มาแล้วจ้า หลังจากคอมโบ้เซตซีรี่ย์ "สิ่งลี้ลับที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขน"
http://ppantip.com/topic/33858417
ก็มาถึงซีรี่ย์ "เสียงลึกลับจากพงไพร" โดย จขกท. จะขอแยกออกเป็นกระทู้ๆไปนะ เพราะยาว
"เสียงลึกลับจากแก่งกระจาน"
วันนั้นเป็นช่วงวันหยุดยาว จากที่นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในชมรมกันสี่ซ้าห้าคน ก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากเข้าป่ากัน เหมือนมองตาก็รู้ใจ เรา 5 คนแยกย้ายกันไปจัดกระเป๋าเพื่อมาเจอกันที่ชมรมอีกครั้ง โดยจุดหมายที่เราจะไปคือ 'แก่งกระจาน'
ในทริปนี้ประกอบด้วย เรา เพื่อนเรา เป็นผู้หญิง 2 คน และรุ่นพี่ผู้ชายอีก 3 คน เป็นปกติที่การเดินทางของพวกเราจะใช้รถไฟหรือรถทัวร์และต่อด้วยการโบกรถไปจนถึงจุดหมาย และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการโบกรถคือเสื้อแจ๊กเก็ตของชมรม เพื่อให้ดูมีสังกัด เวลาโบกจะได้มีคนรับขึ้นรถ
พวกเรา 5 คนนั่งรถไฟไปลงที่เพชรบุรีแล้วโบกรถต่อเพื่อจะไปยังอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งการเที่ยวโดยการโบกรถนี่จะจำกัดเวลายากสักหน่อย เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รถหรือรถที่รับจะไปทางที่เราต้องการถึงจุดไหน ก็สุดทางที่เป็นทางเดียวกันก็ต้องลง ขอบคุณในน้ำใจ และโบกต่อไป...
เช่นเดียวกันกับการเที่ยวในครั้งนี้ เราได้รถจากสถานีรถไฟ ไปปล่อยให้เราลงหน้าวัด!!!
ยังๆๆ ยังไม่หลอน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น และวัดนี้สว่างสไวมาก เพราะกำลังมีงานวัดเลยทีเดียว ปกติเวลาพวกเราเที่ยวนอกจากจะโบกรถแล้ว ยังต้องพกหม้อ ไห ข้าวสารอาหารแห้งกันไปด้วย เพราะทำอาหารกินเอง ในป่านั่นแหละ หลังจากกะเวลาแล้วว่าน่าจะไปถึงแก่งกระจานเย็นๆ เราจึงตกลงที่จะซื้ออาหารจากร้านที่ขายเรียงรายอยู่บริเวณงานวัดเข้าไปกินก่อนเป็นมื้อแรก ก็ได้มาเป็นไก่ย่าง 1 ตัว ข้าวเหนียว และอย่างอื่นอีก 2-3 อย่าง ซื้อได้ครบก็ออกโบกรถต่อ
ตามคาด พวกเราเดินทางไปถึงลานกางเต้นท์กันตอนประมาณ 6.30 น. ฟ้าเริ่มมืด ลานกางเต้นท์มีเต้นท์เต็มไปหมด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา กางเต้นท์ต้องใช้พื้นที่โล่งๆ แต่พวกเรา 5 คน เพียงแค่มองหาต้นไม้ (แกจะนอนบนต้นไม้เหรอ) (ปิ๊งป่องๆ) ผูกเปลจ้า มองไปมองมาก็ได้จุดที่ถูกใจ ต้นไม้ 3 ต้น ปลูกเป็นมุม 3 เหลี่ยมพอดีเป๊ะ นอกจากผูกเปลนอนแล้ว เรายังต้องนอนเปลคอนโดอีกด้วย (อธิบายเผื่อนึกภาพไม่ออก การนอนเปลคอนโดคือผูกเปลที่ระดับเอวไว้เป็นเปลชั้นล่าง และผูกเปลที่ระดับหัวไว้เป็นเปลชั้นบน แล้วกางฟลายชีทไว้เหนือเปลชั้นบนอีกที เวลาคนที่นอนเปลชั้นบนจะขึ้นนอน ก็เหยียบเปลล่างปีนเข้าเปลตัวเอง การผูกเปลต้องตึงเป๊ะ เวลานอนจะได้ไม่ปวดหลังเพราะหลังงอนะจ๊ะ) จขกท.นอนเปลล่าง เพื่อนสาวนอนเปลบน ส่วนพี่ๆผู้ชายก็นอนเปลคอนโดคู่นึง ส่วนอีกคนนอนเปลเดี่ยว จัดการที่หลับที่นอนได้แล้วก็ถึงเวลากินจ้า อาหารที่ซื้อมาจากหน้าวัดก็ถูกนำมากางบนผ้าใบรองนั่ง
