เกริ่นก่อนว่าคณะเราเป็นแฟนเพลงวง Take That แบบขั้นติ่ง เป็นมาตั้งกะยุค 90 มาจนทุกวันนี้
ถึงจะแก่ตัวไปตามวง พวกเราก็ยังกรี๊ดวงอย่างบ้าคลั่งเหมือนเดิม
พวกเค้ามาบ้านเราครั้งแรกในปี 1995 จากวันนั้นจนมาวันนี้ 20 ปีแล้ว
ได้ฤกษ์เบิกโรงที่จะต้องไปพบหน้าค่าตากันซะหน่อยแล้วววววววววววว
เริ่มปฏิบัติการ
TAKE THAT LIVE 2015 IN UK
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เมื่อตอนครบรอบ 17 ปีที่ Take That มาเมืองไทย เรามีตั้งกระทู้ระลึกความหลังไปครั้งนึงค่ะ
http://topicstock.ppantip.com/chalermkrung/topicstock/2012/10/C12854268/C12854268.html
***โหมโรง***
เรากับเพื่อนรวม 3 คน วางแผนการเดินทางครั้งนี้มาตั้งแต่พลาด Progress Live 2011 ทัวร์ครั้งที่แล้วของ Take That
ทั้งที่เพื่อนเราเรียนอยู่ที่อังกฤษแท้ ๆ จำได้ว่าตอนนั้น เพื่อนบอกว่าเน็ตล่ม พอใช้ได้อีกทีบัตร Sold Out!!
ประกอบกับปัจจัยไม่ค่อยเอื้อมากเลยไม่ได้ขวนขวายเท่าไหร่นัก แต่แอบอุ๊บอิ๊บกันไว้ในใจว่าครั้งหน้าไม่พลาดแน่
พอหลังจากพิธีปิดโอลิมปิคที่อังกฤษเสร็จสิ้นลง เราก็เริ่มเก็บตังค์เพื่อ Take That Trip ของเรา
แม้ว่าแกรี่ ร็อบบี้ มาร์คกี้จะเอาเวลาไปทำงานเดี่ยวกันบ้างอะไรบ้าง แต่นับ Timeline แล้ว ปี 2015 ไม่น่าพลาด
ยิ่งพอเห็นว่า พวกหนุ่มใหญ่เริ่มทำเพลงกัน เริ่มเข้าห้องอัดทำเดโม เอาแล้วๆๆๆ
พอลุงแกคอนเฟิร์มกลางปี 2013 ว่า ปี 2014 จะวางอัลบั้มนะ แน่นอนซัมเมอร์ 2015 มีทัวร์แน่ เยสสสสสสสส
นับแต่วันนั้น UK 2015 ของเรากับเพื่อนก็เริ่มเป็นรูปธรรม
(ถึงแม้ว่าปลายเดือนกันยาปีที่แล้ว จะมีข่าวการลาออกของเจสัน เล่นเอาหนึ่งในแก๊งเราที่เมนคุณเจย์สตั๊นท์ไป แต่เราก็เดินหน้าต่ออย่างมุ่งมั่น)
ภาพตัดมาที่พฤศจิกายน 2014 เปิดจองบัตรคอนเสิร์ต Take That Live 2015 ติ่งกระสับกระส่าย จิตวิปริต ปัญหาร้อยแปด
กว่าจะได้บัตรมาไว้ในมือแทบเป็นลม ตั๋วที่เราได้คือบัตรยืนทั่วไป รอบวันที่ 22 มิถุนายน ที่เมืองเบอร์มิ่งแฮม เย้!
