ร่วมด้วยช่วยกันขจัดปัญหาหมาแมวจรจัด

เนื่องจากได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตต่างประเทศและเกิดความสงสัยอย่างยิ่งว่าทำไม "บ้านเมืองเค้าถึงแทบจะไม่มีหมาแมวจรจัดเลย"
จึงได้คิดตามและประยุกต์ออกมาดังนี้ (หากผลิดพลาดโปรดแย้งได้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวอาจจะไม่รู้จริงในบางเรื่อง)



1.การทำหมัน
เชื่อไหมว่าสัตว์ทุกตัวก่อนขายจะถูกทำหมัน
หากเราต้องการซื้อไม่ทำหมันผู้ขายจะคิดราคาที่แพงขึ้นมากๆๆๆๆ (บางที่เท่าตัว)
รวมทั้งยังตรวจสอบประวัติเรา เป็นใคร อยู่ที่ไหน สถานที่เลี้ยง ปัญหาและอุปสรรค

ความคิดเห็นส่วนตัว : สำหรับบ้านเราสัตว์ในครอบครองของผู้เลี้ยงส่วนใหญ่ไม่ๆได้ทำหมัน
แนะนำว่าควรไปทำหมัน ถึงเเม้ว่าจะซื้อมาแพงและเป็นพันธุ์ที่ดี
แต่เราจะเเน่ใจได้อย่างไรว่าลูกที่ออกมาจะสวยและไม่พิการ
ถ้าจะทำขายจริงๆควรทำอย่างจริงจังและศึกษาข้อมูล สถานที่พร้อมจะดีกว่า
หากแค่อยากได้หมาแมวเพิ่มและไม่ยึดติดพันธ์สวยงามแนะนำให้หาตามมูลนิธิที่มีน้องๆรอรับความช่วยเหลือ
หรือหาจากแหล่งข่าวที่มีผู้เลี้ยงพันธุ์น่ารักแต่ประกาศไม่ต้องการเลี้ยงเพราะรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว
หลายคนซื้อพันธุ์ดีๆสวยๆมาดูเเลไม่เป็น พอเค้าไม่น่ารักก็ทิ้ง เชื่อว่าหากเรานำมาดูเเลรักษาดีๆ
ส่วนใหญ่มีโอกาสกลับมาสวยเช่นเดิม

2.การทำไมโครชิพ
ในหลายๆประเทศบังคับผู้ขายทำไมโครชิพให้ลูกหมาแมวก่อนขาย

ความคิดเห็นส่วนตัว : ในไทยเคยมีแต่ก็หายไป อยากให้รณรงค์จริงจัง
ทำเป็นกฎหมายเอาผิดสำหรับผู้ขายที่ไม่ปฎิบัติตาม เพราะไมโครชิพสามารถ
ระบุข้อมูลของสัตว์เลี้ยงเหมือนเป็นบัตรประชาชน ผู้ขายควรรับผิดชอบในกรณีที่
สุนัขและเเมวติดโรคร้ายแรงเเต่กำเนิดแล้วส่งมองโดยปิดบังความจริง
ส่วนผู้ซื้อก็ควรทำไว้เผื่อเวลาน้องหมาและเเมวหายไป รวมถึงยังมีประโยชน์
หากเดินทางไปต่างประเทศหรือย้ายบ้านไปต่างประเทศเเละนำเค้าไปด้วย
สำหรับหมาแมวที่เคยมีเจ้าของแล้วถูกทิ้ง เราก็ยังตามเอาผิดได้
เมื่อผู้เลี้ยงทำผิดควรมีการปรับอย่างจริงจังเพราะถือว่าเป็นภาระต่อส่วนรวม
รวมถึงเป็นภัยหากปล่อยไปละเกิดไปกัดคนอื่นจนถึงตาย

3. ภาครัฐ
ควรมีการแก้กฎหมายระบุเจ้าของและสัตว์เลี้ยงขึ้นทะเบียน
ทำเป็นสถิติจำนวนประชากร ประโยชน์คือ สามารถทำสถิติ
ระบุได้ว่ามีจำนวนสัตว์เลี้ยงเกินคนเลี้ยงไหม
รวมถึงสามารถระบุว่าพันธุ์ใดมีความนิยมน้อยลง
หรือมีล้นตลาด ทำรายงานเศรษฐกิจออกมาเพื่อป้องกัน
ผู้ขายไม่ให้ผลิตจำนวนเยอะแล้วไม่มีคนซื้อจึงตัดสินใจปล่อยทิ้ง
ในส่วนของมูลนิธิ ควรร่วมกันรับเลี้ยงแมวจรจัด มีรายรับรายจ่ายเผยแพร่ชัดเจน
อีกทั้งภาครัฐควรมีการรณรงค์หากพบเจอสัตว์จรจัดให้รายงานภาครัฐและนำไปอาศัยในมูลนิธิ
โดยสัตว์เลี้ยงทุกตัวควรมีปลอกคอ หากพบไม่มีปลอกคอต้องแจ้งให้มีการจับตัวไปเข้ามูลนิธิ
ขณะเดียวกันภาครัฐควรจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่มูลนิธิ