หลังจากจัดการกับอาหารทั้งหมดแล้ว พี่ผู้ชายคนหนึ่งก็บอกว่า
"กระดูกไก่อะ ผูกไว้บนกิ่งไม้สูงๆ"
"ทำไมอะ"
"เผื่อตอนกลางคืน
เดี๋ยวหมามันมาคุ้ย แล้วเศษขยะกระจุยกระจาย"
ช่างรอบคอบ พี่อีกคนก็จัดการผูกถุงกระดูกไก่ไว้บนกิ่งไม้ เพราะเราจะไม่ทำลายพื้นที่อุทยานแม้ในทางอ้อม (หล่อเลย) อิ่มหนำแล้วเรากับเพื่อนสาวก็หอบหิ้วผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์อาบน้ำไปอาบน้ำกับที่ห้องน้ำรวมของอุทยาน
จากความทรงจำ ห้องอาบน้ำของอุทยานจุดที่เราไปอาบกัน มีอยู่ 3 ห้อง ห้องริมในน้ำไม่ไหล ห้องกลางปิดเหมือนมีคนอยู่ข้างใน เหลือห้องริมนอก เราเลยตกลงให้เพื่อนอาบก่อน ส่วนเราล้างหน้าแปรงฟันรอ เผื่อห้องกลางอาบเสร็จก็จะเข้าไปอาบต่อเลย ระหว่างที่อาบเราก็คุยกันบ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผิดสังเกตุคือ ห้องกลางที่ปิดอยู่ เงียบมาก เงียบสนิท ไม่มีเสียงน้ำไหลหรือเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาเลย จนเพื่อนเราอาบเสร็จ เราเข้าไปอาบต่อ ห้องข้างๆก็ยังคงเงียบ ในใจเราคิดว่า ห้องน้ำคงจะเสีย เราอาบไปได้สักพัก เสียงเพื่อเราดังขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน เป็นเสียงสั่นๆ
"แกรรรรร"
"ว่า"
"ตะกี้อะ ห้องข้างๆอะ" เสียงสั่นกว่าเดิมอีก ตอนนี้เราผิดสังเกตแล้ว จากที่คิดว่าห้องน้ำเสีย มันคงจะมีอะไรมากกว่านั้น ในหัวที่มีฟองแชมพูเต็มไปหมดก็คิดว่าถ้าต้องหนี จะทำยังไงวะเนี่ย เรา
แป๊บ เดี๋ยวมาต่อ
ซีรี่ย์ "เสียงลึกลับจากพงไพร" ตอน "เสียงลึกลับจากแก่งกระจาน"
http://ppantip.com/topic/33858417
ก็มาถึงซีรี่ย์ "เสียงลึกลับจากพงไพร" โดย จขกท. จะขอแยกออกเป็นกระทู้ๆไปนะ เพราะยาว
"เสียงลึกลับจากแก่งกระจาน"
วันนั้นเป็นช่วงวันหยุดยาว จากที่นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในชมรมกันสี่ซ้าห้าคน ก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากเข้าป่ากัน เหมือนมองตาก็รู้ใจ เรา 5 คนแยกย้ายกันไปจัดกระเป๋าเพื่อมาเจอกันที่ชมรมอีกครั้ง โดยจุดหมายที่เราจะไปคือ 'แก่งกระจาน'
ในทริปนี้ประกอบด้วย เรา เพื่อนเรา เป็นผู้หญิง 2 คน และรุ่นพี่ผู้ชายอีก 3 คน เป็นปกติที่การเดินทางของพวกเราจะใช้รถไฟหรือรถทัวร์และต่อด้วยการโบกรถไปจนถึงจุดหมาย และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการโบกรถคือเสื้อแจ๊กเก็ตของชมรม เพื่อให้ดูมีสังกัด เวลาโบกจะได้มีคนรับขึ้นรถ
พวกเรา 5 คนนั่งรถไฟไปลงที่เพชรบุรีแล้วโบกรถต่อเพื่อจะไปยังอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งการเที่ยวโดยการโบกรถนี่จะจำกัดเวลายากสักหน่อย เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รถหรือรถที่รับจะไปทางที่เราต้องการถึงจุดไหน ก็สุดทางที่เป็นทางเดียวกันก็ต้องลง ขอบคุณในน้ำใจ และโบกต่อไป...
เช่นเดียวกันกับการเที่ยวในครั้งนี้ เราได้รถจากสถานีรถไฟ ไปปล่อยให้เราลงหน้าวัด!!!
