ผู้ชายทุกคนจากชุดเลือดมังกร ... เอาใหม่เรียกตัวละครนำฝ่ายชายละกัน ล้วนเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ในยุคเปลี่ยนผ่าน แต่ละฝ่ายต่างลองเชิงกุมอำนาจและผลประโยชน์การค้า โรงน้ำชา โรงฝิ่น ธุรกิจใต้ดินบนดินปนเปยุ่งเหยิง นั่นคือยุคสร้างตัว รุ่นปู่รุ่นพ่อรักษากิจการใช้ทั้งพระเดชพระคุณใช้ทั้งความเมตตาและบารมี ทั้งพละกำลังการต่อยตีและการฟาดฟันเชิงเล่ห์เหลี่ยมสติปัญญา หากปัจจุบันนี้เวลาเปลี่ยนสถานการณ์ก็เปลี่ยน ลูกหลานเลือดมังกรได้รับการศึกษาระดับสูง ทั้งในเมืองไทย และ ในต่างประเทศ บ้านเมืองพัฒนาไปสู่ความศิวิไลซ์และชั้นเชิงธุรกิจแบบใหม่และใหญ่กว่าเดิม จากฝูงปลาในลำธาร ... นาทีนี้โลกใบกว้างหมายถึง "มหาสมุทร" หน้าที่หลักของเหล่า "ว่าที่" ผู้นำแก๊งค์รุ่นใหม่จึงไม่ต่างกัน นั่นคือการพาเอาสังคมกลุ่มก้อนที่ได้อยู่อาศัยตามให้ทันยุคสมัย และ ความเปลี่ยนแปลง
แต่ละคนต่างนิสัย ต่างที่มา ต่างจุดมุ่งหมาย หากหน้าที่เหมือนกัน และ สิ่งที่เหมือนกันอีกอย่าง
คือพวกเขาเล่านี้ "ไม่เคย" go out of style ไม่ว่าอุปสรรคมากมายถาโถมเท่าใด
มิตรภาพยังคงเดิม และ ไม่เคยเปลี่ยนตัวตนก้มหัวให้ใคร ก็นั่นแหละ ถึงเป็นเพื่อนกันได้
ในแต่ละเรื่องราวผู้ชาย 4 คน เผชิญปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ให้คนดูได้ทำความเข้าใจและเรียนรู้
2 คนสู้กับตัวเอง 2 คนสู้เพื่อคนอื่น
"เสือ" อารมณ์ปราดเปรียว real และ ดิบเถื่อน
ยอดชายนายภรพ ... โรมิโอยุคใหม่ที่ผสมส่วนเสี้ยวหัวใจของนายหัวหฤษฏิ์จำเลยรัก ผู้ชายคนนี้เอาตัวรอดเก่ง ส่อไปในทางบู๊มากกว่าทางบุ๋น คือ ไอ้ที่บุ๋นก็มีอยู่บ้างหรอกแต่ไม่เด่นเท่าบู๊ หากที่เด่นชัดที่สุด คือ emotion taken over หมายความว่าทุกสรรพสิ่งของคุณภรพนั้นถูกครอบคลุมด้วย "อารมณ์" ตนเอง แบบ at first sight บางทีมันก็ฉุดคุณภรพขึ้นสูง บางครั้งมันก็ฉุดคุณภรพลงต่ำ ธรรมชาติของผู้ชายคนนี้จึงเหมือนกับ "สายลม" บางครั้งก็พัดผ่านให้ชื่นใจ บางครั้งก็กวาดเรียบเป็นหน้ากลอง และ คุณสมบัติอีกอย่างของสายลม คือ การจะมาจะไปไม่บอกกล่าว อะไรเทือก ๆ นี้ คิดเองเข้าใจเอง มาเองไปเอง คิดจะมาคือมา คิดจะไปก็คือไป แล้วคุณภรพจะรู้ตัวเองหรือก็หาไม่ หากสิ่งที่น่ารักก็คือหาก "รู้" ว่าตัวเอง "ผิด" เขายอมรับโดยดุษณี (แต่มีแผน) ก็บอกว่าเอาตัวรอดเก่ง ซึ่งว่าเข้าจริงก็คือฮีฉลาดแกมโกงน่ะแหละ ทั้งธุรกิจและผู้หญิง กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว คอยตะล่อม ๆ ไป แบบ natural style ในเรื่องนี้จึงมีจุดเน้นอยู่ที่ว่า "คุณภรพ" แกจะจัดการกับอาการลมเพลมพัดของตัวเองอย่างไร
"สิงห์" เจ้าป่า ... อย่างไรก็คือเจ้าป่า