หลังจากนั้นสัก 3-4 วัน เราก็ลองคลิกเข้าไปดูเล่นๆ ว่ายังมีตั๋วที่ลอนดอนหลุดๆ มาบ้างมั้ย
ปรากฏว่าเราจองรอบวันที่ 15 มิถุนายน ที่ O2 ลอนดอนได้อีก
ที่สำคัญรอบนี้เราได้โซนติ่ง คือใน Pit Zone เข้าวงในใกล้ชิดรับเหงื่อศิลปินอีกด้วย กรี๊ดดดดดดดดดดดด
เอาหล่ะ สรุปว่าเรามีบัตรแล้ว 2 รอบเนาะๆ ขอแค่ให้ Ticket Master ส่งตั๋วมาให้เราทันเวลาละกัน
(เว็บตั๋วเจ้านี้ไม่ให้เราไปรับที่อารีน่าค่ะ ต้องเสียตังค์ค่า UPS อีกให้ส่งมาเมืองไทย)
จากนั้นติ่งก็วางแผนการเดินทาง จองเครื่องบิน ทำวีซ่า ลางาน เพื่อภารกิจ Take That UK 2015 ของเรา
เริ่มถามกันเองว่า เราจะดู 2 รอบกันเลยเหรอ? มากไปหรือเปล่า?
ตอบ-เอาเข้าจริงๆ ด้วยความอินเกินพิกัด เราก็จัดไปอีกรอบที่แมนเชสเตอร์ สรุปดู 3 รอบ ฟินมากค่ะ
ความอยากมันไม่เข้าใครออกใคร ได้ดูแล้วก็อยากจะดูอีก
หลังจากจบรอบลอนดอนวันที่ 15 มิย. กลับมาถึงที่พัก เราลองหาบัตรที่แมนเชสเตอร์ดู
ปรากฏว่าเราได้ตั๋วนั่งสูงๆ พอดี เลยได้ดูเพิ่มอีกรอบ เย้!
เกริ่นยาวเป็นโยชน์
มาดูภาพบรรยากาศหลายๆ ที่รวมๆ กันนะคะ
คือที่ O2 ลอนดอน เราจะอยู่ที่บัตรโซนหน้าสุดประชิดเวทีรับหยาดเหงื่อของคุณเค้ากันค่ะ เป็นหลุมอยู่ระหว่างเวทีหลักกับเวทีเล็ก
ในเวิ้งนี้ค่ะ
ส่วนที่แมนเชสเตอร์จะเป็นที่นั่งบนอัฒจรรย์ชั้น 3 ชั้นนางฟ้า
และที่เบอร์มิ่งแฮมจะเป็นบัตรยืนปกติ แต่ติ่งอย่างเราต้องจับจองให้อยู่ใกล้กับเวทีเล็กหรือ Stage B ที่เค้าจะออกมาเป็นครั้งคราวอยู่แล้ว
เกือบติดขอบ Stage B ค่ะ
สรุป 3 รอบ
The O2, London - 15 June 2015
Manchester Arena – 18 June 2015
Genting Arena, Birmingham – 22 June 2015
ที่ลอนดอน เราเจอแฟนๆ Take That กันตั้งแต่สถานีรถไฟหน้าบ้าน ทำเอาตื่นเต้นตั้งแต่บ่าย
ยิ่งมาถึง O2 Arena เจอแฟนๆใส่เสื้อ Take That เดินกันควักไขว่ยิ่งทำให้ความตื่นเต้นของเราพุ่งทะยานสูงขึ้นจนปรอทแทบแตก
แฟนพันธุ์แท้พากันมาจับจองคิวกันแต่ 9 โมงเช้า เราพยายามแล้ว (เมื่อวานไปเที่ยวชมเมืองมา ติ่งเหนื่อย)
กัดฟันมาถึงได้ในเวลาบ่าย 3 ประตูเปิด 6 โมง นี่ก็นั่งต่อแถวเพื่อคุณแฟน 3 ชม.เชียว แต่แถวยังไม่ยาวเท่าไหร่ ปาดเหงื่ออย่างโล่งใจ
พอถึงเวลา เค้าเอาบัตรเราไปแล้วติดสายรัดข้อมือให้เราแทน ใครอยู่โซนขวาติดมือขวาเข้าประตูขวา
ใครบัตรด้านซ้ายทุกอย่างก็ไปทางซ้าย เพื่อที่จะมาเจอกันในหลุมกลางเวที
บัตรเปลี่ยนเป็นสายรัดนี้
วงเปิดคือน้อง Ella Henderson
นางน่ารัก ร้องเพลงเพราะดี ประมาณครึ่งชม. ก็ถึงเวลาของแฟนเรา Take That!!!! (ซะที)
--- SPOIL Concert นะค๊า ใครอยากดูสนุกๆ ลุ้นๆ ในโรงหนังหรือ DVD ก็ข้ามเลยค่ะ---
Prologue ยาว 10 นาที ตามสไตล์ มีแดนเซอร์แก๊งค์ใหญ่
เล่าเรื่องประมาณตอนแรกวงล้อยังหมุนไม่สำเร็จทุกอย่างทะมึนดำไปหมด พอวงล้อหมุ้นแล้ว ความสดใสก็กระจายเต็มเวที
(ระหว่างโชว์เปิดรอศิลปิน พวกเราอยู่ใน pit แทบไม่เชื่อสายตา มันใกล้มาก คือเราแอบเห็นไมค์สามสี เหลือง แดง เขียว
ตั้งเรียงอยู่ตรงหน้าไม่เกิน 5 เมตร ขึ้นมาตรงนี้แน่ สลบแปร๊บ!!!)
