หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เยือน.. นครโบราณใต้พิภพ เมืองหลวงแห่งแรกของล้านนา
กระทู้สนทนา
วัด
ประวัติศาสตร์ไทย
ประวัติศาสตร์ศิลป์
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน
ดิฉันทั้งสองได้มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนับเป็นโบราณสถานเก่าแก่และสำคัญเป็นอย่างมากของคนล้านนา ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ท่าวังตาล อำเภอสารภี ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เพียง 5 กิโลเมตร
จากนี้พวกเราจะขอแนะนำการเดินทางท่องเที่ยวไปยัง นครโบราณใต้พิภพ เมืองหลวงแห่งแรกของล้านนา…
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งคือ อาเขต ในช่วงเวลา 8 โมงเช้าแต่ก่อนอื่นนั้น กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราทั้งสองเลือกรับประทานอาหารเช้าในบริเวณร้านอาหารอาเขต ซึ่งมีมากมายหลายร้าน ทั้งก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง เครื่องดื่ม รวมถึงร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับผู้ที่เดินทางมาไกลก็มีโรงแรมให้บริการ รวมถึงการเช่า-ฝากรถ และห้องน้ำในตัวอาเขต มีค่าบริการครั้งละ 3 นะคะ (ไม่แพง)
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จพวกเราทั้งสองได้สอบถามว่ามีรถที่จะสามารถเดินทางไปยัง…
บ้างหรือไม่ซึ่งคำตอบที่ได้คือไม่มีรถที่จะผ่านไปเส้นทางนั้นเลย ต้องเหมารถไปเองพวกเราจึงสอบถามอัตราค่าเดินทางไปยังสถานที่…
จากพนักงานขับรถรับจ้าง โดยรถสองแถวหรือรถแดงนั่นเอง มีค่าบริการ 1-10 คน ไป 200 กลับ อีก 200 รวมแล้วเป็น 400 พวกจึงเลือกโดยสารรถแดง ออกเดินทางกันเลย..!!!
รถแดงพาเราเดินทางไปถนนเส้นเชียงใหม่-สารภี (ต้นยาง) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที (ช่วงเช้าเชียงใหม่รถติดมากคะ)
สองข้างทางจะเห็นแม่น้ำปิงแม่น้ำสายหลักของชาวเชียงใหม่และการดำเนินชีวิตประจำวันวันของคนในท้องที่ตลอดสองไหล่ทาง
และในที่สุดก็มาถึงนครโบราณใต้พิภพ เมืองหลวงแห่งแรกของล้านนา นั่นคือ.. พิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม นั่นเอง
บริเวณพิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามจะมีร้านค้าขายเครื่องดื่ม ของที่ระลึก และชุดผ้าไหมไทยที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์
เมื่อลงรถจะมีอาสาสมัครซึ่งเป็นคนในหมู่ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์คอยให้ความรู้ตลอดการนั่งชมนครโบราณใต้พิภพ โดยมีรถราง และรถม้าที่คอยให้บริการผู้เข้าชม อัตราค่าบริการรถรางจากที่สอบถามราคาเหมา สำหรับการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะที่มีคนจำนวนมาก 400 บาท และรถม้า สำหรับ 2-3 ที่นั่ง 300 บาท
เราจึงเลือกใช้บริการรถม้าในการเที่ยวชม มัคคุเทศก์ของเราในวันนี้ชื่อพี่เอกและน้องข้าวโพดคนสวย (น้องม้า)
เริ่มจากวัดกู่ป้าด้อม กู่ หมายถึง วัด ป้าด้อม คือชื่อของสถานที่ พี่เอกบอกว่าน้ำเคยท่วมมาแล้วครั้ง 2 ครั้งล่าสุดปี 2546 วัดที่ 2 วัดช้างค้ำ เป็นที่สถานแรกที่ค้นพบเวียงกุมกาม หรือนครโบราณใต้พิภพ ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์และเรือน(เฮือน)โบราณ อีกทั้งยังมีบริการนวดแผนไทยและเคยมีกาดมั่วช่วงเย็นแต่ในปัจจุบันเลิกทำไปแล้วมีเพียงเครื่องประดับและพระเครื่องเครื่องให้เช้าเท่านั้น
