คำสอนสุดโต่งหลายประเด็นของท่านพุทธทาสในอีกมุมหนึ่งคือการทอดทิ้งคนโง่ๆไม่เห็นใจคนโง่ จะเอาแต่คนฉลาดอย่างเดียว..แต่ว่า

....แต่กลับเป็นว่า  คนฉลาดที่มาเชื่อคำสอนของท่านพุทธทาส  กลับกลายเป็นคนโง่ยิ่งกว่าเดิม  เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิในกลุ่มนัตถิกทิฏฐิไปเลย  เช่นตัวอย่างที่เห็นหลายๆคนในห้องนี้  มีนักบวชเตช เป็นแกนนำของคนกลุ่มนี้โดยปริยยาย

....ความมุ่งหมายเดิมของท่านพุทธทาส  ต้องการให้ชาวพุทธทั่วไปไม่เชื่องมงายในสิ่งที่ไม่ใช่แก่นธรรมของศาสนาพุทธ วึ่งก็เป็นความมุ่งหมาสยที่ดีอยู่หรอก ยังไงก็ขออนุโมทนาในแง่นี้..  แต่การสอนของท่านพุทธทาสกลับกลายเป็นคำสอนสุดโต่ง  ทำลายหลักธรรมของพุทธแท้ๆไปเลย   โดยมุ่งจะเอาแต่แก่น จนทอดทิ้งเนื้อและเปลือก  และก็กลับเป็นว่า แก่นที่ท่านพุทธทาสเอามาสอน  ก็ไม่ใช่แก่นแท้  แต่เป็นแก่นปลอม ที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าเปลือกและเนื้อที่ท่านพุทธทาสจะให้โล๊ะทิ้งนั่นซะอีก

....การสอนแนวของท่านพุทธทาส  เป็นการทอดทิ้งคนโง่  ทำให้คนโง่ขาดที่พึ่ง ...

...เพราะท่านพุทธทาสลืมความจริงว่า  ในสังคมมนุษย์  คนโง่ซึ่งเป็นพวกปทะปรมะมีมากมากมหาศาล  แต่คนฉลาดมีน้อยกะจิ๊ดเดียว  การมุ่งจะเอาแต่คนฉลาด  นั่นคือการขาดสำนึกของพรหมวิหาร  ที่มีแนวคิดช่วยเหลือหมดทุกๆกลุ่ม  ทั้งโง่และฉลาด แบบที่พระพุทธเจ้าและพระอริยะเจ้าทั้งหลายกระทำกันสืบๆๆต่อกันมา

...คนโง่  พวกเขามีจุดอ่อนแอในใจมากมายในด้านสติปัญญา  เป็นความยากอย่างมากที่พวกเขาจะเข้าใจหลักธรรมที่ดูง่ายๆในสายตาของคนมีปัญญา  การสอนหลักธรรมแม้แบบพิ้นๆ  พวกเขาก็จำไม่ได้  ไม่เข้าใจ  ใจเขาไม่รับ ... ดังนั้นครูบาอาจารย์ที่มีจิตเมตตาทั้งหลาย  ท่านก็หาวิธีที่จะช่วยคนโง่ๆได้บ้าง  ดีกว่าที่จะทอดทิ้งพวกนี้ไปเลย  ยังไงก็หาช่องทางให้พวกเขาได้มีที่พึ่งบ้าง .... จึงเห็นการทำเครื่องลางของขลัง รูป เหรียญอะไรต่างๆแจกกันนับไม่ถ้วนนั่นแหละ ซึ่งในสายตาคนฉลาดมองว่า  สิ่งเหล่านั้นคือเปลือก หรือเรื่องงมงาย  แต่นั่นคือการมองที่ยังไม่ฉลาดแท้  ถัามองให้ฉลาดแท้ๆ ลึกๆลงหน่อย ก็ต้องมองให้เห็นว่า สิ่งเหล่านั้น ก็มีประโยชน์มากมาย  ในแง่ของการรักษาศรัทธา  การก่อให้เกิดศรัทธา  แม้จะเป็นศรัทธาที่ไม่ประกอบด้วยปํญญาก็ตาม  แต่ศรัทธาแบบนี้ก็สามารถชักนำให้ไปเกิดในสุคติภูมิได้  จิตประเภทนี้  เรียกว่ากุศลจิตแบบไม่มีปัญญา เป็นญาณวิปปยุต (ภาษาอภิธรรมเรียกว่า  มหาวิบากญาณวิปยุตจิต)   คนที่เกิดเป็นมุษย์ไม่ค่อยมีปัญญา หรือเทวดาบางประเภท  ก็ถือกำเนิดด้วยจิตประเภทนี้แหละ   ซึ่งยังไงก็ดีกว่าไปเกิดในอบายภูมิมากมายหลายล้านเท่า ....  ครูบาอาจารย์ที่ท่านแจกของขลัง รูปเหรียญอะไรต่างๆ  สาเหตุเบื้องต้น เพราะท่านเล็งเห็นถึงประโยชน์อันนี้เอง ....

แต่ประโยชน์แบบนี้  สายท่านเงื่อม(พุทธทาส)  กลับละทิ้ง ละเลย  มองไม่เห็น  ตาบอดไปเลย ... ซึ่งเป็นการมองข้ามผลประโยชน์ที่คนโง่ควรจะได้   ทำลายประโยชน์  ที่เป็นสัมปรายิกัตถประโยชน์ (ประโยชน์ในชาติหน้า) ของเหล่าบรรดาคนโง่  เป็นการมองแบบไม่รอบคอบของท่านพุทธทาส เป็นการมองแบบขาดปัญญาในเชิงลึก และขาดพรหมวิหาร

สรุป นั่นคือ  ท่านพุทธทาสเองและเหล่าบรรดาสาวกทั้งหลาย นั่นแหละ คือ คนโง่...อีกประเภทหนึ่ง  ที่ต้องหาทางช่วยเหลือ เช่นกันกับคนโง่แบบแรก

แต่เรื่องยากคือ  กลุ่มคนโง่แบบนี้  หัวดื้อ  รับอะไรยาก  คิดหลายๆมุมไม่เป็น  เทียบเคียงอะไรไม่เป็น จิตใจก็อ่อนแอ  ขาดพลังในการฝึกสมาธิภาวนา  ก็เป็นที่หนักหนาระอาใจของคนที่จะช่วยคนโง่กลุ่มนี้ที่ ทั้งโง่ ทั้งดื้อ ....

  (( ตั้งเป็นกระทู้คำถามให้เหล่าบรรดาสมาชิกบัตรผ่าน ได้ร่วมประลองยุทธ์ด้วย ....แต่ไม่ได้ถามอะไรใครหรอก))
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่