7 วิธีง่ายๆถ้าอยากเก่ง Reading!!



          ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นมันมีล้านแปด บางทีก็ไปยืมมาจากภาษาอื่นอีก ขนาดเจ้าของภาษาเองซีมยังกล้ายืนยันเลยนะว่าเค้าไม่รู้ศัพท์ทุกคำหรอกค่ะ ที่เราเรียนๆกันอย่างผิดวิธีคือท่องศัพท์ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้ใช้นั้นท่องให้ตายก็อ่านอะไรไม่รู้เรื่องค่ะ หรืออาจจะอ่านพอจับใจความได้แต่แปลงงๆ หรือเขียนเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ซีมจะมาแนะนำเทคนิคเล็กๆน้อยที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนในเรื่องของการพัฒนา Reading skills และจำ vocab ต่างๆ

ดูวิดิโอเกี่ยวกับโพสนี้ได้ทีนี่
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


1. ปรับทุกอย่างรอบตัวให้เป็นภาษาอังกฤษ
         
          มือถือมีกันทุกคนใช่ไหมคะ ? แล้วเฟซบุค อีเมล์ละ ? พวกสื่อต่างๆพวกนี้ที่เราเห็นทุกวันจะทำให้เราซึมซับภาษาอังกฤษไปอย่างไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น
                การกด Like -->  Like = ชอบ
                Subscribe, follow = ติดตามคนๆนั้น หรือช่องนั้น
                share = แบ่งปัน
          อ่านมาถึงตอนนี้หลายคนอาจจะคิดว่า อะไรเนี่ยใครๆก็รู้อ่ะ ศัพท์ง่ายๆเอง แต่ลองคิดดูนะคะถ้าเราไม่เคยดูยูทูปที่เป็นภาษาอังกฤษแล้วจะรู้จักจำว่า Subscribe ไหมคะ? สมมติว่าถ้าประเทศไทยไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ไม่มีรถขับกันซีมเชื่อว่าน้อยคนมากๆจะรู้จักคำ start คำยืมในภาษาไทยจริงๆ มีเยอะมากๆ ถ้าเราปรับความคิดได้แบบนี้ ก็จะทำให้เราเห็นทุกอย่างรอบตัวเป็นความรู้หมดเลย
          ซีมมีเพื่อนคนหนึ่งค่ะเป็นชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเหมือนกัน ทีนี้เพื่อนคนนี้มันชอบภาษาเยอรมันมาก มันบอกว่าเยอรมันฟังแล้วเพราะ มีพลัง อย่างนู้นอย่างนี้ 5555 แล้วมันก็ตั้งค่าเฟซบุคของมันให้เป็นภาษาเยอรมันเลยคะ ปรากฏว่าได้เรียนรู้ศัพท์หลายคำเลย !

2. อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า !
         
          นอกจากสิ่งที่เราสามารถตั้งค่าให้มันเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว มองไปรอบๆตัวจะเห็นว่าภาษาอังกฤษมันอยู่ในชีวิตประจำวันของเรามากกว่าที่เราคิดนะ! พยายามอ่านป้ายโฆษณาต่างๆ อาจจะเป็นสโลแกนหรือฉลากสินค้าอะไรก็ได้ เก็บศัพท์ทีละเล็กทีละน้อย แล้วมันจะพัฒนาไปเรื่อยๆเองค่ะ
          มีอีกเทคนิคหนึ่งที่เก๋กู๊ดมากๆ คือมองของรอบๆตัวเราแล้วแปลมันเป็นภาษาอังกฤษค่ะ!!! เวลาว่างๆก็แทนที่จะควักโทรศัพท์ออกมากดเล่นเกมส์เช็คโซเชียลเนตเวิร์กก็มองรอบตัวเอาค่ะ แล้วคิดไปเรื่อยๆ อย่างเช่น
          The mall = ห้างสรรพสินค้า = department store
          รถไฟฟ้า = sky train
          รถไฟใต้ดิน = subway
          เสา = pole
          รอ = wait
          ง่วง = sleepy  ใช้ได้กับความรู้สึกของเราด้วย 55555

3. เพิ่มเลเวลความยากด้วยการอ่านนิตยสารภาษาอังกฤษ

          นิตยสารที่ว่านี้ก็คือ Student Weekly และ Nation Junior นั่นเอง! เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้จักนะคะ
ราคาไม่แพงเลยคะ เป็นการลงทุนที่ต่ำมาก เล่มละประมาณสามสิบบาทเอง ที่สำคัญคือเค้าจะมีคำแปลคำศัพท์ที่เราควรรู้จากบทความนั้นๆใส่กล่องไว้ให้เลยข้างข้อความ ไม่ต้องเสียเวลาเปิดดิกเลย ! แนะนำให้พยายามอ่านให้จบก่อนรอบนึงโดยไม่ต้องดูศัพท์นะคะ หาอะไรมาปิดไว้ก็ได้ แล้วถ้าไม่เข้าใจตรงไหนจริงๆก็ค่อย แอบแง้มดูตอนอ่านเก็บตกรอบที่สอง
          นิตยสารเหล่านี้นอกจากจะสะดวก ราคาถูกแล้ว ยังอ่านสนุกด้วยเพราะจะมีบทสัมภาษณ์ดารานักร้อง อัพเดตข่าวคราวต่างๆ มีเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษด้วย ของเนชั่นจูเนียร์นี่ถ้าจำไม่ผิดจะมีคอลัมน์ที่พี่แนน Enconcept ติวเตอร์ชื่อดังเป็นคนเขียนเองเลย! มีข้อสอบให้น้องๆมัธยมฝึกทำกันด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีกิจกรรมต่างๆให้น้องร่วมสนุก ตอบคำถามหรือเขียนไปหาบก. แล้วได้รางวัลฟรีด้วย!! เรื่องของฟรีนี่ขอให้บอกค่ะ 5555
         