กรี๊ด ผู้ชายมาแว้ววววววว เพลงแรกคือ I Like It เพลงที่ไม่ได้เป็นซิงเกิ้ลจากอัลบั้มล่าสุดแต่ก็เป็นเพลงที่เราชอบมากกกก
ฮาเวิร์ดมาในสูทสีเขียว เสื้อชมพูหว๊าน หวาน มาร์คกี้ใส่สูทบานเย็น ส่วนแกรี่ก็สีน้ำเงินสด
นาทีนั้นนี่จะเป็นลม เพราะใกล้มาก และในใจเราก็ได้แต่ร้องว่า เฮ้ยๆๆๆ ตัวจริงอยู่ตรงหน้า
โอ้ย คิดถึงๆๆๆ อยู่เวทีใหญ่แล้วก็แห่กันไปเวทีเล็กกลางฮอลล์ มีมุขนั่งขัดรองเท้า จิบชา สีลูกกวาดสดใสไปทั้งเวที กรี๊ดดดดดดด
จากนั้นก็ตามมาติดๆ กับ Love Love เพลงนี้ทั้งสามหนุ่มนอกจากจะกลับไปอยู่เวทีไฮโดรลิคเต้นท่าหุ่นยนต์เท่ๆ แล้ว
ยังคืนความสุขให้แฟนๆ ที่อัฒจรรย์สองข้าง เพราะไปยืนเกาะกลุ่มร้องตรงด้านข้างซ้าย ขวา
บนเวทีมีมุขหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูตอน We don’t have too much tim
And time it travels far too fast ด้วย
ผู้ดี๊ ผู้ดีอังกฤษ 555
และจากนั้นก็ Greatest Day ก็มา เพลงนี้บิ้วท์ขึ้นมาก
พอท้ายๆ ก่อนจะเข้าท่อนฮุค แกรี่บอกให้ทุกคนชูแขนขึ้นเหนือหัว
ooooh and the world comes alive ….เท่านั้นแหละ พายุ confetti หลากสีกระหน่ำมาก
โดยเฉพาะตรงที่โซนติ่งเรียกว่าพวยพุ่งเข้าหน้า เข้าปาก เข้ากระเป๋า เข้าเสื้อ มืดฟ้ามัวดิน มองอะไรไม่เห็นเลยทีเดียว
เซอร์ไพรส์มาก และสวยมากจริงๆ เมื่อมองจากมุมไกล
หลังจากเพลงนี้ก็เป็นเพลงประกอบหนัง Kingsman ชื่อ Get Ready For It
เพลงนี้มี effect เป็นไฟพุ่งตามจังหวะที่ฮาเวิร์ดหวดฉาบป้าบๆ แฟนแถวหน้านี่คิ้วมีหายกันไปบ้างหล่ะ
หน้าร้อนผ่าวๆ เป็นระยะๆ ฮาเวิร์ด กระโดดได้สู๊ง สูงจริงๆ เท่มากๆ ตอนกระโดดนี่พวกเค้าแซวตัวเองว่าเป็นเพราะพลัง beans ค่ะ มุขลุง อิอิ
ถึงตอนนี้วงก็จะยังไม่ทักทายเพราะตามมาติดๆ ด้วยเพลงที่มาร์คกี้ร้องนำ Hold Up A Light