วัดที่ 3 วัดพระธาตุน้อย อยู่บริเวณหน้าวัดช้างค้ำมีวิหารและเจดีย์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน วัดที่ 4 วัดอีก้าง เมื่อก่อนเป็นวัดที่มี ลิง (ค่าง เป็นชื่อเรียกภาษาเหนือ) อาศัยอยู่มาก
วัดที่ 5 วัดปู่เปี้ย ปู่เปี้ย เป็นชื่อของเจ้าของที่ดินที่ขุดพบวัด ส่วนองค์เจดีย์มีลักษณะศิลปกรรมแบบสุโขทัยและแบบล้านนารวมกัน วัดที่ 6 วัดหนานช้าง ถือว่าเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเวียงกุมกาม เพราะมีสิ่งก่อสร้างโบราณจำนวนมากและในปัจจุบันได้มีการสร้างสถานที่ไว้จัดงานเลี้ยงที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบล้านนาในบริเวณใกล้เคียงวัดหนานช้าง และร้านค้ารายล้อมซึ่งจะเปิดให้บริการก็ต่อเมื่อมีการจัดงาน วัดที่ 7วัดพระธาตุขาว พี่เอกบอกว่าชื่อวัดคงเรียกตามลักษณะของพระพุทธรูปที่องค์ฉาบด้วยปูนขาว เมื่อครั้งที่ขุดพบไม่มีเศียรและแขนข้างขวาจึงได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่ มีธูปเทียน ดอกไม้ไว้สักการะบูชาพระพุทธรูปอีกทั้งยังมีความเชื่อของคนในท้องถิ่นว่าเมื่อขอพรแล้วจะสมหวัง (ด้วยแรงศรัทธา)
วัดที่ 8 วัดเจดีย์เหลี่ยม(วัดกู่คำ) เป็นวัดที่ถอดแบบมาจากวัดจามเทวี จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นศิลปกรรมแบบลพบุรี ต่อมาได้มีการบูรณะโดยใช้ช่างชาวพม่าเป็นผู้ดำเนินงานจึงมีศิลปกรรมแบบพม่า และยอดเจดีย์แหลมขึ้นไปเป็นตุ่ม ไม่มีฉัตรเหมือนเจดีย์ทั่วๆไปคล้ายสถูป จึงเรียกว่า “เจดีย์กู่คำ” วัดนี้ถือเป็นวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่งเพราะมีศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ มีร้านค้าเครื่องดื่มค่อยให้บริการอีกทั้งธูปเทียน ดอกไม้ที่มีให้สักการะบูชาและจุดเด่นของวัดนี้คือมีเจดีย์ขาวที่มีลักษณะเป็นปล้องแต่ละปล้องจะมีพระพุทธรูปอยู่ภายในและเป็นเขตที่ห้ามสตรีเข้า มีระฆังให้ตีเพื่ออธิฐานขอพร
สุดท้ายวัดที่ 9 วัดหัวหนอง เป็นวัดที่พบว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมซ้อนทับกันมาอย่างน้อย 2 ครั้ง และเป็นประตูมีเครื่องยอดตอนบนแบบวัดพระธาตุลำปางหลวง วัดสวนดอก และวัดเจ็ดยอด จากนั้นพี่เอกกับน้องข้าวโพดก็ได้พาเรากลับไปยังศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม(อาจมีสินน้ำใจให้กับมัคคุเทศก์ตามกำลังทรัพย์)
เมื่อถึงศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามเราได้เข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในขณะนั้นทางศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามได้ทำการปรับปรุงในบางส่วนและเปิดให้บริการบางส่วน เราจึงมีโอกาสได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
ภายในพิพิธภัณฑ์จะเป็นส่วนแสดงประวัติความเป็นมาของเวียงกุมกาม การขุดค้นพบ รวมถึงศิลาจารึก เครื่องชามสังคโลกและรูปแบบจำลองเมืองเวียงกุมกามในอดีต ฯลฯ
เมื่อเที่ยวชมภายในพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว พวกเราได้สอบถามเจ้าหน้าที่ในศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามเพื่อขอให้ติดต่อรถโดยสารมารับเดินทางกลับ (เนื่องจากถนนเส้นนี้ไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่าน) อัตตราค่าบริการ 200 บาทเหมือนเดิมนะค่ะ
แนะนำเลยนะค่ะ ควรไปเป็นหมู่คณะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ขอบคุณค่ะ
หากมีเนื้อหาผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