ทรงกลด เป็นนายน้อยของแก๊งค์เขี้ยวสิงห์ ที่ตอนแรกมิได้นำพาเกียรติยศใด ๆ กับการเป็นกลุ่มแก๊งค์ ยิ่งเกียรติประวัติแก๊งค์เขี้ยวสิงห์เป็นถึงระดับผู้นำกลุ่ม นายน้อยก็ยิ่งไม่มีทีท่าว่าสนใจ ก็เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่พรากเขาไปจากบ้านเกิด สายใยแห่งครอบครัวขาดสะบั้นลง และ ในสายตาของายหนุ่มที่ใช้เวลานับสิบปีอยู่ที่ประเทศที่ทันสมัยหัวก้าวหน้าอย่างอเมริกา กับหัวคิดปราดเปรื่องในธุรกิจยานยนตร์ ... สำมะหาอะไรกับความยิ่งใหญ่ของแก๊งค์มาเฟียโบร่ำโบราณ โลกมันไปถึงไหนกันแล้ว นับวันกลุ่มก้อนเหล่านี้มีแต่วันที่เสื่อมถอยลง เขาต่างหากที่จะเป็นฝ่ายกำชัย เดินก้าวหน้าไปในทิศทางที่คิดเอาไว้ว่าจะทิ้งผู้เป็นพ่อให้อึ้งตะลึงอยู่เบื้องหลัง แต่แล้ว เลือดเจ้าป่าน่ะนะ ... อย่างไรเสียก็ต้องเป็นเจ้าป่ายังวันยังค่ำ ก็เหมือนกันกับคณิณน่ะแหละ ที่รู้ว่าถ้า “เขา” ไม่เป็นใหญ่ในวันนี้ “ใคร” ที่จะต้องเดือดร้อนบ้าง จากหนุ่มนักธุรกิจที่มีเมกะโปรเจคจะบริหารเชียงกงให้ก้าวไกลเป็นธุรกิจยานยนตร์เต็มรูปแบบ จึงต้องแบกภาระหน้าที่สำคัญไม่แพ้กัน คุณสมบัติของทรงกลดมีทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ที่เหนือกว่าคนอื่นคือความเด็ดขาดที่ประสานด้วยการประนีประนอม จึงเหมาะที่จะสานกลุ่มแก๊งค์ให้เป็นหนึ่ง แม้ใจจะต่อต้าน แต่เพราะสิงห์นั้นเกิดมาเพื่อเป็นเจ้าป่า สิ่งที่ทรงกลดต้องตระหนักอีกครา คือ การลดอคติ และ สยายฤทธิ์เดชความเป็น "สิงห์" ความเป็น "ผู้นำ" เพื่อผลักดันสังคมให้ก้าวหน้าต่อไป
"กระทิง" ... จากการ ปะ ฉะ ดะ สู่การให้อภัย
จาก ชลธี ผู้ชายน่ารัก อ่อนหวานคนนึง ความแค้นทำให้เขากลายเป็น "ธาม" ผู้ยอมหักไม่ยอมงอ เมื่อรู้ว่าความอ่อนโยนอ่อนหวานนั้นไม่ช่วย คนรักหักหลัง พ่อแม่จากตาย ธุรกิจเกือบพังทลายก็ไม่แปลกที่ความเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้น ถึงแม้เจ้าตัวจะมีทั้งบุ๋นทั้งบู๊อย่างทรงกลด แต่สิ่งที่ธามไม่มีคือความประนีประนอม ถอยเพื่อรุกครั้งต่อไป เพราะฉะนั้นกลวิธีการแก้ปัญหาของธาม คือ การ บุก บุก และ บุก ไปข้างหน้า คิดเอาว่าสิ่งที่จะทำให้ตัวเองวางทุกอย่างได้ คือ อาการตาต่อตา ฟันต่อฟัน เลือดย่อมล้างด้วยเลือด เวรย่อมชำระด้วยการจองเวร ทั้งกับจันทร์ชมพู(หรือย่าหยา) หรือ กับเสี่ยเล้ง ก็ตาม หากสุดท้ายแล้วแม้จะได้ทำทุกสิ่งอย่างที่ใจปรารถนา แต่เมื่อ "ใจ" ไม่ปล่อย "ใจ" ไม่วาง ความแสบร้อน ความทุกข์ตรมทั้งหลายก็หาได้จางหายไปไม่ ดังนั้นการเดินทางของ "ธาม" อาจจะรวมถึงจันทร์ชมพู ที่สุดแล้วอาจไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นการให้อภัย "ตัวเอง" Don't look back in anger. I heard you say.
