ในฐานะที่เคยเรียนราชภัฏ เรียนจบ ป.โท เอกชนเป็นหัวหน้าคนในการเลือกคนเข้าทำงาน และก็ได้ทำงานในสิ่งที่พอใจกับเงินเดือน

ในฐานะที่เคยเรียน ราชภัฏ  เป็นหัวหน้าคนในการเลือกคนเข้าทำงาน  เรียนจบปริญญาโท เอกชน ก็มีชื่อพอควร ตอนนี้ก็ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองพึงพอใจ  เงินเดือนก็พอควร    ขอแสดงความคิดเห็นดังนี้นะคะ

              1.ที่เรียนราชภัฎ เพราะสมัยนั้นไม่ค่อยมีเงิน กู้เงิน กยศ.เรียน  และอยู่ต่างจังหวัด ต้องดูแลครอบครัวที่บ้าน  แต่เป็นคนขยัน อดทน เพราะจบอาชีวการบัญชีมา  เรียนจบก็หางานมาเรื่อยๆ ก็ไต่เต้าไปเรื่อยๆ อาศัยขยัน เพราะไม่มีประสบการณ์เต็มที่ตอนจบใหม่ๆ ก็แค่ทำงานประสานงาน แล้วก็หาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แต่เพื่อนที่เรียนจบจาก กรุงเทพฯ มหาลัยดังมากๆ แต่กลับมาอยู่บ้านเฉยๆ  เพราะไปสมัครงานแล้วให้เงินเดือนน้อย ไม่ถูกใจ  ไม่อดทนเพราะพ่อแม่เลี้ยงมาแบบให้ตลอด เรียนมหาลัยดีๆ ใช้เส้นสายเข้าไป เพราะเพื่อนเล่าให้ฟังนะค่ะ
              2.ปัจจุบัน เป็นหัวหน้างาน  ที่คัดเลือกน้องๆเข้ามาทำงาน  ไม่เคยมองมหาลัยที่เข้ามาสมัครเลย มองประสบการณ์รอบตัวที่เขาเคยทำงานมา  และถ้าไม่มีประสบการณ์มา  ก็จะคุยสอบถาม ได้ตามที่มองเห็นภายนอก  เด็กที่เรียนที่ดีๆมา อีโก้สูง เรียกเงินเดือนมาไม่ดูว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์ ถ้าคิดจะทำงานเพิ่งเริ่มต้น  ไม่ควรเลือกงานมาก มาหาประสบการณ์ใบเบิกทางจะดีกว่า  
              3.คัดลูกน้องมามาก  เจอกับตัวเองว่าสถานศึกษาไม่ได้วัดเรื่องความอดทนในการทำงาน หรือไหวพริบในการทำงาน การแก้ปัญหาได้เลย  น้องที่เรียนจบมาแค่ ปวส.คอมมา แต่กลับมีความรับผิดชอบสูง หัวไว มอบหมายงานไป ทำเสร็จหมด  แต่อีกคน จบปริญญาตรี จากมหลาลัยมา แต่สั่งงานไปกว่าจะได้กลับมา ช้ามากๆ อึนๆ ในการทำงาน หรืออีกคน จบป.ตรีราชภัฎเหมือนกัน  ก็หัวไวมากๆ สอนงานนิดเดียวรู้เรื่องหมด  คิดว่าส่วนตัวอยู่ที่การใจใส่ในงาน การรักที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม การตั้งใจทำงานมากกว่าค่ะ
              4.ส่วนเด็กวิศวะ ซึ่งเป็นงานโครงสร้างที่เกี่ยวกับความเสียหายที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะคน เครื่องจักร ตึก รถ บ้าน คอนโด เราเห็นด้วยว่าควรคัดนักศึกษาที่มาจากมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อหน่อย เช่น มหิดล พระจอมเกล้า ฯลฯ ควรให้เงินเดือน ให้สมกับที่เขาเรียนมาอย่างหนัก แต่ก็อย่าตัดเด็กราชภัฏออก  ควรรับมาเป็นผู้ช่วย หรืออะไรก็ดี  เพราะประสบการณ์จะสอนเขา  เขาอาจจะรักในงานที่ทำได้มากกว่าคนที่จบมาจากที่สูงๆ มหาลัยดังๆก็ได้ ที่เขาพร้อมจะไปได้ตลอดเวลา   เพราะการเรียนวิศวะก็ใช้เงินเยอะ  คนที่เรียนราชภัฏอาจจะเพราะกำลังทรัพย์น้อยก็เป็นได้  อยากให้แบ่งใจให้เท่าๆกัน อาจจะโอนเอนไปบ้าง ก็ควรให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่กับเขา
