พระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน)
วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม)
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
...
"ชิ้นท่อนหนา ปลาท่อนใหญ่" เขาว่าคนเฒ่าพอได้ยินเสียงกลองลิเกโขนหนัง
ก็เอิ้น(เรียก)เด็กน้อยให้มาเฝ้าเรือน บอกว่า กูจะไปเอง
ครั้นได้ยินเสียงระฆังหรือกลองวัดก็บอกว่า กูจะเฝ้าเรือนเอง ให้เด็กน้อยไปวัด
เวลาจะอาราธนาศีลบอกว่า กูจำไม่ใคร่ได้ แก่แล้ว หลงๆลืมๆ
เจ้าเป็นคนหนุ่มเลื่อนออกไปข้างหน้าๆเถิด
แล้วคนเฒ่าก็ขยับเลื่อนถอยออกไปปลายสาด(เสื่อ)
ครั้นถึงเวลาเขายกสำรับกับข้าวมาตั้ง คนเฒ่าก็รีบขยับเข้ามาก่อน
และกินหัวพุงมันเสียหมด ...เช่นนี้ใช้ไม่ได้
...
ท่านพ่อลี ธัมมธโร เล่าถึงพระธรรมเทศนา
ของท่านเจ้าคุณศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) ไว้ว่า
“ท่านเจ้าคุณศาสนดิลก วัดสุปัฏนาราม
เทศน์เมื่อวันทำบุญกองข้าวที่วัดป่าสุทธาวาสว่า
เมล็ดข้าวที่มีเปลือกย่อมนำไปเพาะงอก
แต่ถ้าเอาเปลือกออกแล้วจะเพาะไม่ขึ้นฉันใด
คนเราซึ่งลอกเปลือก คือ กิเลส ออกหมดแล้ว
ก็ย่อมไม่มีการเกิดฉันนั้น”
...
"ไม้พะยุง" เป็นไม้ที่มีค่ายิ่งกว่าไม้ทั้งหลาย
คือ มีเปลือกน้อย แก่นหลาย และเนื้อละเอียด
ให้พวกเราทำตัวให้มี "แก่น" (ความดี)
เช่นกับ "ไม้พะยุง" บ้าง
...
ประวัติโดยย่อของ"พระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน)
ท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) รูปนี้
รูปร่างค่อนข้างสูง ลักษณะสมบูรณ์มีสง่า ผิวเนื้อดำแดง
นามเดิมชื่อ เสน ฉายา ชิตเสโน
บิดาชื่อ เพี้ยคำมุงคุณ (คำพา)
มารดาชื่อ ไว นามสกุล สิริบูรณ์
ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๓
ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๔๒
ที่บ้านหนองบ่อ อ่าเภอเมืองอุบลฯ จังหวัดอุบลราชธานี
การศึกษา บรรพชาและอุปสมบท
ท่านได้รับการศึกษาอย่างจริงจังเมื่ออายุได้ ๑๔-๑๕ ปี
โดยได้ติดตามพระภิกษุขุน (ผู้พี่ชาย)
เข้าไปศึกษาอยู่ที่วัดสุปัฏนาราม ในเมืองอุบลราชธานี
ต่อมา เจ้าพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)
เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูวิจิตรธรรมภาณี
ได้พาเข้าไปกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๗
ฝากไว้ในสำนักเจ้าคุณพระสาสนโสภณ (อ่อน อหึสโก)
เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเมธาธรรมรส แห่งวัดพิชัยญาติการาม
โดยให้บรรพชาเป็นสามเณรเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม
พ.ศ. ๒๔๔๓ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในส่านักแห่งนั้น โดยมี
เจ้าคุณพระสาสนโสภณ (อ่อน อหึสโก) เป็นพระอุปัชฌาย์
เจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
เจ้าคุณพระราชเมธี (ท้วม กัณณวโร) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมจนสำเร็จการศึกษานักธรรมชั้นเอก
และเปรียญธรรม ๔ ประโยค (ป.ธ.๔) ณ ส่านักเรียนวัดพิชัยญาติการาม
ท่านเจ้าคุณเป็นพระเถระที่มีคุณูปการแก่พระสงฆ์ในหัวเมืองมากองค์หนึ่ง
ได้วางรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ในวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม)
มณฑลร้อยเอ็ด และมณฑลอุดรธานี ให้มีวัตรปฏิบัติ เช่น การนุ่งห่ม การทำวัตรสวดมนต์
และเทศนาอบรมสั่งสอนอุบาสก อุบาสิกา อย่างเป็นระบบระเบียบ
จนเป็นแบบอย่างทางการปกครองคณะสงฆ์มาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ท่านยังเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของ"หลวงปู่ดูลย์ อตุโล" ในการญัตติเป็นพระภิกษุในธรรมยุติกนิกาย
พระอุปัชฌาย์ของ "หลวงปู่บุญมี โชติปาโล" ที่ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม)
เป็นพระอุปัชฌาย์ของ"หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร" ที่ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดเลียบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
เป็นต้น
คนเฒ่าแบบนี้ใช้ไม่ได้ : พระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน)
พระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน)
วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม)
ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
...