"แรด" ... tip of the iceberg
คุณคณิณเปิดตัวมาก็รู้เลยว่าหมอนี่คือแสบซ่อนคม คนหนุ่มที่เก่งบุ๊นบู๊เช่นกัน แต่เป็นคนรักอิสระ ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติใคร ไม่ใช่เพราะโดนกดดันจากครอบครัว ไม่ใช่เพราะความคับแค้นอื่นใด แต่เป็นเพราะ "ธาตุ" ที่เสรี เสรีมาตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ยังให้เกิดนิสัย แสบ - ติส - กวน ตกติดมากับตัว กวนโอ๊ย ชนิดยังความปวดหัวให้กับคนทั่วไปได้ทุกนาที แล้วคนแบบนี้หรืออยากจะเป็นหัวหน้า อยากจะยุ่งเกี่ยวกับกิจการใด ๆ ก็คงไม่ คณิณมีความคิดอ่าน มีหัวการค้า มีความฝัน และ คิดว่ากลุ่มแก๊งค์ใด ๆ นั้น uncivilized ตามโลกภายนอกเขาไม่ทันแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่า "ผู้ใหญ่" นั้นมีหน้าที่ ไม่ใช่เพียงเพื่ออยู่รอดเพียงแค่ตน แต่มีหน้าที่ต้องปกป้องครอบครัว และ คนที่อ่อนแอกว่า ถึงแม้จะค้านกับฝันที่มีหากอะไรที่ "ควรทำ" ก็ต้องทำก่อน หากเขาเองก็ไม่รู้เลยว่า ปัญหาที่เขากำลังเผชิญไม่ว่าลอบฆ่า ต่อยตี มันเป็นแค่ "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" มันไม่ได้ "ง่าย" อย่างที่คณิณเคยคิดไว้ว่ามันเป็น และ มันจะค่อย ๆ ยากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นมันขัดแย้งกับธรรมชาติคนกวนโอ๊ยรักอิสระชอบอะไรง่าย ๆ ตรง ๆ แต่ในเมื่อมันคือความอยู่รอดของบ้าน ของสังคมที่อาศัย ผู้ชายแสบ-ติส-กวน อย่างเขาจึงต้องได้เรียนรู้ และ งัดสิ่งที่ซ่อนไว้ออกมาใช้ นั่นคือ "ความจริงจัง" "สติ" และ "ความอดทน"
ผู้ชายจาก "เลือดมังกร" ถ้าดูให้ดีก็จะมีพล็อตหลักพล็อตรองที่แตกต่างกันไป เส้นของเรื่องคือการที่คนรุ่นใหม่ขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดแทนที่คนรุ่นเก่าด้วยแนวความคิดที่จะเปลี่ยนพลวัตรของสังคมที่อาศัยให้ทันคามเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ และ สังคม หากแต่ละคนก็มีภาระหน้าที่ในพล็อตหลักแตกต่างกันไป ภรพ และ ธาม คือ ผู้ที่ต่อสู้กับตัวเองด้านหนึ่งเพื่อจัดการอารมณ์วูบไหวให้สงบนิ่ง ด้านหนึ่งคือการเดินทางเพื่อค้นหาทางสงบแห่งจิตใจ การให้อภัยคือทานอันสูงสุด อีกฝั่งหนึ่ง ได้แก่ ทรงกลด และ คณิณ ผู้ที่ต่อสู่เพื่อคนอื่นด้านหนึ่งเพื่อรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่เปลี่ยนความทะเยอทะยานเพื่อตนเป็นการทะเยอทะยานเพื่อส่วนร่วม อีกด้านหนึ่งคือการใช้สติและการอดทนแก้ปัญหาเพื่อตัวเองและเพื่อมวลในบ้านเกิดที่เราได้กำเนิดมา ซึ่งในการเดินทางของแต่ละคนนั้น ... ไม่ได้เป็นไปอย่างจืดชืดไร้สีสัน ก็บอกแล้วไง We do and hey !! we do it in style.