หลายคนบอกว่าเเค่คนยังไม่มีกินจะสนใจอะไรสัตว์จรจัด เอามาช่วยคนจนดีกว่าไหม
ส่วนตัวคิดว่า ปัญหานี้ถ้าร่วมกันแก้อย่างเป็นระบบ อาจจะกินเวลาหลายปีแต่สามารถลดจำนวนได้แน่นอน
แต่ปัญหาคนจนเลื่อมล้ำเป็นปัญหามาเป็นพันๆปีแม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วก็ยังคงมี ถ้ามัวแต่รอคนจนหมดไป
ชาตินี้คงไม่มีทางแก้ปัญหาอื่นๆในประเทศ
ปัจจุบันปัญหาสัตว์จรจัดก็ต้องใช้เงินงบประมาณภาครัฐ ทั้งฉีดยาทำหมันสัตว์จนจัด สัตวแพทย์อาสา
ส่วนตัวคิดว่าเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ เหมือนเอาเงินไปจมทิ้ง เราจะรู้ได้ไงว่าจรจัดตัวไหนทำหมันเเล้ว
ต้องทำหมันปีละกี่ครั้ง ถ้าทำขาดช่วงเเมวตัวนึงออกลูกมา5ตัว กว่าจะมาพบละพาทำหมันก็โตจนออกลูกอีกหลายคอก

4.ผู้ขาย
ภาครัฐควรมีการขึ้นทะเบียนผู้ขายที่แน่นอน รวมถึงออกกฎความปลอดภัย ความผิด ความรับผิดชอบ
เช่น หากสัตว์มีการติดเชื้อเป็นโรคร้ายแรงห้ามมีลุกให้จับทำหมัน หากสถานที่เลี้ยงไม่เหมาะสม
ทางฟาร์มต้องปิดตัวลงเพราะผิดกฎหมายความปลอดภัยสัตว์เลี้ยง ห้ามขายโดยไม่ทำหมัน
ให้แก่ผู้ซื้อที่ไม่ใช่ผู้ที่มีความพร้อมในการทำฟาร์ม ออกกฎข้อปฎิบัติก่อนขาย
อย่างต่างประเทศหลักๆคือ ใบประวัติพันธุ์กรรม การฝังไมโครชิพ การทำหมัน ใบรับรองสุขภาพ
การฉีดยาลูกแมวและสุนัขตามวัยที่กำหนดรวมถึงห้ามส่งมอบลูกหมาแมวก่อนหย่านมจากแม่

5.ผู้ซื้อ
ควรมีการขึ้นทะเบียนผู้ซื้อ เพื่อเป็นประวัติและความรับผิดชอบ
อีกทั้งข้อกำหนดในการมีสัตว์เลี้ยงครอบครองเป็นกฎระเบียบ เช่น สถานที่เลี้ยง ค่าใช้จ่าย การดูเเลที่เหมาะสม
รวมถึงต้องมีการแจ้งทางการทุกครั้งก่อนเปลี่ยนมือเจ้าของในกรณีที่ยกให้คนอื่น
โดยส่วนตัวคิดว่าควรมีการลดภาษีให้แก่ผู้เลี้ยงสัตว์ (แต่ไม่มากจนเกินไปป้องกันการเลี้ยงสัตว์เพื่อคืนภาษีแต่ไม่ให้ความรัก)
เพราะหากไม่มีการลดภาษี ผู้เลี้ยงก็จะไม่อยากมาขึ้นทะเบียนให้เสียเวลาและเป็นช่องทางให้รัฐตรวจสอบ
อาจจะมีการทำออนไลน์เพื่อความสะดวกแก่ผู้เลั้ยง

ส่วนตัวปัญหานี้เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย รัฐบาล และบุคคลธรรมดาที่พบเห็นสัตว์จรจัด
(หากคุณคิดว่าไม่เกี่ยว ไม่รักสัตว์ ไม่เคยเลี้ยง แต่มีสัตว์จรจัดมาทิ้งอุจจาระหน้าบ้าน นั้นก้กลายเป็นปัญหาแก่คุณเช่นกัน)
หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ ปัญหาย่อมได้รับการคลี่คลายขึ้นอย่างเเน่นอน

การแก้ปัญหาครบวงจรไม่ใช่แค่ปัญหาสัตว์จรจัดในไทยเท่านั้น
แต่รวมถึงปัญหาอื่นๆในๆไทย เช่น สิ่งเเวดล้อม การศึกษา และอื่นๆ
เพราะเราไม่ร่วมมือกันแก้ปัญหาคิดแต่ว่าเป็นหน้าที่ของคนอื่น ของรัฐ
มันก็เหมือนการอุดรุถังน้ำเเค่จุดเดียว ปิดรูนั้น รั่วตรงนู้น ละลายเงินไปเรื่อยๆ
ถ้าเราพร้อมใจกันสอดส่องดูแลอุดรอยรั่วทุกรู ก็ทำแค่ไม่กี่ครั้ง ปัญหาก็ทุเลาหรืออาจจะหมดไป
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แมว สัตว์เลี้ยง สุนัข ช่วยเหลือสัตว์
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่