โปรดทราบ! ดิสนีย์แลนด์ประกาศห้ามใช้ “ไม้เซลฟี” แล้วนะจ้า

ASTVผู้จัดการ – ดิสนีย์แลนด์โตเกียวประกาศห้ามใช้ไม้เซลฟี พร้อมๆ กับสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ทั่วโลกแล้ว หลังเกิดเหตุท่องเที่ยวยื่นไม้เซลฟีถ่ายระหว่างที่เล่นรถไฟเหาะจนเครื่องหยุดกะทันหันที่ดิสนีย์เวิลด์ แถลงการณ์เผยส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย และหลักการของสวนสนุก
       
       เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา สวนสนุกดิสนีย์ได้ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวนำไม้ถ่ายรูป หรือ ไม้เซลฟี (Selfie Stick) เข้าภายในสวนสนุกทั้งดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์เวิลด์ สวนน้ำ และดิสนีย์เควส หลังจากที่ก่อนหน้านี้ออกกฎห้ามนักท่องเที่ยวนำไม้เซลฟีขึ้นเครื่องเล่นมาแล้ว
       
       ประกาศดังกล่าว ระบุว่าในอเมริการะเบียบนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 มิถุนายน 2558 โดยไม้เซลฟีจะถูกตรวจสอบตั้งแต่จุดตรวจสอบสัมภาระ โดยหากมีการตรวจพบนักท่องเที่ยวก็จะถูกนำตัวไปที่ฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อนำฝากไว้จนกว่าลูกค้าจะออกจากสวนสนุก
       
       “เราพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ครอบครัวทั้งหมดได้รับประสบการณ์อันล้ำค่า แต่โชคไม่ดีที่มีความกังวลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยของไม้เซลฟีทั้งสำหรับแขกของเราและนักแสดง โดยการใช้ไม้เซลฟีส่งผลกระทบต่อหลักสำคัญ 4 ประการของเราคือ ความปลอดภัย มารยาท การแสดงและความมีประสิทธิภาพ”แถลงการณ์ของดิสนีย์ที่ส่งไปยังนักแสดงระบุ
       
       ขณะเดียวกันดิสนีย์แลนด์ในปารีส และฮ่องกง ก็จะเริ่มบังคับใช้กฎนี้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ด้วยเช่นกัน
ต่อไปนักท่องเที่ยวต้องกลับไปใช้วิธีเซลฟีแบบเดิมๆ ในดิสนีย์แลนด์

        ข่าวดังกล่าวสอดคล้องกับ ข้อมูลซึ่งเฟซบุ๊ก redlovetree บล็อกเกอร์ชาวไทยอาศัยและเชี่ยวชาญเรื่องญี่ปุ่นที่วานนี้ (28 มิ.ย.) ออกมาเผยแพร่ข้อมูลโดยระบุว่า
       
       “[ประกาศ] จากโตเกียวดิสนีย์แลนด์
       
       ---ห้ามใช้ไม้เซลฟีภายในสวนสนุกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป---
       
       ซึ่งดิสนีย์แลนด์ฮ่องกงและปารีส จะเริ่มใช้กฎนี้เช่นกันตั้งแต่วันที่ 1กรกฎาคม~
       
       ข่าวจาก Disney World ที่ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า
       "Disney World will ban selfie-sticks from its theme park"
       หลังจากที่อาทิตย์ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวยื่นไม้เซลฟีถ่ายระหว่างที่นั่งรถไฟเหาะ (roller coaster) ทำให้ต้องหยุดเครื่องเล่นอย่างกะทันหัน ...”


http://www.manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9580000073265

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่