ผ่าประเด็นร้อน
" ในบรรดาบริษัทที่สนใจเข้ามาลงทุนมีอยู่บริษัทหนึ่งสนใจที่ดินที่ ต.เชียงรากใหญ่ ซึ่งเคยเป็นของนักการเมืองใหญ่ท่านหนึ่ง ตรงนี้ที่ “คุณคำรณวิทย์” เป็นคนกลางเสนอขายที่ดินให้สร้างโรงงาน เขาต้องการลดการต่อต้าน ก็เลยออกเงินผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ไปเห็นกับตา ว่าโรงงานที่นำขยะมาทำพลังงานไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หรือตามที่นักปลุกระดมสร้างภาพให้คิด เขากำลังจะนำชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับที่ดอนแปลงนี้ไปอีกทริปหนึ่ง เท่าที่ผมทราบมาครั้งนี้ เขาเลือกไปดูงาน 3 โรงงาน ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ และกลางกรุงโตเกียว...."
"คุณคำรณวิทย์ไปด้วย ผมสันนิษฐานว่าเขาต้องการใช้ภาวะผู้นำโน้มน้าวพูดให้คนปทุมกลุ่มต่างๆ เข้าใจ ไม่ต่อต้าน และช่วยทำความเข้าใจกลุ่มที่ยังไม่ทราบเรื่องระบบกำจัดขยะระบบปิด เพราะเขาต้องการให้โรงงานสร้างได้ (น่าจะเกี่ยวกับการขายที่ดิน)..."
นั่นเป็นข้อความตอนหนึ่งของคนที่อ้างว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พงศธร สัจจชลพันธ์ ที่มีการชี้แจงไปยังสมาชิกกลุ่ม"สิงห์ดำ"
รัฐศาสตร์จุฬาฯ)ที่เขาเป็นสมาชิกอธิบายถึงที่มาที่ไปสำหรับการเดินทางไปดูงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่ประเทศญี่ปุ่นที่ตามข่าวระบุว่ามีจำนวนถึง 80 ชีวิต และต่อมา "ความแตก"เอาเมื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกจับกุมที่สนามบินนาริตะ ฐานพกพาอาวุธปืนและกระสุนขึ้นเครื่องบินจะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งต่อมาก็พบความจริงว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ร่วมคณะดังกล่าวพร้อมกับ ปวีณา หงสกุล ที่สังคมรู้จักกันในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ชื่อดัง และที่ผ่านมาทั้งคู่มีความสนิทชิดชอบกันมานานร่วมเดินทางไปด้วย ดังที่ก่อนหน้านี้มีภาพหมู่ปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว
อย่างไรก็ดีแม้ว่าสาระสำคัญของคำชี้แจงดังกล่าวของผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พงศธร สัจจชลพันธ์ ต้องการยืนยันเพียงแค่ว่ารองผู้ว่าราชการจังหวัดและปลัดจังหวัดปทุมธานีที่ร่วมคณะไปกับทีมดูงานโรงงานขยะเที่ยวนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดูแลอุปถมภ์ของเอกชนนายทุนโรงงานแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงถูกร้องเรียนกับคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)ในกรณีรับของขวัญเกินสามพันบาท โดยย้ำว่าข้าราชการทั้งสองคนดังกล่าวได้ใช้เงินส่วนตัวในการซื้อตั๋วเดินทางไปเอง มีหลักฐานการเบิกเงินและการซื้อตั๋วในวันเดียวกัน(ในลักษณะป้องกันตัวเองไว้ล่วงหน้าแล้ว)และยังย้ำว่าไม่ได้ใช้เวลาราชการ แต่เลี่ยงด้วยการใช้วิธีลาพักร้อน และที่สำคัญเขายืนยันว่าข้าราชการพวกนี้ไม่ได้ไปในฐานะตัวแทนของเขาหรือทางจังหวัด เพราะผู้ว่าฯไม่ได้มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติในเรื่องการตั้งโรงงาน เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของอุตสาหกรรมจังหวัด
แต่ในคำชี้แจงข้างต้นก็มีการอธิบายให้เห็นภาพด้วยว่า โครงการสร้างโรงงานกำจัดขยะเป็นโรดแมปของรัฐบาล และจังหวัดปทุมธานีถือว่าเป็นหนึ่งในหกจังหวัดที่มีปริมาณขยะสะสมมากและเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหา และสำหรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ก็เข้ามาเป็นตัวละครสำคัญในฐานะ "คนกลาง" หรือที่เข้าใจกันในแบบ "นายหน้า"นั่นเอง ซึ่งในข้อความของผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานียังทำใหัทราบไปอีกว่าที่ดินที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ต้องการเสนอขายให้นายทุนก่อสร้างโรงงานฯนั้นเป็นของ "นักการเมืองใหญ่"คนหนึ่ง ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่านักกการเมืองคนนั้นเป็นใครกันแน่ และจะขายกันในราคาเท่าไหร่
นอกจากนี้ยังมีรายงานสภาพความเป็นจริงถึงปัญหาในการก่อสร้างโรงงานพลังงานขยะว่ายังมีการต่อต้านในพื้นที่จากประชาชนและกลุ่มองค์กรเอกชน(เอ็นจีโอ) จน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เข้ามามาเป็นคนกลางในการเสนอพื้นที่ก่อสร้างแห่งใหม่ ที่ตำบลเชียงรากใหญ่ ซึ่งเป็นที่ดินของนักการเมืองใหญ่คนหนึ่งดังกล่าว และที่น่าสนใจก็คือหากไม่โดนจับกุมเสียก่อน มีรายงานว่าในกาาดูงานเที่ยวต่อไปจะมีการนำชาวบ้านที่เป็นกลุ่มคัดค้าน และพวกเจ้าของที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงในพื้นที่ใหม่(ที่จะเสนอขาย)ไปชมโรงงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำและกลางกรุงกรุงโตเกียว เพื่อลบกระแสต้านนั่นเอง
ดังนั้นกรณีนี้หากพูดให้เห็นภาพเปรียบเทียบก็ต้องบอกว่าการที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ถูกจับกุมที่ญี่ปุ่น ก็เหมือนกับการทำปืนลั่น"ความแตก"เช่นเดียวกับกรณีที่นักข่าวได้เห็นภาพ "โจรประดับยศให้ตำรวจ"พร้อมวลีเด็ดว่า "มีวันนี้เพราะพี่ให้"เมื่อคราวก่อน และเที่ยวนี้ทำท่าขยายลามจนต้องมีการสอบสวนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แล้วยังทำท่าลามมาถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องผลประโยชน์จากโครงการก่อสร้างโรงงานพลังงานขยะที่จังหวัดปทุมธานีในเวลานี้อีกด้วย
เรื่องนี้ทำให้ชวนติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่าคงจะมีข้อมูลเด็ดๆตามมาเรื่อยๆ เพราะขึ้นชื่อว่า คำรณวิทย์ ธูปกระจ่างแล้ว ไม่ธรรมดาแน่นอน !!
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000073637
วันนี้ของ คำรณวิทย์ ชักสนุกจากปริศนาปืนลั่นลามถึงขยะปทุมฯ !!
" ในบรรดาบริษัทที่สนใจเข้ามาลงทุนมีอยู่บริษัทหนึ่งสนใจที่ดินที่ ต.เชียงรากใหญ่ ซึ่งเคยเป็นของนักการเมืองใหญ่ท่านหนึ่ง ตรงนี้ที่ “คุณคำรณวิทย์” เป็นคนกลางเสนอขายที่ดินให้สร้างโรงงาน เขาต้องการลดการต่อต้าน ก็เลยออกเงินผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ไปเห็นกับตา ว่าโรงงานที่นำขยะมาทำพลังงานไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หรือตามที่นักปลุกระดมสร้างภาพให้คิด เขากำลังจะนำชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับที่ดอนแปลงนี้ไปอีกทริปหนึ่ง เท่าที่ผมทราบมาครั้งนี้ เขาเลือกไปดูงาน 3 โรงงาน ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ และกลางกรุงโตเกียว...."
"คุณคำรณวิทย์ไปด้วย ผมสันนิษฐานว่าเขาต้องการใช้ภาวะผู้นำโน้มน้าวพูดให้คนปทุมกลุ่มต่างๆ เข้าใจ ไม่ต่อต้าน และช่วยทำความเข้าใจกลุ่มที่ยังไม่ทราบเรื่องระบบกำจัดขยะระบบปิด เพราะเขาต้องการให้โรงงานสร้างได้ (น่าจะเกี่ยวกับการขายที่ดิน)..."
