วันแรกในภูฏาณ 1 เมษายน 2015
ได้รับความกรุณาจากเพื่อนสาวมาส่งที่สนามบินตอนตีสามครึ่งแถมหาที่ซุกหัวนอนก่อนจะมาขึ้นเครื่องให้อีก ซึ้งจนน้ำตา(จิ)ไหล มาถึงสนามบินเจอเพื่อนร่วมเดินทางในทริปนี้ ซึ่งเราจะไปกันทั้งหมด 6 คนรวมเจ้าของกระทู้ด้วย งานนี้ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกสองคน อีกคนเป็นเพื่อนเก่าจากทริปนั่งรถไฟไปหลังคาโลก ส่วนอีกสองสมาชิกเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย การเดินทางเริ่มต้นขึ้นตอนเกือบๆเจ็ดโมงเช้า เครื่องออกจากกรุงเทพฯ ไปแวะรับคนที่เมืองกากั๊ตตา อินเดีย จากนั้นบินต่อไปเมืองพาโร พวกเรา 6 ชีวิตรวมทั้งผู้โดยสารคนอื่นๆบนเครื่องนั่งลุ้นกันตอนลงเครื่องที่สนามบินพาโร พอเครื่องลงจอดอย่างสนิทปั๊บทุกคนในเครื่องปรบมือกันใหญ่ (ประมาณว่า กูรอดแล้วโว๊ยย) เพราะสนามบินนี้ขึ้นชื่อหนึ่งในสนามบินที่ท้าท้ายของโลก มีนักบินแค่ 10 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นนักบินท้องถิ่น เวลาเข้าน่านฟ้าภูฏาณจะต้องเปลี่ยนเป็นระบบแมนนวลเท่านั้น (ข้อมูลจากคนอื่นเล่ามา)
ถึงปั๊บผ่านด่าน ตม. แล้วก็มีไกด์ท้องถิ่นมารอรับ (ขอเมาท์นิดนึงว่า ไกด์เราเป็นผู้ชายปากแดงด้วยอ่ะ .... เพราะเค้าเคี้ยวหมาก อิอิ) ออกจากสนามบินก็แวะส่งเสบียงให้พี่ชายที่นับถือกันซึ่งย้ายไปเป็นผู้จัดการโรงแรมสร้างใหม่ที่เมืองพาโร งานนี้หอบน้ำพริกกันเพลินกะว่าให้อยู่ได้สักพักใหญ่เลย หลังจากนั้นคณะเราก็เดินทางต่อไปเมืองทิมพูซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนี้ วันนี้เราพักในทิมพูแล้วก็เที่ยวสถานที่ต่างๆในเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็น วัด วิว สิงสาราสัตว์ (สงวน) ต่างๆ ขอโทษที่เจ้าของกระทู้ไม่ได้เก็บรายละเอียดสถานที่ของวันนี้ พวกเราจบทริปตอนหกโมงเย็นในสภาพทรุดโทรมเพราะนอนกันแค่สองสามชั่วโมง ปล. อากาศตอนกลางวันสบายๆ แต่พระอาทิตย์ตกปั๊บยะเยือกปุ๊บเลย
[CR] รีวิวครั้งแรกกับ ทริป Bhutan สักครั้งในชีวิต 1-6 เมษา 2558
ได้รับความกรุณาจากเพื่อนสาวมาส่งที่สนามบินตอนตีสามครึ่งแถมหาที่ซุกหัวนอนก่อนจะมาขึ้นเครื่องให้อีก ซึ้งจนน้ำตา(จิ)ไหล มาถึงสนามบินเจอเพื่อนร่วมเดินทางในทริปนี้ ซึ่งเราจะไปกันทั้งหมด 6 คนรวมเจ้าของกระทู้ด้วย งานนี้ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกสองคน อีกคนเป็นเพื่อนเก่าจากทริปนั่งรถไฟไปหลังคาโลก ส่วนอีกสองสมาชิกเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย การเดินทางเริ่มต้นขึ้นตอนเกือบๆเจ็ดโมงเช้า เครื่องออกจากกรุงเทพฯ ไปแวะรับคนที่เมืองกากั๊ตตา อินเดีย จากนั้นบินต่อไปเมืองพาโร พวกเรา 6 ชีวิตรวมทั้งผู้โดยสารคนอื่นๆบนเครื่องนั่งลุ้นกันตอนลงเครื่องที่สนามบินพาโร พอเครื่องลงจอดอย่างสนิทปั๊บทุกคนในเครื่องปรบมือกันใหญ่ (ประมาณว่า กูรอดแล้วโว๊ยย) เพราะสนามบินนี้ขึ้นชื่อหนึ่งในสนามบินที่ท้าท้ายของโลก มีนักบินแค่ 10 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นนักบินท้องถิ่น เวลาเข้าน่านฟ้าภูฏาณจะต้องเปลี่ยนเป็นระบบแมนนวลเท่านั้น (ข้อมูลจากคนอื่นเล่ามา)
ถึงปั๊บผ่านด่าน ตม. แล้วก็มีไกด์ท้องถิ่นมารอรับ (ขอเมาท์นิดนึงว่า ไกด์เราเป็นผู้ชายปากแดงด้วยอ่ะ .... เพราะเค้าเคี้ยวหมาก อิอิ) ออกจากสนามบินก็แวะส่งเสบียงให้พี่ชายที่นับถือกันซึ่งย้ายไปเป็นผู้จัดการโรงแรมสร้างใหม่ที่เมืองพาโร งานนี้หอบน้ำพริกกันเพลินกะว่าให้อยู่ได้สักพักใหญ่เลย หลังจากนั้นคณะเราก็เดินทางต่อไปเมืองทิมพูซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนี้ วันนี้เราพักในทิมพูแล้วก็เที่ยวสถานที่ต่างๆในเมืองนี้ ไม่ว่าจะเป็น วัด วิว สิงสาราสัตว์ (สงวน) ต่างๆ ขอโทษที่เจ้าของกระทู้ไม่ได้เก็บรายละเอียดสถานที่ของวันนี้ พวกเราจบทริปตอนหกโมงเย็นในสภาพทรุดโทรมเพราะนอนกันแค่สองสามชั่วโมง ปล. อากาศตอนกลางวันสบายๆ แต่พระอาทิตย์ตกปั๊บยะเยือกปุ๊บเลย