดดเด็ดขาดด ทำไมมันสูงขณะนี้ ถามใจตัวเองแปปป " *กรีดร้อง*
//กล้องแพนมาที่พี่ที่ลอยคอรออยู่ข้างล่าง//
"อะไรมันจะขนาดนั้น เมื่อไหร่จะโดดวะครับ"
(และเมื่อเห็นว่าน้องไม่ยอมโดดสักที จึงปีนขึ้นมาหวังจะลากน้องลงไป)
//ภาพตัดมาตอนอยู่ด้านบน//
สองพี่น้องยืนตัวแข็งไม่ไหวติงอยู่ที่ด้านบนของผา...
...โอเค...อีกนานมั้ยกว่าพวกแกจะโดด !!!
เอ้า..โดดก็โดดวะ 3 2 1 !!
ปล. ข้อแนะนำคือเวลาโดดให้เอามือปิดจมูกด้วยนะ ไม่งั้นน้ำทะลักเข้ามาเต็มมาก
ผมนี่สำลักแทบไม่ทัน พลาดเสียแล้ว