มุมมองจากเด็กราชภัฎฯคนหนึ่ง...

ไม่ได้ตั้งกระทู้ดราม่าอะไรนะคะ แค่อยากเล่ามุมมองมุมหนึ่ง

ช่วงนี้กระแสข่าวไม่รับเด็กราชภัฎเข้าทำงานเยอะ มีคนตั้งกระทู้เปรียบเทียบเด็กราชภัฎกับม.อื่นก็เยอะ
เราเข้าใจนะคะเรื่องที่บริษัททุกบริษัทต่างก็อยากได้คนเก่งร่วมงาน เราไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ

เราแค่อยากเล่าเรื่องของเราที่เราเข้าม.ราชภัฎ
ตอนมัธยม ตลอดหกปี เกรดต่ำสุดคือ 3.01 สูงสุดคือ3.4 (ไม่ได้ตั้งใจจะอวดนะคะอย่าเข้าใจผิด) ถ้าเราบอกคนอื่นแค่นี้เชื่อค่ะว่าหลายคนจะนึกภาพเราเป็นเด็กเรียนคนหนึ่ง แต่เราไม่ใช่แบบที่คุณคิดค่ะ เราเล่นกีฬาเล่นดนตรีนั่งหลังห้องตลอดหกปีชอบวาดรูปตอนเรียนไม่เคยกลับมาทวนการบ้านก็ส่งทีหลัง...ในห้องเราเป็นเด็กหลังห้องที่ไม่เอาอะไรสักอย่างนอกจากกิจกรรม

ถึงเวลาสอบเข้ามหาลัย เราสอบตรงเข้ามศว. คณะที่เราเรียนค่าเทอม 40000 ที่บ้านไม่ได้มีฐานะดี อยู่กับป้าได้เงินเดือน 15000 เราคิดแค่ว่าถ้าได้กู้กยศ.ก็ได้

ทั้งๆที่ทำข้อสอบได้แต่ไม่ผ่านค่ะ ตอนนั้นเริ่มคิดได้ ไม่ใช่จะดูแค่ชื่อเสียงของมหาลัย แต่ต้องดูค่าเทอมว่าไหวไหม เราตัดสินใจจะแอดเข้ามธ.รังสิต ค่าเทอมลดลงเหลือประมาณ20000  เราก็คิดอีกว่า ถ้าได้ต้องอยู่หอ  ที่บ้านคงไม่ไหว
ถ้างั้นศิลปากรก็ได้อยู่ในกทม. แต่คณะที่เราจะเรียนปีแรกต้องไปเรียนที่ตจว.  หลังจากนั่งคิดอยู่นานว่าจะเรียนที่ไหน คะแนนแอดมิชชั่นก็ออกค่ะ

ได้ประมาณ 19000 สุดท้ายเราเลยตั้งใจว่าจะเข้าราชภัฎแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
อันดับ1 จุฬา(คะแนนไม่ถึงเผื่อฟลุ๊ค)
อันดับ2 ราชภัฎ(คะแนนเข้าได้แน่นอน)
อันดับ3 ศิลปากรคณะที่เรียนในกทม. (50:50)
อันดับ4 ราชภัฎคนละที่กับอันดับแรก(เข้าได้แน่นอน)
จะขำก็ได้นะคะมีหลายคนบ่นที่เราเลือกอันดับแบบนี้ -*-

สรุปเราได้อันดับ2ค่ะ ไม่เสียใจไม่ดีใจเพราะเหมือนคิดไว้แล้วว่าต้องได้ เพราะคะแนนที่ยื่นมันสูงกว่าคะแนนสูงสุดของปีที่แล้ว +1000

เราไม่ซีเรียสอะไรค่ะที่ได้เป็นเด็กราชภัฎแต่พอกลับมาเยี่ยมเยียนรร.มัธยม เราไปกับเพื่อนที่สอบตรงได้มช. แค่เราอ้าปากว่าเรียนราชภัฎและเพื่อนอ้าปากว่าเรียนมช.  เราเหมือนไม่มีตัวตนอีกเลยค่ะ อ.บางคนทำเหมือนไม่เห็นหัวเราด้วยซ้ำ

ตอนแรกไม่อยากตั้งกระทันี้ขึ้นมาเท่าไหร่ค่ะกลัวโดนคนด่า5555+

แต่ไปอ่านเจอบล็อกของพี่คนนึง เขาเป็นคนที่เรียนไม่จบมหาลัยแต่น้องสาวได้เรียนมหาลัยชื่อดังอันดับหนึ่งของไทยชิงทุนไปญี่ปุ่นปัจจุบันทำงานที่โตเกียวเงินเดือนเริ่มต้นที่ครึ่งแสน

พี่ที่ตั้งบล็อกแกพิมไว้คำนึงมันทำให้เรากล้าตั้งกระทู้นี้
พี่แกบอกว่า เขาไม่โวยวายกับบริษัทที่ไม่รับเขาด้วยเหตุผลที่ว่าเรียนไม่จบเพราะพี่แกเลือกทางนี้เองเขาต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเลือก

เราแค่อยากบอกว่า เราไม่เคยคิดว่าใครที่ไม่รับเราเข้าทำงานหรือดูถูกว่าเราเป็นเด็กราชภัฎเพราะจากที่เราเล่ามาตั้งแต่ต้นทุกคนน่าจะเดาออกว่าเราเลือกเส้นทางนี้เอง

เราอยากเป็นเสียงหนึ่งที่ออกมาบอกมุมมองของเรา บางครั้งเด็กราชภัฎอาจไม่ใช่เด็กที่คะแนนไม่ดีเรียนไม่เก่งไม่รู้จะเรียนอะไรสอบไม่ติดเลยมาเข้าราชภัฎ ทุกวันนี้เวลาเจอเพื่อนเจออ.บางท่านเราก็โดนบ่นเป็นประจำว่าคะแนนดีแต่ทำไมเข้าที่นี่ เพื่อนเราเรียนศิลปากร ด่าเราเพราะว่าคะแนนแอดเราสามารถเข้าคณะที่เขาอยากเข้าได้แต่เขาเข้าไม่ได้เพราะคะแนนไม่ถึง

สรุปแล้วที่เราเลือกราชภัฎเพราะฐานะทางการเงินเราสงสารป้าเราที่หาเลี้ยงเราคนเดียว
ถ้าเราไปอยู่ตจว.เกิดป้าเป็นอะไรมันคงลำบากถ้าเราจะรีบกลับมาหา

อยากให้หลายคนมองหลายๆมุมไม่ใช่เด็กราชภัฎทุกคนที่เป็นแบบที่ทุกคนคิด ยิ้ม

แต่ยอมรับนะคะว่าทุกวันนี้เราก็แอบอิจฉาเพื่อนและรุ่นน้องหลายๆคนที่ที่บ้านมีเงินส่งเรียนค่าเทอมแพงๆ แต่เราก็ดีใจที่เราไม่ทำให้ป้าเราลำบาก

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ หัวเราะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่