เพลงนี้จะมีจังหวะมาร์คกี้พบประชาชน เพื่อนเราเอื้อมมือไปจะถึงตัวอยู่แล้วววว โอ้ยยย ใกล้เกิ๊นนน
และพอท่อนที่เป็นเปียโน ฮาเวิร์ดจะมีไปแจม ดีดตึ้งๆ กะแกรี่ด้วย
แต่ที่เบอร์มิ่งแฮม แกรี่หายไปมัวแต่เอนเตอร์เทนคนดูเพลิน เหลือแต่ฮาเวิร์ด
นางเลยนั่งเล่นแทนที่แกรี่ซะเลย แล้วแกรี่ก็ค่อยขึ้นมาแจมตึ้งๆ แล้วเค้าก็หัวเราะกันเอง (วงเราชิลค่ะ 555)
จบเพลงนี้ก็ถึงคิวแนะนำตัวเอง ด้วยสคริปต์เดียวคือ ทักทายแต่ละเมือง
แนะนำตัวและปิดท้ายด้วยประโยคจิกกัดตัวเองว่า We are what’s left of Take That!!!
แล้วแกรี่ก็แนะนำเพลงๆ นึงที่ทำให้พวกเค้าได้กลับมาบนถนนดนตรีอีกครั้งหลังจากที่ผ่านไปนานหลายปี
“This is the song that brought us back after all those years“
แต่คราวนี้แกรี่บอกว่าให้ฮาเวิร์ด เป็นคนแนะนำบ้างน่าจะพูดได้ดีกว่า
ฮาเวิร์ดก็พูดเหมือนแกรี่เป๊ะแต่โปรเจ็คเสียงและเน้นจังหวะกว่า
This is the song (หยุด) that brought us back (หยุด) after all those (ลากเสียง) years…(ลากเสียงยาว)
แหม มุขตลกแบบลุงๆ
---- จบ set 1 เดี๋ยวมาต่อนะคะ -------
[CR] TAKE THAT LIVE 2015 IN UK ** เหิรฟ้าไปดูคอนเสิร์ต TAKE THAT **
ถึงจะแก่ตัวไปตามวง พวกเราก็ยังกรี๊ดวงอย่างบ้าคลั่งเหมือนเดิม
พวกเค้ามาบ้านเราครั้งแรกในปี 1995 จากวันนั้นจนมาวันนี้ 20 ปีแล้ว
ได้ฤกษ์เบิกโรงที่จะต้องไปพบหน้าค่าตากันซะหน่อยแล้วววววววววววว
เริ่มปฏิบัติการ TAKE THAT LIVE 2015 IN UK
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
***โหมโรง***
เรากับเพื่อนรวม 3 คน วางแผนการเดินทางครั้งนี้มาตั้งแต่พลาด Progress Live 2011 ทัวร์ครั้งที่แล้วของ Take That
ทั้งที่เพื่อนเราเรียนอยู่ที่อังกฤษแท้ ๆ จำได้ว่าตอนนั้น เพื่อนบอกว่าเน็ตล่ม พอใช้ได้อีกทีบัตร Sold Out!!