ยังๆๆ ยังไม่หลอน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็น และวัดนี้สว่างสไวมาก เพราะกำลังมีงานวัดเลยทีเดียว ปกติเวลาพวกเราเที่ยวนอกจากจะโบกรถแล้ว ยังต้องพกหม้อ ไห ข้าวสารอาหารแห้งกันไปด้วย เพราะทำอาหารกินเอง ในป่านั่นแหละ หลังจากกะเวลาแล้วว่าน่าจะไปถึงแก่งกระจานเย็นๆ เราจึงตกลงที่จะซื้ออาหารจากร้านที่ขายเรียงรายอยู่บริเวณงานวัดเข้าไปกินก่อนเป็นมื้อแรก ก็ได้มาเป็นไก่ย่าง 1 ตัว ข้าวเหนียว และอย่างอื่นอีก 2-3 อย่าง ซื้อได้ครบก็ออกโบกรถต่อ
ตามคาด พวกเราเดินทางไปถึงลานกางเต้นท์กันตอนประมาณ 6.30 น. ฟ้าเริ่มมืด ลานกางเต้นท์มีเต้นท์เต็มไปหมด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา กางเต้นท์ต้องใช้พื้นที่โล่งๆ แต่พวกเรา 5 คน เพียงแค่มองหาต้นไม้ (แกจะนอนบนต้นไม้เหรอ) (ปิ๊งป่องๆ) ผูกเปลจ้า มองไปมองมาก็ได้จุดที่ถูกใจ ต้นไม้ 3 ต้น ปลูกเป็นมุม 3 เหลี่ยมพอดีเป๊ะ นอกจากผูกเปลนอนแล้ว เรายังต้องนอนเปลคอนโดอีกด้วย (อธิบายเผื่อนึกภาพไม่ออก การนอนเปลคอนโดคือผูกเปลที่ระดับเอวไว้เป็นเปลชั้นล่าง และผูกเปลที่ระดับหัวไว้เป็นเปลชั้นบน แล้วกางฟลายชีทไว้เหนือเปลชั้นบนอีกที เวลาคนที่นอนเปลชั้นบนจะขึ้นนอน ก็เหยียบเปลล่างปีนเข้าเปลตัวเอง การผูกเปลต้องตึงเป๊ะ เวลานอนจะได้ไม่ปวดหลังเพราะหลังงอนะจ๊ะ) จขกท.นอนเปลล่าง เพื่อนสาวนอนเปลบน ส่วนพี่ๆผู้ชายก็นอนเปลคอนโดคู่นึง ส่วนอีกคนนอนเปลเดี่ยว จัดการที่หลับที่นอนได้แล้วก็ถึงเวลากินจ้า อาหารที่ซื้อมาจากหน้าวัดก็ถูกนำมากางบนผ้าใบรองนั่ง
หลังจากจัดการกับอาหารทั้งหมดแล้ว พี่ผู้ชายคนหนึ่งก็บอกว่า
"กระดูกไก่อะ ผูกไว้บนกิ่งไม้สูงๆ"
"ทำไมอะ"
"เผื่อตอนกลางคืน เดี๋ยวหมามันมาคุ้ย แล้วเศษขยะกระจุยกระจาย"
ช่างรอบคอบ พี่อีกคนก็จัดการผูกถุงกระดูกไก่ไว้บนกิ่งไม้ เพราะเราจะไม่ทำลายพื้นที่อุทยานแม้ในทางอ้อม (หล่อเลย) อิ่มหนำแล้วเรากับเพื่อนสาวก็หอบหิ้วผ้าเช็ดตัว อุปกรณ์อาบน้ำไปอาบน้ำกับที่ห้องน้ำรวมของอุทยาน
จากความทรงจำ ห้องอาบน้ำของอุทยานจุดที่เราไปอาบกัน มีอยู่ 3 ห้อง ห้องริมในน้ำไม่ไหล ห้องกลางปิดเหมือนมีคนอยู่ข้างใน เหลือห้องริมนอก เราเลยตกลงให้เพื่อนอาบก่อน ส่วนเราล้างหน้าแปรงฟันรอ เผื่อห้องกลางอาบเสร็จก็จะเข้าไปอาบต่อเลย ระหว่างที่อาบเราก็คุยกันบ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผิดสังเกตุคือ ห้องกลางที่ปิดอยู่ เงียบมาก เงียบสนิท ไม่มีเสียงน้ำไหลหรือเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาเลย จนเพื่อนเราอาบเสร็จ เราเข้าไปอาบต่อ ห้องข้างๆก็ยังคงเงียบ ในใจเราคิดว่า ห้องน้ำคงจะเสีย เราอาบไปได้สักพัก เสียงเพื่อเราดังขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน เป็นเสียงสั่นๆ
"แกรรรรร"
"ว่า"
"ตะกี้อะ ห้องข้างๆอะ" เสียงสั่นกว่าเดิมอีก ตอนนี้เราผิดสังเกตแล้ว จากที่คิดว่าห้องน้ำเสีย มันคงจะมีอะไรมากกว่านั้น ในหัวที่มีฟองแชมพูเต็มไปหมดก็คิดว่าถ้าต้องหนี จะทำยังไงวะเนี่ย เรา
แป๊บ เดี๋ยวมาต่อ