ผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยครับว่าเป็นคนนึงครับที่จบจาก ม.ราชภัฎ ผมเห็นช่วงนี้กำลังเป็นจุดสนใจในโลก Social เรื่อง ความแตกต่างและการยอมรับในตัวมหาวิทยาลัยในสังคมไทย อย่างเช่นในกรณีของ ธนาคารแห่งหนึ่งที่เป็นประเด็นกับกลุ่ม ม.ราชภัฏ และเรื่องที่ผมอ่านในกระทู้ส่วนใหญ่ที่ HR เข้ามาตอบว่าเวลาเห็นใบสมัครของเด็ก ม.ราชภัฎ แล้วโยนทิ้งหรือคัดออกเลย ได้ยินแล้วมันน่าเศร้าอ่ะครับ
ในกรณีแรกเรื่องที่ ธนาคารแห่งหนึ่งเขาประกาศมาอย่างนั้น แล้วกลุ่ม ม.ราชภัฎเขาโต้ตอบไปแบบนั้น ผมคิดว่านั่นเป็นการโต้ตอบเพื่อรักษาเกียรติและสิทธิของชาวราชภัฎนะครับ ถ้าอธิการบดีไม่ออกมารักษาเกียรติเช่นนั้น แล้วใครล่ะที่จะออกมารักษาเกียรตินั้น ผมคิดว่าทาง ม.ราชภัฎเขาก็คงไม่ได้นิ่งนอนใจหรอกครับเรื่องคุณภาพการศึกษาของ ม.ราชภัฎ แต่ลองคิดดูสิครับ ถ้าไม่มี ม.ราชภัฎ แล้วคนที่ไม่เก่งขั้นเทพหรือไม่ได้เก่งเลิศเลอ แต่ต้องการจะเรียนในสาขานั้น และเรียนในระบบแบบปิดเช่นนั้นจะไปเรียนที่ไหนล่ะครับ ก็ในเมื่อมหาวิทยาลัยดังๆเขาคัดแต่นักเรียนขั้นเทพ พวกผมแค่ต้องการที่จะเรียน และพัฒนาตนเองระหว่างเรียน เพราะพวกเราเรียนเพื่อที่จะพัฒนา
ในอีกกรณีหนึ่ง เรื่องของ HR ที่คัดใบสมัครของชาวราชภัฎออก ช่วยลองปรับทัศนคติดูใหม่สักนิดได้ไหมครับ ช่วยให้โอกาสเราๆ ให้เกียรติ และให้โอกาสเราๆชาวราชภัฎบ้าง อย่าดูหมิ่นเราเลยครับ เราชาวราชภัฎก็ตั้งใจเต็มที่ในการสมัคร และพร้อมที่จะตั้งใจพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาครับ ช่วยให้โอกาสเราได้ไปคัดเลือกร่วมกับเด็ก ม.ดังๆ อื่นด้วยเถอะครับ ถ้าเราได้มีโอกาสเข้ารับคัดเลือก ไม่ว่าจะเป็นการสอบ การทดสอบภาษาอังกฤษ EQ IQ หรืออะไรก็ตามแล้วไม่ผ่านเกณฑ์ ค่อยคัดเราออกก็ได้ครับ
การที่ชาวราชภัฎไม่ได้เก่งมากมายตั้งแต่ต้น ก็ไม่ได้ไปดูหมิ่น ดูแคลนเกียรติของใคร อยากให้สังคมช่วยปรับทัศนคติเกี่ยวกับการรับสมัครงาน และเกี่ยวกับ ม.ราชภัฎใหม่ด้วยครับ เผื่ออาจจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเรื่องเงินอุดหนุน เรื่องการปรับโครงาสร้าง และอื่นๆทำให้ ม.ราชภัฎได้มีโอกาสได้พัฒนาคนและบุคลากร และตัวชาวราชภัฎเองก็จะได้มีโอกาสในการสมัครงานเหมือน ม.ดัง อื่นๆบ้าง
ข้างบนนี้คือความคิดเห็นของผมครับ โลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างนั้นผมเข้าใจ แต่เราอาจจะทำให้มันสวยงามได้ ถ้าเราทุกคนช่วยกัน ผมน้อมรับความคิดเห็นที่เห็นด้วยและแตกต่างครับ อยากจะรับฟังความคิดเห็นของท่านอื่นๆด้วยว่าเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ
ปล. เราทุกคนไม่ต้องการให้ใครมาดูหมิ่นตัวเรา เราไม่ควรไปดูหมิ่นผู้อื่นเช่นกัน การให้เกียรติซึ่งกันและกันจะทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น
ทำไมสังคมถึง "Say no" ม.ราชภัฎ ล่ะครับ
ในกรณีแรกเรื่องที่ ธนาคารแห่งหนึ่งเขาประกาศมาอย่างนั้น แล้วกลุ่ม ม.ราชภัฎเขาโต้ตอบไปแบบนั้น ผมคิดว่านั่นเป็นการโต้ตอบเพื่อรักษาเกียรติและสิทธิของชาวราชภัฎนะครับ ถ้าอธิการบดีไม่ออกมารักษาเกียรติเช่นนั้น แล้วใครล่ะที่จะออกมารักษาเกียรตินั้น ผมคิดว่าทาง ม.ราชภัฎเขาก็คงไม่ได้นิ่งนอนใจหรอกครับเรื่องคุณภาพการศึกษาของ ม.ราชภัฎ แต่ลองคิดดูสิครับ ถ้าไม่มี ม.ราชภัฎ แล้วคนที่ไม่เก่งขั้นเทพหรือไม่ได้เก่งเลิศเลอ แต่ต้องการจะเรียนในสาขานั้น และเรียนในระบบแบบปิดเช่นนั้นจะไปเรียนที่ไหนล่ะครับ ก็ในเมื่อมหาวิทยาลัยดังๆเขาคัดแต่นักเรียนขั้นเทพ พวกผมแค่ต้องการที่จะเรียน และพัฒนาตนเองระหว่างเรียน เพราะพวกเราเรียนเพื่อที่จะพัฒนา
ในอีกกรณีหนึ่ง เรื่องของ HR ที่คัดใบสมัครของชาวราชภัฎออก ช่วยลองปรับทัศนคติดูใหม่สักนิดได้ไหมครับ ช่วยให้โอกาสเราๆ ให้เกียรติ และให้โอกาสเราๆชาวราชภัฎบ้าง อย่าดูหมิ่นเราเลยครับ เราชาวราชภัฎก็ตั้งใจเต็มที่ในการสมัคร และพร้อมที่จะตั้งใจพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาครับ ช่วยให้โอกาสเราได้ไปคัดเลือกร่วมกับเด็ก ม.ดังๆ อื่นด้วยเถอะครับ ถ้าเราได้มีโอกาสเข้ารับคัดเลือก ไม่ว่าจะเป็นการสอบ การทดสอบภาษาอังกฤษ EQ IQ หรืออะไรก็ตามแล้วไม่ผ่านเกณฑ์ ค่อยคัดเราออกก็ได้ครับ
การที่ชาวราชภัฎไม่ได้เก่งมากมายตั้งแต่ต้น ก็ไม่ได้ไปดูหมิ่น ดูแคลนเกียรติของใคร อยากให้สังคมช่วยปรับทัศนคติเกี่ยวกับการรับสมัครงาน และเกี่ยวกับ ม.ราชภัฎใหม่ด้วยครับ เผื่ออาจจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเรื่องเงินอุดหนุน เรื่องการปรับโครงาสร้าง และอื่นๆทำให้ ม.ราชภัฎได้มีโอกาสได้พัฒนาคนและบุคลากร และตัวชาวราชภัฎเองก็จะได้มีโอกาสในการสมัครงานเหมือน ม.ดัง อื่นๆบ้าง
ข้างบนนี้คือความคิดเห็นของผมครับ โลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างนั้นผมเข้าใจ แต่เราอาจจะทำให้มันสวยงามได้ ถ้าเราทุกคนช่วยกัน ผมน้อมรับความคิดเห็นที่เห็นด้วยและแตกต่างครับ อยากจะรับฟังความคิดเห็นของท่านอื่นๆด้วยว่าเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ
ปล. เราทุกคนไม่ต้องการให้ใครมาดูหมิ่นตัวเรา เราไม่ควรไปดูหมิ่นผู้อื่นเช่นกัน การให้เกียรติซึ่งกันและกันจะทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น