ประกอบกับปัจจัยไม่ค่อยเอื้อมากเลยไม่ได้ขวนขวายเท่าไหร่นัก แต่แอบอุ๊บอิ๊บกันไว้ในใจว่าครั้งหน้าไม่พลาดแน่
พอหลังจากพิธีปิดโอลิมปิคที่อังกฤษเสร็จสิ้นลง เราก็เริ่มเก็บตังค์เพื่อ Take That Trip ของเรา
แม้ว่าแกรี่ ร็อบบี้ มาร์คกี้จะเอาเวลาไปทำงานเดี่ยวกันบ้างอะไรบ้าง แต่นับ Timeline แล้ว ปี 2015 ไม่น่าพลาด
ยิ่งพอเห็นว่า พวกหนุ่มใหญ่เริ่มทำเพลงกัน เริ่มเข้าห้องอัดทำเดโม เอาแล้วๆๆๆ
พอลุงแกคอนเฟิร์มกลางปี 2013 ว่า ปี 2014 จะวางอัลบั้มนะ แน่นอนซัมเมอร์ 2015 มีทัวร์แน่ เยสสสสสสสส
นับแต่วันนั้น UK 2015 ของเรากับเพื่อนก็เริ่มเป็นรูปธรรม
(ถึงแม้ว่าปลายเดือนกันยาปีที่แล้ว จะมีข่าวการลาออกของเจสัน เล่นเอาหนึ่งในแก๊งเราที่เมนคุณเจย์สตั๊นท์ไป แต่เราก็เดินหน้าต่ออย่างมุ่งมั่น)
ภาพตัดมาที่พฤศจิกายน 2014 เปิดจองบัตรคอนเสิร์ต Take That Live 2015 ติ่งกระสับกระส่าย จิตวิปริต ปัญหาร้อยแปด
กว่าจะได้บัตรมาไว้ในมือแทบเป็นลม ตั๋วที่เราได้คือบัตรยืนทั่วไป รอบวันที่ 22 มิถุนายน ที่เมืองเบอร์มิ่งแฮม เย้!
หลังจากนั้นสัก 3-4 วัน เราก็ลองคลิกเข้าไปดูเล่นๆ ว่ายังมีตั๋วที่ลอนดอนหลุดๆ มาบ้างมั้ย
ปรากฏว่าเราจองรอบวันที่ 15 มิถุนายน ที่ O2 ลอนดอนได้อีก
ที่สำคัญรอบนี้เราได้โซนติ่ง คือใน Pit Zone เข้าวงในใกล้ชิดรับเหงื่อศิลปินอีกด้วย กรี๊ดดดดดดดดดดดด
เอาหล่ะ สรุปว่าเรามีบัตรแล้ว 2 รอบเนาะๆ ขอแค่ให้ Ticket Master ส่งตั๋วมาให้เราทันเวลาละกัน
(เว็บตั๋วเจ้านี้ไม่ให้เราไปรับที่อารีน่าค่ะ ต้องเสียตังค์ค่า UPS อีกให้ส่งมาเมืองไทย)
จากนั้นติ่งก็วางแผนการเดินทาง จองเครื่องบิน ทำวีซ่า ลางาน เพื่อภารกิจ Take That UK 2015 ของเรา
เริ่มถามกันเองว่า เราจะดู 2 รอบกันเลยเหรอ? มากไปหรือเปล่า?
ตอบ-เอาเข้าจริงๆ ด้วยความอินเกินพิกัด เราก็จัดไปอีกรอบที่แมนเชสเตอร์ สรุปดู 3 รอบ ฟินมากค่ะ
ความอยากมันไม่เข้าใครออกใคร ได้ดูแล้วก็อยากจะดูอีก
หลังจากจบรอบลอนดอนวันที่ 15 มิย. กลับมาถึงที่พัก เราลองหาบัตรที่แมนเชสเตอร์ดู
ปรากฏว่าเราได้ตั๋วนั่งสูงๆ พอดี เลยได้ดูเพิ่มอีกรอบ เย้!