4. ไม่ต้องแปลออกทุกคำ แต่ต้องจับใจความได้
         
          ข้อนี้คือสำหรับการอ่านภาษาอังกฤษทุกอย่างบนโลกนี้เลยนะคะ ไม่ต้องโวยวายตกใจจะเป็นจะตายค่ะ ถ้าเราไม่รู้ไม่เข้าใจศัพท์ทุกคำไม่เป็นไร แต่ต้องเข้าใจว่ารวมๆแล้วเนี่ยคนเขียนต้องการจะสื่ออะไร ประมานว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ เหมือนเราเรียนวิชาภาษาไทยตอนเด็กๆนั้นแหละ ถ้าตอบคำถามพวกนี้ได้แล้วถือว่าผ่านในระดับหนึ่งเลย!!! จากนั้นเมื่อคลังคำศัพท์ของเราเติบโตขึ้น รู้ศัพท์มากขึ้นเราก็จะอ่านรู้เรื่องมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง ใจเย็นๆ และพยายามเข้ามากๆนะคะ ยิ้ม

5. เปิดดิกเฉพาะคำสำคัญๆเท่านั้น
         

        สืบเนื่องมาจากข้อข้างบนเลยค่ะ เปิดดิกนอกจากจะเสียเวลาแล้ว บางครั้งยังไม่ช่วยให้เราเข้าใจอะไรเลยด้วย เพราะเรามัวแต่ห่วงว่าคำนี้เปิดยัง คำที่เพิ่งเปิดไปแปลว่าอะไรแล้วนะ ฯลฯ สรุปว่าเปิดไปเปิดมา งง ตัวเอง 5555 อ่านไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นโฟกัสที่ตัวเนื้อความภาพรวมจะดีกว่าคะ การอ่านแบบนี้เรียกกันว่า Strategic reading คืออ่านในเชิงว่าเรารู้ในความสำคัญๆ และพยายามเข้าใจจากความรู้ที่เรามี ถ้าไม่รู้จริงๆค่อยเปิดดิกอย่างที่ซีมบอกไปแล้วนั่นเอง

6. เรียนพิเศษไม่ได้ผลถ้าเอาแต่ท่องศัพท์แต่ไม่รู้วิธีการใช้ !

          จริงอยู่ที่ว่าการท่องศัพท์นั้นสำคัญมากๆ โดยเฉพาะน้องๆหรือเพื่อนๆ ที่จะต้องสอบแอดมิชชั่น สิบวัดระดับภาษา แต่ถ้าท่องไปแล้วจำแต่ความหมาย ไม่จำวิธีใช้ยิบย่อย ศัพท์เหล่านั้นเราก็คือไม่ได้จำจริงๆ ให้ทุกคนลองคิดถึงสมองตัวเองว่าเป็นกล้ามเนื้อในร่างกายอย่างหนึ่งนะคะ สมมติว่าเราอยากเตะบอล ดูบอลมาเยอะมากละ รู้เลยว่าจังหวะไหนต้องวิ่งไปทางไหนอะไรยังไง แต่ไม่เคยลงสนามเตะจริงๆ พอถึงวันแข่งลงสนามจริงมันก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะถ้าไม่ฝึกให้ทำบ่อยๆ สมองเราก็เหมือนกัน จำอย่างเดียวไม่พอต้องเอามาใช้ด้วย
          แล้วจะเอามาใช้ยังไง? วิธีง่ายๆคือเอาศัพท์ที่เราท่องมาแต่งประโยคนั่นเอง! เอามาเขียนในไดอารี่เรา เฟซบุคสตาตัส หรืออะไรประมาณนี้ก็ได้ค่ะ เพียงแค่นี้เราก็จะได้ลองใช้งานคำนั้นๆ จะช่วยให้เราจำมันได้นานขึ้น

7. ฝึกอ่านทุกวัน!

          ข้อนี้สำคัญที่สุดเลยค่า ถ้าเราทำอะไรไม่ต่อเนื่องมันไม่ประสบความสำเร็จหรอกค่ะ ภาษาเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลากับมัน ต้องมี "ชั่วโมงบินสูง" ต้องมีความพยายามและอดทน อ่านวันละย่อหน้า วันละเรื่อง วันละเล่ม แค่ไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วของการอ่านที่เราทำได้ พยายามเพิ่มจำนวนไปเรื่อยๆ และเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆด้วย  ซีมเชื่อว่าทุกคนทำได้ค่ะ !! สู้ๆ นะคะทุกคนเป็นกำลังใจให้ค่ะ อิอิ

       สุดท้ายนี้ก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ เรียนภาษาอังกฤษไม่ยาก แต่ต้องใช้ความพยายามและใช้เวลากับมัน ใครอยากเก่งต้องฝึกเยอะๆ คลุกคลีตีโมงกับมันเยอะๆ สู้โว๊ยยยย!!!!!

ยังไงก็ฝากผลงานไว้ด้วย สามารถติดตามได้หลายช่องทางเลยค่ะ ติดตามผลงานได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
ซีม เด็กไทยไกลบ้าน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่