วัด
ประวัติศาสตร์ไทย
ประวัติศาสตร์ศิลป์
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เยือน.. นครโบราณใต้พิภพ เมืองหลวงแห่งแรกของล้านนา
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน ดิฉันทั้งสองได้มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนับเป็นโบราณสถานเก่าแก่และสำคัญเป็นอย่างมากของคนล้านนา ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ท่าวังตาล อำเภอสารภี ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เพียง 5 กิโลเมตร
จากนี้พวกเราจะขอแนะนำการเดินทางท่องเที่ยวไปยัง นครโบราณใต้พิภพ เมืองหลวงแห่งแรกของล้านนา…
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งคือ อาเขต ในช่วงเวลา 8 โมงเช้าแต่ก่อนอื่นนั้น กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราทั้งสองเลือกรับประทานอาหารเช้าในบริเวณร้านอาหารอาเขต ซึ่งมีมากมายหลายร้าน ทั้งก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง เครื่องดื่ม รวมถึงร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับผู้ที่เดินทางมาไกลก็มีโรงแรมให้บริการ รวมถึงการเช่า-ฝากรถ และห้องน้ำในตัวอาเขต มีค่าบริการครั้งละ 3 นะคะ (ไม่แพง) หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จพวกเราทั้งสองได้สอบถามว่ามีรถที่จะสามารถเดินทางไปยัง… บ้างหรือไม่ซึ่งคำตอบที่ได้คือไม่มีรถที่จะผ่านไปเส้นทางนั้นเลย ต้องเหมารถไปเองพวกเราจึงสอบถามอัตราค่าเดินทางไปยังสถานที่… จากพนักงานขับรถรับจ้าง โดยรถสองแถวหรือรถแดงนั่นเอง มีค่าบริการ 1-10 คน ไป 200 กลับ อีก 200 รวมแล้วเป็น 400 พวกจึงเลือกโดยสารรถแดง ออกเดินทางกันเลย..!!!
รถแดงพาเราเดินทางไปถนนเส้นเชียงใหม่-สารภี (ต้นยาง) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที (ช่วงเช้าเชียงใหม่รถติดมากคะ) สองข้างทางจะเห็นแม่น้ำปิงแม่น้ำสายหลักของชาวเชียงใหม่และการดำเนินชีวิตประจำวันวันของคนในท้องที่ตลอดสองไหล่ทาง
และในที่สุดก็มาถึงนครโบราณใต้พิภพ เมืองหลวงแห่งแรกของล้านนา นั่นคือ.. พิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม นั่นเอง บริเวณพิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามจะมีร้านค้าขายเครื่องดื่ม ของที่ระลึก และชุดผ้าไหมไทยที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์
เมื่อลงรถจะมีอาสาสมัครซึ่งเป็นคนในหมู่ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์คอยให้ความรู้ตลอดการนั่งชมนครโบราณใต้พิภพ โดยมีรถราง และรถม้าที่คอยให้บริการผู้เข้าชม อัตราค่าบริการรถรางจากที่สอบถามราคาเหมา สำหรับการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะที่มีคนจำนวนมาก 400 บาท และรถม้า สำหรับ 2-3 ที่นั่ง 300 บาท
เราจึงเลือกใช้บริการรถม้าในการเที่ยวชม มัคคุเทศก์ของเราในวันนี้ชื่อพี่เอกและน้องข้าวโพดคนสวย (น้องม้า)
เริ่มจากวัดกู่ป้าด้อม กู่ หมายถึง วัด ป้าด้อม คือชื่อของสถานที่ พี่เอกบอกว่าน้ำเคยท่วมมาแล้วครั้ง 2 ครั้งล่าสุดปี 2546 วัดที่ 2 วัดช้างค้ำ เป็นที่สถานแรกที่ค้นพบเวียงกุมกาม หรือนครโบราณใต้พิภพ ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์และเรือน(เฮือน)โบราณ อีกทั้งยังมีบริการนวดแผนไทยและเคยมีกาดมั่วช่วงเย็นแต่ในปัจจุบันเลิกทำไปแล้วมีเพียงเครื่องประดับและพระเครื่องเครื่องให้เช้าเท่านั้น