ผู้ชายจากเลือดมังกร (กึ่งวิเคราะห์) : เสือ สิงห์ กระทิง แรด ... We do and we do it in style.
คือพวกเขาเล่านี้ "ไม่เคย" go out of style ไม่ว่าอุปสรรคมากมายถาโถมเท่าใด
มิตรภาพยังคงเดิม และ ไม่เคยเปลี่ยนตัวตนก้มหัวให้ใคร ก็นั่นแหละ ถึงเป็นเพื่อนกันได้
2 คนสู้กับตัวเอง 2 คนสู้เพื่อคนอื่น
"เสือ" อารมณ์ปราดเปรียว real และ ดิบเถื่อน
ยอดชายนายภรพ ... โรมิโอยุคใหม่ที่ผสมส่วนเสี้ยวหัวใจของนายหัวหฤษฏิ์จำเลยรัก ผู้ชายคนนี้เอาตัวรอดเก่ง ส่อไปในทางบู๊มากกว่าทางบุ๋น คือ ไอ้ที่บุ๋นก็มีอยู่บ้างหรอกแต่ไม่เด่นเท่าบู๊ หากที่เด่นชัดที่สุด คือ emotion taken over หมายความว่าทุกสรรพสิ่งของคุณภรพนั้นถูกครอบคลุมด้วย "อารมณ์" ตนเอง แบบ at first sight บางทีมันก็ฉุดคุณภรพขึ้นสูง บางครั้งมันก็ฉุดคุณภรพลงต่ำ ธรรมชาติของผู้ชายคนนี้จึงเหมือนกับ "สายลม" บางครั้งก็พัดผ่านให้ชื่นใจ บางครั้งก็กวาดเรียบเป็นหน้ากลอง และ คุณสมบัติอีกอย่างของสายลม คือ การจะมาจะไปไม่บอกกล่าว อะไรเทือก ๆ นี้ คิดเองเข้าใจเอง มาเองไปเอง คิดจะมาคือมา คิดจะไปก็คือไป แล้วคุณภรพจะรู้ตัวเองหรือก็หาไม่ หากสิ่งที่น่ารักก็คือหาก "รู้" ว่าตัวเอง "ผิด" เขายอมรับโดยดุษณี (แต่มีแผน) ก็บอกว่าเอาตัวรอดเก่ง ซึ่งว่าเข้าจริงก็คือฮีฉลาดแกมโกงน่ะแหละ ทั้งธุรกิจและผู้หญิง กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว คอยตะล่อม ๆ ไป แบบ natural style ในเรื่องนี้จึงมีจุดเน้นอยู่ที่ว่า "คุณภรพ" แกจะจัดการกับอาการลมเพลมพัดของตัวเองอย่างไร
"สิงห์" เจ้าป่า ... อย่างไรก็คือเจ้าป่า
ทรงกลด เป็นนายน้อยของแก๊งค์เขี้ยวสิงห์ ที่ตอนแรกมิได้นำพาเกียรติยศใด ๆ กับการเป็นกลุ่มแก๊งค์ ยิ่งเกียรติประวัติแก๊งค์เขี้ยวสิงห์เป็นถึงระดับผู้นำกลุ่ม นายน้อยก็ยิ่งไม่มีทีท่าว่าสนใจ ก็เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่พรากเขาไปจากบ้านเกิด สายใยแห่งครอบครัวขาดสะบั้นลง และ ในสายตาของายหนุ่มที่ใช้เวลานับสิบปีอยู่ที่ประเทศที่ทันสมัยหัวก้าวหน้าอย่างอเมริกา กับหัวคิดปราดเปรื่องในธุรกิจยานยนตร์ ... สำมะหาอะไรกับความยิ่งใหญ่ของแก๊งค์มาเฟียโบร่ำโบราณ โลกมันไปถึงไหนกันแล้ว นับวันกลุ่มก้อนเหล่านี้มีแต่วันที่เสื่อมถอยลง เขาต่างหากที่จะเป็นฝ่ายกำชัย เดินก้าวหน้าไปในทิศทางที่คิดเอาไว้ว่าจะทิ้งผู้เป็นพ่อให้อึ้งตะลึงอยู่เบื้องหลัง แต่แล้ว เลือดเจ้าป่าน่ะนะ ... อย่างไรเสียก็ต้องเป็นเจ้าป่ายังวันยังค่ำ ก็เหมือนกันกับคณิณน่ะแหละ ที่รู้ว่าถ้า “เขา” ไม่เป็นใหญ่ในวันนี้ “ใคร” ที่จะต้องเดือดร้อนบ้าง จากหนุ่มนักธุรกิจที่มีเมกะโปรเจคจะบริหารเชียงกงให้ก้าวไกลเป็นธุรกิจยานยนตร์เต็มรูปแบบ จึงต้องแบกภาระหน้าที่สำคัญไม่แพ้กัน คุณสมบัติของทรงกลดมีทั้งบุ๋นและบู๊ แต่ที่เหนือกว่าคนอื่นคือความเด็ดขาดที่ประสานด้วยการประนีประนอม จึงเหมาะที่จะสานกลุ่มแก๊งค์ให้เป็นหนึ่ง แม้ใจจะต่อต้าน แต่เพราะสิงห์นั้นเกิดมาเพื่อเป็นเจ้าป่า สิ่งที่ทรงกลดต้องตระหนักอีกครา คือ การลดอคติ และ สยายฤทธิ์เดชความเป็น "สิงห์" ความเป็น "ผู้นำ" เพื่อผลักดันสังคมให้ก้าวหน้าต่อไป
"กระทิง" ... จากการ ปะ ฉะ ดะ สู่การให้อภัย
จาก ชลธี ผู้ชายน่ารัก อ่อนหวานคนนึง ความแค้นทำให้เขากลายเป็น "ธาม" ผู้ยอมหักไม่ยอมงอ เมื่อรู้ว่าความอ่อนโยนอ่อนหวานนั้นไม่ช่วย คนรักหักหลัง พ่อแม่จากตาย ธุรกิจเกือบพังทลายก็ไม่แปลกที่ความเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดขึ้น ถึงแม้เจ้าตัวจะมีทั้งบุ๋นทั้งบู๊อย่างทรงกลด แต่สิ่งที่ธามไม่มีคือความประนีประนอม ถอยเพื่อรุกครั้งต่อไป เพราะฉะนั้นกลวิธีการแก้ปัญหาของธาม คือ การ บุก บุก และ บุก ไปข้างหน้า คิดเอาว่าสิ่งที่จะทำให้ตัวเองวางทุกอย่างได้ คือ อาการตาต่อตา ฟันต่อฟัน เลือดย่อมล้างด้วยเลือด เวรย่อมชำระด้วยการจองเวร ทั้งกับจันทร์ชมพู(หรือย่าหยา) หรือ กับเสี่ยเล้ง ก็ตาม หากสุดท้ายแล้วแม้จะได้ทำทุกสิ่งอย่างที่ใจปรารถนา แต่เมื่อ "ใจ" ไม่ปล่อย "ใจ" ไม่วาง ความแสบร้อน ความทุกข์ตรมทั้งหลายก็หาได้จางหายไปไม่ ดังนั้นการเดินทางของ "ธาม" อาจจะรวมถึงจันทร์ชมพู ที่สุดแล้วอาจไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นการให้อภัย "ตัวเอง" Don't look back in anger. I heard you say.