              5.เราเรียนจบ บัญชีตั้งแต่ ปวช.- ปริญญาตรี  แต่ก็ไม่เคยรักงานบัญชี  แต่ที่บ้านให้เรียน ก็ต้องเรียน เพราะที่บ้านก็ไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร คิดว่าหางานง่าย  อาจจะได้ทำงานที่บ้านต่างจังหวัดนั้นแหระ  สุดท้ายทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับบัญชีเลย  เพราะโชคดี มีบริษัทที่ให้โอกาสทำงานด้านการตลาดในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะขาย หรือการตลาด โชคดีเจอเจ้าของบริษัทที่มอบโอกาสให้   ท่านสอนงานเราทุกอย่างให้เป็น แนะนำ ถูก ผิด ประสบการณ์เท่านั้นเลยที่สอนเรา  เจ้านายเคยพูดว่ารู้ไหมว่าทำไมถึงให้โอกาสในการทำงานด้านนี้   เพราะเขาเจอเราตอนสัมภาษณ์  ด้วยบุคคลิก แล้วก็วิธีการคิด ความตั้งใจที่อยากจะทำ  เขาก็เลยลองดู  สรุปเราทำได้ดีเกินเป้าที่เขาคาดหวังหลายๆอย่าง  เพราะเราคิดตลอดว่านี้คืองานที่เรารัก  เขาให้โอกาสเราแล้ว เราต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุดแค่นั้น
             6.เราไปตั้งใจหาความรู้ เรียนภาษาเพิ่มเติม แล้วก็ศึกษาไปเรื่อยๆ  ทำในสิ่งที่ตัวเองเลือก และรัก  มันมีความสุข มีความภูมิใจ  สามารถสื่อสารกับคนอีกประเทศได้ มันก็ภูมิใจอีกอย่างนะ  อย่ายึดติดกับมหาลัยที่ตัวเองเรียนมา  ให้มองไปข้างหน้าว่าอยากทำอะไร อุปสรรคมีทุกคน  คนเราจะประสบความสำเร็จได้ ก็เพราะการหาโอกาส  และการได้รับโอกาสนี้แหระค่ะ
             7.ตอนนี้เรียนจบ ปริญญาโท มหาลัยเอกชน มีชื่อพอควร ไม่ได้ดังเหมือนที่เขาคัดเกรดตามที่เป็นข่าว  แต่ก็เป็นมหาลัยที่ดังพอควร เพราะนักศึกษาก็ไปทำงานหลายด้าน   ซึ่งเราว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไร  มันอยู่ที่ตัวบุคคลในการเอาใจใส่การเรียน  อาจารย์ก็สอนเหมือนๆกัน  แล้วเทคนิคการจำ หรือการเอาไปบูรณการเรื่องชีวิตการทำงานของตัวเองก็แล้วแต่บุคคลค่ะ
            8.แฟนก็เรียนราชภัฏอยู่ตอนนี้ เรียนช้ากว่าเพื่อนๆ เพราะอย่างแรกเลยคือเงินที่เขาหามาเรียน  ถามว่าเรียนเอกชนได้ไหม ก็ได้นะ แต่มันค่อนข้างกระเบียดกระเสียนที่ต้องมาจ่ายค่าเทอม แทนที่จะเอาไปทำอย่างอื่นได้  ก็เลยเลือกตัดสินใจเรียนราชภัฏแทน   ก็เลยโชคดีได้เปรียบเทียบกับเพื่อนอีกคนเรียนเอกชน มหาลัยดัง จบมาชาติหนึ่งแล้ว  แต่งานก็ทำไม่เป็นหลักแหล่ง ทำได้ไม่กี่เดือน ออกอีกแหระ  ยิ่งทำ ยิ่งหางาน ยิ่งตกต่ำ   สุดท้ายตอนนี้ไปเป็นเซล  ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง  เห็นว่าจะออกไปหาขายซีดีอีกแล้ว   เสียดายเงินที่พ่อแม่จ่ายไปเยอะแยะตอนนั้น หวังให้ลูกเรียนที่ดีๆ มีหน้ามีตา ลูกก็มีเพื่อนสังคมชั้นนสูง ก็ต้องสูงตาม  จบใหม่ๆ ดูมีหน้ามีตา เพื่อนฝูงไฮโซ  ตอนนี้เหรอ........


แค่อยากแชร์ว่า อย่ามองแค่มหาลัยที่แบ่งเกรดอย่างเดียว  ควรดูองค์ประกอบหลายๆอย่าง  อย่าดราม่าว่ากันไปมา  ควรมองโลกให้กว้าง ไม่มีผิดถูก อยู่ที่ความเหมาะสม   ทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาที่ไป เหตุผลของมัน  อยากให้กำลังใจนักศึกษาทุกคนไม่ว่าจะจบจากที่ไหน  เราควรหาประสบการณ์ ทำงาน  เพื่ออัพเงินเดือน เพราะเงินเดือนมันก็เพิ่มตามไม่ประสบการณ์ ก็เพิ่มขึ้นตามอายุการทำงาน หรืออายุตัวเอง 5555 แต่ความพึงพอใจ อยู่ที่ตรงไหน พอดี หรือพอใจ คนเราความต้องการไม่สิ้นสุดอยุ่ที่เราจะหยุดได้แค่ไหน  อยากให้อดทนต่อการทำงานนะค่ะนักศึกษาน้องๆทุกคน  งานหนักไม่ตาย ไม่มีเงิน ไม่มีกินนี้แหระอดตาย แถมโดนดูถูกตาย ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้ นอกจากตัวเราเองนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่