วัดที่ 3 วัดพระธาตุน้อย อยู่บริเวณหน้าวัดช้างค้ำมีวิหารและเจดีย์ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน วัดที่ 4 วัดอีก้าง เมื่อก่อนเป็นวัดที่มี ลิง (ค่าง เป็นชื่อเรียกภาษาเหนือ) อาศัยอยู่มาก
วัดที่ 5 วัดปู่เปี้ย ปู่เปี้ย เป็นชื่อของเจ้าของที่ดินที่ขุดพบวัด ส่วนองค์เจดีย์มีลักษณะศิลปกรรมแบบสุโขทัยและแบบล้านนารวมกัน วัดที่ 6 วัดหนานช้าง ถือว่าเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งของเวียงกุมกาม เพราะมีสิ่งก่อสร้างโบราณจำนวนมากและในปัจจุบันได้มีการสร้างสถานที่ไว้จัดงานเลี้ยงที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบล้านนาในบริเวณใกล้เคียงวัดหนานช้าง และร้านค้ารายล้อมซึ่งจะเปิดให้บริการก็ต่อเมื่อมีการจัดงาน วัดที่ 7วัดพระธาตุขาว พี่เอกบอกว่าชื่อวัดคงเรียกตามลักษณะของพระพุทธรูปที่องค์ฉาบด้วยปูนขาว เมื่อครั้งที่ขุดพบไม่มีเศียรและแขนข้างขวาจึงได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่ มีธูปเทียน ดอกไม้ไว้สักการะบูชาพระพุทธรูปอีกทั้งยังมีความเชื่อของคนในท้องถิ่นว่าเมื่อขอพรแล้วจะสมหวัง (ด้วยแรงศรัทธา)
วัดที่ 8 วัดเจดีย์เหลี่ยม(วัดกู่คำ) เป็นวัดที่ถอดแบบมาจากวัดจามเทวี จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นศิลปกรรมแบบลพบุรี ต่อมาได้มีการบูรณะโดยใช้ช่างชาวพม่าเป็นผู้ดำเนินงานจึงมีศิลปกรรมแบบพม่า และยอดเจดีย์แหลมขึ้นไปเป็นตุ่ม ไม่มีฉัตรเหมือนเจดีย์ทั่วๆไปคล้ายสถูป จึงเรียกว่า “เจดีย์กู่คำ” วัดนี้ถือเป็นวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่งเพราะมีศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ มีร้านค้าเครื่องดื่มค่อยให้บริการอีกทั้งธูปเทียน ดอกไม้ที่มีให้สักการะบูชาและจุดเด่นของวัดนี้คือมีเจดีย์ขาวที่มีลักษณะเป็นปล้องแต่ละปล้องจะมีพระพุทธรูปอยู่ภายในและเป็นเขตที่ห้ามสตรีเข้า มีระฆังให้ตีเพื่ออธิฐานขอพร
สุดท้ายวัดที่ 9 วัดหัวหนอง เป็นวัดที่พบว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมซ้อนทับกันมาอย่างน้อย 2 ครั้ง และเป็นประตูมีเครื่องยอดตอนบนแบบวัดพระธาตุลำปางหลวง วัดสวนดอก และวัดเจ็ดยอด จากนั้นพี่เอกกับน้องข้าวโพดก็ได้พาเรากลับไปยังศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม(อาจมีสินน้ำใจให้กับมัคคุเทศก์ตามกำลังทรัพย์)
เมื่อถึงศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามเราได้เข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในขณะนั้นทางศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามได้ทำการปรับปรุงในบางส่วนและเปิดให้บริการบางส่วน เราจึงมีโอกาสได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
ภายในพิพิธภัณฑ์จะเป็นส่วนแสดงประวัติความเป็นมาของเวียงกุมกาม การขุดค้นพบ รวมถึงศิลาจารึก เครื่องชามสังคโลกและรูปแบบจำลองเมืองเวียงกุมกามในอดีต ฯลฯ
เมื่อเที่ยวชมภายในพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว พวกเราได้สอบถามเจ้าหน้าที่ในศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกามเพื่อขอให้ติดต่อรถโดยสารมารับเดินทางกลับ (เนื่องจากถนนเส้นนี้ไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่าน) อัตตราค่าบริการ 200 บาทเหมือนเดิมนะค่ะ แนะนำเลยนะค่ะ ควรไปเป็นหมู่คณะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ขอบคุณค่ะ หากมีเนื้อหาผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