"แรด" ... tip of the iceberg
คุณคณิณเปิดตัวมาก็รู้เลยว่าหมอนี่คือแสบซ่อนคม คนหนุ่มที่เก่งบุ๊นบู๊เช่นกัน แต่เป็นคนรักอิสระ ไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติใคร ไม่ใช่เพราะโดนกดดันจากครอบครัว ไม่ใช่เพราะความคับแค้นอื่นใด แต่เป็นเพราะ "ธาตุ" ที่เสรี เสรีมาตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ยังให้เกิดนิสัย แสบ - ติส - กวน ตกติดมากับตัว กวนโอ๊ย ชนิดยังความปวดหัวให้กับคนทั่วไปได้ทุกนาที แล้วคนแบบนี้หรืออยากจะเป็นหัวหน้า อยากจะยุ่งเกี่ยวกับกิจการใด ๆ ก็คงไม่ คณิณมีความคิดอ่าน มีหัวการค้า มีความฝัน และ คิดว่ากลุ่มแก๊งค์ใด ๆ นั้น uncivilized ตามโลกภายนอกเขาไม่ทันแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่า "ผู้ใหญ่" นั้นมีหน้าที่ ไม่ใช่เพียงเพื่ออยู่รอดเพียงแค่ตน แต่มีหน้าที่ต้องปกป้องครอบครัว และ คนที่อ่อนแอกว่า ถึงแม้จะค้านกับฝันที่มีหากอะไรที่ "ควรทำ" ก็ต้องทำก่อน หากเขาเองก็ไม่รู้เลยว่า ปัญหาที่เขากำลังเผชิญไม่ว่าลอบฆ่า ต่อยตี มันเป็นแค่ "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" มันไม่ได้ "ง่าย" อย่างที่คณิณเคยคิดไว้ว่ามันเป็น และ มันจะค่อย ๆ ยากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นมันขัดแย้งกับธรรมชาติคนกวนโอ๊ยรักอิสระชอบอะไรง่าย ๆ ตรง ๆ แต่ในเมื่อมันคือความอยู่รอดของบ้าน ของสังคมที่อาศัย ผู้ชายแสบ-ติส-กวน อย่างเขาจึงต้องได้เรียนรู้ และ งัดสิ่งที่ซ่อนไว้ออกมาใช้ นั่นคือ "ความจริงจัง" "สติ" และ "ความอดทน"
ผู้ชายจาก "เลือดมังกร" ถ้าดูให้ดีก็จะมีพล็อตหลักพล็อตรองที่แตกต่างกันไป เส้นของเรื่องคือการที่คนรุ่นใหม่ขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดแทนที่คนรุ่นเก่าด้วยแนวความคิดที่จะเปลี่ยนพลวัตรของสังคมที่อาศัยให้ทันคามเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ และ สังคม หากแต่ละคนก็มีภาระหน้าที่ในพล็อตหลักแตกต่างกันไป ภรพ และ ธาม คือ ผู้ที่ต่อสู้กับตัวเองด้านหนึ่งเพื่อจัดการอารมณ์วูบไหวให้สงบนิ่ง ด้านหนึ่งคือการเดินทางเพื่อค้นหาทางสงบแห่งจิตใจ การให้อภัยคือทานอันสูงสุด อีกฝั่งหนึ่ง ได้แก่ ทรงกลด และ คณิณ ผู้ที่ต่อสู่เพื่อคนอื่นด้านหนึ่งเพื่อรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่เปลี่ยนความทะเยอทะยานเพื่อตนเป็นการทะเยอทะยานเพื่อส่วนร่วม อีกด้านหนึ่งคือการใช้สติและการอดทนแก้ปัญหาเพื่อตัวเองและเพื่อมวลในบ้านเกิดที่เราได้กำเนิดมา ซึ่งในการเดินทางของแต่ละคนนั้น ... ไม่ได้เป็นไปอย่างจืดชืดไร้สีสัน ก็บอกแล้วไง We do and hey !! we do it in style.