"ชิ้นท่อนหนา ปลาท่อนใหญ่" เขาว่าคนเฒ่าพอได้ยินเสียงกลองลิเกโขนหนัง
ก็เอิ้น(เรียก)เด็กน้อยให้มาเฝ้าเรือน บอกว่า กูจะไปเอง
ครั้นได้ยินเสียงระฆังหรือกลองวัดก็บอกว่า กูจะเฝ้าเรือนเอง ให้เด็กน้อยไปวัด
เวลาจะอาราธนาศีลบอกว่า กูจำไม่ใคร่ได้ แก่แล้ว หลงๆลืมๆ
เจ้าเป็นคนหนุ่มเลื่อนออกไปข้างหน้าๆเถิด
แล้วคนเฒ่าก็ขยับเลื่อนถอยออกไปปลายสาด(เสื่อ)
ครั้นถึงเวลาเขายกสำรับกับข้าวมาตั้ง คนเฒ่าก็รีบขยับเข้ามาก่อน
และกินหัวพุงมันเสียหมด ...เช่นนี้ใช้ไม่ได้
...
ท่านพ่อลี ธัมมธโร เล่าถึงพระธรรมเทศนา
ของท่านเจ้าคุณศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) ไว้ว่า
“ท่านเจ้าคุณศาสนดิลก วัดสุปัฏนาราม
เทศน์เมื่อวันทำบุญกองข้าวที่วัดป่าสุทธาวาสว่า
เมล็ดข้าวที่มีเปลือกย่อมนำไปเพาะงอก
แต่ถ้าเอาเปลือกออกแล้วจะเพาะไม่ขึ้นฉันใด
คนเราซึ่งลอกเปลือก คือ กิเลส ออกหมดแล้ว
ก็ย่อมไม่มีการเกิดฉันนั้น”
...
"ไม้พะยุง" เป็นไม้ที่มีค่ายิ่งกว่าไม้ทั้งหลาย
คือ มีเปลือกน้อย แก่นหลาย และเนื้อละเอียด
ให้พวกเราทำตัวให้มี "แก่น" (ความดี)
เช่นกับ "ไม้พะยุง" บ้าง
...
ประวัติโดยย่อของ"พระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน)
ท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) รูปนี้
รูปร่างค่อนข้างสูง ลักษณะสมบูรณ์มีสง่า ผิวเนื้อดำแดง
นามเดิมชื่อ เสน ฉายา ชิตเสโน
บิดาชื่อ เพี้ยคำมุงคุณ (คำพา)
มารดาชื่อ ไว นามสกุล สิริบูรณ์
ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๓
ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง จ.ศ. ๑๒๔๒
ที่บ้านหนองบ่อ อ่าเภอเมืองอุบลฯ จังหวัดอุบลราชธานี
การศึกษา บรรพชาและอุปสมบท
ท่านได้รับการศึกษาอย่างจริงจังเมื่ออายุได้ ๑๔-๑๕ ปี
โดยได้ติดตามพระภิกษุขุน (ผู้พี่ชาย)
เข้าไปศึกษาอยู่ที่วัดสุปัฏนาราม ในเมืองอุบลราชธานี
ต่อมา เจ้าพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)
เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูวิจิตรธรรมภาณี
ได้พาเข้าไปกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๗
ฝากไว้ในสำนักเจ้าคุณพระสาสนโสภณ (อ่อน อหึสโก)
เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเมธาธรรมรส แห่งวัดพิชัยญาติการาม
โดยให้บรรพชาเป็นสามเณรเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม
พ.ศ. ๒๔๔๓ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในส่านักแห่งนั้น โดยมี
เจ้าคุณพระสาสนโสภณ (อ่อน อหึสโก) เป็นพระอุปัชฌาย์
เจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
เจ้าคุณพระราชเมธี (ท้วม กัณณวโร) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมจนสำเร็จการศึกษานักธรรมชั้นเอก
และเปรียญธรรม ๔ ประโยค (ป.ธ.๔) ณ ส่านักเรียนวัดพิชัยญาติการาม
ท่านเจ้าคุณเป็นพระเถระที่มีคุณูปการแก่พระสงฆ์ในหัวเมืองมากองค์หนึ่ง
ได้วางรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ในวัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม)
มณฑลร้อยเอ็ด และมณฑลอุดรธานี ให้มีวัตรปฏิบัติ เช่น การนุ่งห่ม การทำวัตรสวดมนต์
และเทศนาอบรมสั่งสอนอุบาสก อุบาสิกา อย่างเป็นระบบระเบียบ
จนเป็นแบบอย่างทางการปกครองคณะสงฆ์มาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ท่านยังเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของ"หลวงปู่ดูลย์ อตุโล" ในการญัตติเป็นพระภิกษุในธรรมยุติกนิกาย
พระอุปัชฌาย์ของ "หลวงปู่บุญมี โชติปาโล" ที่ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลรัตนาราม)
เป็นพระอุปัชฌาย์ของ"หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร" ที่ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดเลียบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
เป็นต้น