นั่นเป็นข้อความตอนหนึ่งของคนที่อ้างว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พงศธร สัจจชลพันธ์ ที่มีการชี้แจงไปยังสมาชิกกลุ่ม"สิงห์ดำ"รัฐศาสตร์จุฬาฯ)ที่เขาเป็นสมาชิกอธิบายถึงที่มาที่ไปสำหรับการเดินทางไปดูงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่ประเทศญี่ปุ่นที่ตามข่าวระบุว่ามีจำนวนถึง 80 ชีวิต และต่อมา "ความแตก"เอาเมื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกจับกุมที่สนามบินนาริตะ ฐานพกพาอาวุธปืนและกระสุนขึ้นเครื่องบินจะเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งต่อมาก็พบความจริงว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ร่วมคณะดังกล่าวพร้อมกับ ปวีณา หงสกุล ที่สังคมรู้จักกันในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ชื่อดัง และที่ผ่านมาทั้งคู่มีความสนิทชิดชอบกันมานานร่วมเดินทางไปด้วย ดังที่ก่อนหน้านี้มีภาพหมู่ปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว
อย่างไรก็ดีแม้ว่าสาระสำคัญของคำชี้แจงดังกล่าวของผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พงศธร สัจจชลพันธ์ ต้องการยืนยันเพียงแค่ว่ารองผู้ว่าราชการจังหวัดและปลัดจังหวัดปทุมธานีที่ร่วมคณะไปกับทีมดูงานโรงงานขยะเที่ยวนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดูแลอุปถมภ์ของเอกชนนายทุนโรงงานแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงถูกร้องเรียนกับคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.)ในกรณีรับของขวัญเกินสามพันบาท โดยย้ำว่าข้าราชการทั้งสองคนดังกล่าวได้ใช้เงินส่วนตัวในการซื้อตั๋วเดินทางไปเอง มีหลักฐานการเบิกเงินและการซื้อตั๋วในวันเดียวกัน(ในลักษณะป้องกันตัวเองไว้ล่วงหน้าแล้ว)และยังย้ำว่าไม่ได้ใช้เวลาราชการ แต่เลี่ยงด้วยการใช้วิธีลาพักร้อน และที่สำคัญเขายืนยันว่าข้าราชการพวกนี้ไม่ได้ไปในฐานะตัวแทนของเขาหรือทางจังหวัด เพราะผู้ว่าฯไม่ได้มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติในเรื่องการตั้งโรงงาน เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของอุตสาหกรรมจังหวัด
แต่ในคำชี้แจงข้างต้นก็มีการอธิบายให้เห็นภาพด้วยว่า โครงการสร้างโรงงานกำจัดขยะเป็นโรดแมปของรัฐบาล และจังหวัดปทุมธานีถือว่าเป็นหนึ่งในหกจังหวัดที่มีปริมาณขยะสะสมมากและเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหา และสำหรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ก็เข้ามาเป็นตัวละครสำคัญในฐานะ "คนกลาง" หรือที่เข้าใจกันในแบบ "นายหน้า"นั่นเอง ซึ่งในข้อความของผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานียังทำใหัทราบไปอีกว่าที่ดินที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ต้องการเสนอขายให้นายทุนก่อสร้างโรงงานฯนั้นเป็นของ "นักการเมืองใหญ่"คนหนึ่ง ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่านักกการเมืองคนนั้นเป็นใครกันแน่ และจะขายกันในราคาเท่าไหร่
นอกจากนี้ยังมีรายงานสภาพความเป็นจริงถึงปัญหาในการก่อสร้างโรงงานพลังงานขยะว่ายังมีการต่อต้านในพื้นที่จากประชาชนและกลุ่มองค์กรเอกชน(เอ็นจีโอ) จน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เข้ามามาเป็นคนกลางในการเสนอพื้นที่ก่อสร้างแห่งใหม่ ที่ตำบลเชียงรากใหญ่ ซึ่งเป็นที่ดินของนักการเมืองใหญ่คนหนึ่งดังกล่าว และที่น่าสนใจก็คือหากไม่โดนจับกุมเสียก่อน มีรายงานว่าในกาาดูงานเที่ยวต่อไปจะมีการนำชาวบ้านที่เป็นกลุ่มคัดค้าน และพวกเจ้าของที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงในพื้นที่ใหม่(ที่จะเสนอขาย)ไปชมโรงงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำและกลางกรุงกรุงโตเกียว เพื่อลบกระแสต้านนั่นเอง
ดังนั้นกรณีนี้หากพูดให้เห็นภาพเปรียบเทียบก็ต้องบอกว่าการที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ถูกจับกุมที่ญี่ปุ่น ก็เหมือนกับการทำปืนลั่น"ความแตก"เช่นเดียวกับกรณีที่นักข่าวได้เห็นภาพ "โจรประดับยศให้ตำรวจ"พร้อมวลีเด็ดว่า "มีวันนี้เพราะพี่ให้"เมื่อคราวก่อน และเที่ยวนี้ทำท่าขยายลามจนต้องมีการสอบสวนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แล้วยังทำท่าลามมาถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องผลประโยชน์จากโครงการก่อสร้างโรงงานพลังงานขยะที่จังหวัดปทุมธานีในเวลานี้อีกด้วย
เรื่องนี้ทำให้ชวนติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่าคงจะมีข้อมูลเด็ดๆตามมาเรื่อยๆ เพราะขึ้นชื่อว่า คำรณวิทย์ ธูปกระจ่างแล้ว ไม่ธรรมดาแน่นอน !!
http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000073637