เกริ่นยาวเป็นโยชน์
มาดูภาพบรรยากาศหลายๆ ที่รวมๆ กันนะคะ
คือที่ O2 ลอนดอน เราจะอยู่ที่บัตรโซนหน้าสุดประชิดเวทีรับหยาดเหงื่อของคุณเค้ากันค่ะ เป็นหลุมอยู่ระหว่างเวทีหลักกับเวทีเล็ก
ในเวิ้งนี้ค่ะ
ส่วนที่แมนเชสเตอร์จะเป็นที่นั่งบนอัฒจรรย์ชั้น 3 ชั้นนางฟ้า
และที่เบอร์มิ่งแฮมจะเป็นบัตรยืนปกติ แต่ติ่งอย่างเราต้องจับจองให้อยู่ใกล้กับเวทีเล็กหรือ Stage B ที่เค้าจะออกมาเป็นครั้งคราวอยู่แล้ว
เกือบติดขอบ Stage B ค่ะ
สรุป 3 รอบ
The O2, London - 15 June 2015
Manchester Arena – 18 June 2015
Genting Arena, Birmingham – 22 June 2015
ที่ลอนดอน เราเจอแฟนๆ Take That กันตั้งแต่สถานีรถไฟหน้าบ้าน ทำเอาตื่นเต้นตั้งแต่บ่าย
ยิ่งมาถึง O2 Arena เจอแฟนๆใส่เสื้อ Take That เดินกันควักไขว่ยิ่งทำให้ความตื่นเต้นของเราพุ่งทะยานสูงขึ้นจนปรอทแทบแตก
แฟนพันธุ์แท้พากันมาจับจองคิวกันแต่ 9 โมงเช้า เราพยายามแล้ว (เมื่อวานไปเที่ยวชมเมืองมา ติ่งเหนื่อย)
กัดฟันมาถึงได้ในเวลาบ่าย 3 ประตูเปิด 6 โมง นี่ก็นั่งต่อแถวเพื่อคุณแฟน 3 ชม.เชียว แต่แถวยังไม่ยาวเท่าไหร่ ปาดเหงื่ออย่างโล่งใจ
พอถึงเวลา เค้าเอาบัตรเราไปแล้วติดสายรัดข้อมือให้เราแทน ใครอยู่โซนขวาติดมือขวาเข้าประตูขวา
ใครบัตรด้านซ้ายทุกอย่างก็ไปทางซ้าย เพื่อที่จะมาเจอกันในหลุมกลางเวที
บัตรเปลี่ยนเป็นสายรัดนี้
วงเปิดคือน้อง Ella Henderson
นางน่ารัก ร้องเพลงเพราะดี ประมาณครึ่งชม. ก็ถึงเวลาของแฟนเรา Take That!!!! (ซะที)
--- SPOIL Concert นะค๊า ใครอยากดูสนุกๆ ลุ้นๆ ในโรงหนังหรือ DVD ก็ข้ามเลยค่ะ---
Prologue ยาว 10 นาที ตามสไตล์ มีแดนเซอร์แก๊งค์ใหญ่
เล่าเรื่องประมาณตอนแรกวงล้อยังหมุนไม่สำเร็จทุกอย่างทะมึนดำไปหมด พอวงล้อหมุ้นแล้ว ความสดใสก็กระจายเต็มเวที
(ระหว่างโชว์เปิดรอศิลปิน พวกเราอยู่ใน pit แทบไม่เชื่อสายตา มันใกล้มาก คือเราแอบเห็นไมค์สามสี เหลือง แดง เขียว
ตั้งเรียงอยู่ตรงหน้าไม่เกิน 5 เมตร ขึ้นมาตรงนี้แน่ สลบแปร๊บ!!!)
กรี๊ด ผู้ชายมาแว้ววววววว เพลงแรกคือ I Like It เพลงที่ไม่ได้เป็นซิงเกิ้ลจากอัลบั้มล่าสุดแต่ก็เป็นเพลงที่เราชอบมากกกก
ฮาเวิร์ดมาในสูทสีเขียว เสื้อชมพูหว๊าน หวาน มาร์คกี้ใส่สูทบานเย็น ส่วนแกรี่ก็สีน้ำเงินสด
นาทีนั้นนี่จะเป็นลม เพราะใกล้มาก และในใจเราก็ได้แต่ร้องว่า เฮ้ยๆๆๆ ตัวจริงอยู่ตรงหน้า
โอ้ย คิดถึงๆๆๆ อยู่เวทีใหญ่แล้วก็แห่กันไปเวทีเล็กกลางฮอลล์ มีมุขนั่งขัดรองเท้า จิบชา สีลูกกวาดสดใสไปทั้งเวที กรี๊ดดดดดดด
จากนั้นก็ตามมาติดๆ กับ Love Love เพลงนี้ทั้งสามหนุ่มนอกจากจะกลับไปอยู่เวทีไฮโดรลิคเต้นท่าหุ่นยนต์เท่ๆ แล้ว
ยังคืนความสุขให้แฟนๆ ที่อัฒจรรย์สองข้าง เพราะไปยืนเกาะกลุ่มร้องตรงด้านข้างซ้าย ขวา
บนเวทีมีมุขหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูตอน We don’t have too much tim And time it travels far too fast ด้วย
ผู้ดี๊ ผู้ดีอังกฤษ 555
และจากนั้นก็ Greatest Day ก็มา เพลงนี้บิ้วท์ขึ้นมาก
พอท้ายๆ ก่อนจะเข้าท่อนฮุค แกรี่บอกให้ทุกคนชูแขนขึ้นเหนือหัว
ooooh and the world comes alive ….เท่านั้นแหละ พายุ confetti หลากสีกระหน่ำมาก
โดยเฉพาะตรงที่โซนติ่งเรียกว่าพวยพุ่งเข้าหน้า เข้าปาก เข้ากระเป๋า เข้าเสื้อ มืดฟ้ามัวดิน มองอะไรไม่เห็นเลยทีเดียว
เซอร์ไพรส์มาก และสวยมากจริงๆ เมื่อมองจากมุมไกล
หลังจากเพลงนี้ก็เป็นเพลงประกอบหนัง Kingsman ชื่อ Get Ready For It
เพลงนี้มี effect เป็นไฟพุ่งตามจังหวะที่ฮาเวิร์ดหวดฉาบป้าบๆ แฟนแถวหน้านี่คิ้วมีหายกันไปบ้างหล่ะ
หน้าร้อนผ่าวๆ เป็นระยะๆ ฮาเวิร์ด กระโดดได้สู๊ง สูงจริงๆ เท่มากๆ ตอนกระโดดนี่พวกเค้าแซวตัวเองว่าเป็นเพราะพลัง beans ค่ะ มุขลุง อิอิ
ถึงตอนนี้วงก็จะยังไม่ทักทายเพราะตามมาติดๆ ด้วยเพลงที่มาร์คกี้ร้องนำ Hold Up A Light
เพลงนี้จะมีจังหวะมาร์คกี้พบประชาชน เพื่อนเราเอื้อมมือไปจะถึงตัวอยู่แล้วววว โอ้ยยย ใกล้เกิ๊นนน
และพอท่อนที่เป็นเปียโน ฮาเวิร์ดจะมีไปแจม ดีดตึ้งๆ กะแกรี่ด้วย
แต่ที่เบอร์มิ่งแฮม แกรี่หายไปมัวแต่เอนเตอร์เทนคนดูเพลิน เหลือแต่ฮาเวิร์ด
นางเลยนั่งเล่นแทนที่แกรี่ซะเลย แล้วแกรี่ก็ค่อยขึ้นมาแจมตึ้งๆ แล้วเค้าก็หัวเราะกันเอง (วงเราชิลค่ะ 555)
จบเพลงนี้ก็ถึงคิวแนะนำตัวเอง ด้วยสคริปต์เดียวคือ ทักทายแต่ละเมือง
แนะนำตัวและปิดท้ายด้วยประโยคจิกกัดตัวเองว่า We are what’s left of Take That!!!
แล้วแกรี่ก็แนะนำเพลงๆ นึงที่ทำให้พวกเค้าได้กลับมาบนถนนดนตรีอีกครั้งหลังจากที่ผ่านไปนานหลายปี
“This is the song that brought us back after all those years“
แต่คราวนี้แกรี่บอกว่าให้ฮาเวิร์ด เป็นคนแนะนำบ้างน่าจะพูดได้ดีกว่า
ฮาเวิร์ดก็พูดเหมือนแกรี่เป๊ะแต่โปรเจ็คเสียงและเน้นจังหวะกว่า
This is the song (หยุด) that brought us back (หยุด) after all those (ลากเสียง) years…(ลากเสียงยาว)
แหม มุขตลกแบบลุงๆ
---- จบ set 1 เดี๋ยวมาต่อนะคะ -------