สวัสดีเพื่อนๆใน Pantip ทุกท่านครับ
เนื่องด้วยผมเองนั้น เป็นแฟนตัวยงค์ของ Xperia ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีโอกาสใช้มาตั้งแต่ Xperia Z รุ่นแรก ตามด้วย Z2 Z3 Z3+ (ขาด Z1 ไป 1 รุ่น ที่ไม่ได้ใช้) จึงขอโอกาสนี้มาท้าวสาวความยาวยืดให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
(ภาพจาก gsmarena.com)
ทำไมต้องวงเล็บไว้ว่า Z4 ทั้งที่เป็นรุ่น Z3+
ถึงแม้ Xperia รุ่นที่นำมารีวิวนี้จะชื่อว่า Z3+ แต่ในญี่ปุ่น ซึ่งวางจำหน่ายรุ่นนี้เป็นที่แรกในโลกนั้น ได้ตั้งชื่อว่า Xperia Z4 ซึ่งเหตุผลมาจาก ทาง Sony สาขานอกญี่ปุ่นมองว่า Z3+ เป็นตัวที่เพิ่มสเปคของ Z3 ขึ้นมา (อ้างอิง
http://www.xperiablog.net/2015/05/27/so-why-did-sony-change-the-name-of-the-xperia-z4-to-xperia-z3-plus/)
ในขณะที่ตลาดญี่ปุ่นนั้น มือถือ Flagship ของเกือบทุกยี่ห้อ ออกใหม่บ่อย (ทุก 6 เดือน) และไม่ว่าจะมีการเพิ่มอะไรมากมาย เล็กน้อย หรือแทบไม่เปลี่ยนเลย ก็ถือว่าเป็นรุ่นใหม่ทั้งนั้น (ส่วนนี้เป็นความเห็นของผู้เขียนเอง จากการสังเกตุมือถือรุ่นต่างๆในญี่ปุ่น)
สเปคเด่นๆของ Xperia Z3+
- จอ 5.2 นิ้ว Full HD สว่างสุดๆ
- Snapdragon 810 SoC
- Ram 3GB
- Rom 32GB
- ลำโพง Stereo คู่
- กันน้ำ โดยไม่ต้องมีจุกยางปิดทั้ง port usb และหูฟัง
- บาง 6.9mm
- แบตเตอรี่ 2930 mAh
เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง
สำหรับ Xperia Z นั้น เรียกว่าเป็นอะไรที่สาวกมือถือ Sony รอคอยตลอดมา เนื่องจากยุคก่อนหน้านั้น (ถ้ายังจำกันได้) Sony ขึ้นชื่อมากในเรื่องมือถือหลงยุค สเปคไม่เคยตามชาวบ้านได้ทัน ตั้งแต่ X10 ที่ไม่มี Multitouch และราคาแพงมาก, Xperia Arc ที่ชาวบ้านเค้าไป Dual Core กันแล้ว แต่ Sony ยังทำ Single Core อยู่ ไปจนถึง Xperia T/TX ที่ยังยืนหยัดเป็น Dual Core ทั้งๆที่ชาวบ้านไป Quad Core กันหมด แล้ว
สุดท้าย Sony ก็ออก Xperia Z มาให้สาวกได้ชื่นใจเสียที ซึ่งนอกจาก Spec ที่ทันชาวบ้านแล้ว (Quad Core Snapdragon S4 Pro, Ram 2GB) ยังมีจอ Full HD ที่เป็นเจ้าแรกๆในตลาด รวมถึงเรื่องของการกันน้ำ ซึ่งในยุคก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีมือถือรุ่น Top รุ่นไหนที่ออกมาให้กันน้ำได้ จะมีก็เฉพาะแต่รุ่นที่สเปคต่ำลงมาเท่านั้น
กันน้ำไปทำไม?
มือถือกันน้ำนั้นเริ่มเป็นที่นิยมมาจากจากทางญี่ปุ่น เนื่องจากชาวญี่ปุ่นนั้นนิยมนำโทรศัพท์มือถือไปเล่นในระหว่างอาบน้ำ (อ้างอิง
http://www.bimzz.com/technology/you-will-be-shocked-to-know-that-in-japan-90-to-95-people-use-waterproof-phone/ )
ซึ่งที่ผ่านมาในยุคก่อน Smart Phone นั้น มือถือที่ขายในญี่ปุ่น มักจะเป็นรุ่นพิเศษที่ไม่ขายที่อื่นในโลก และกันน้ำด้วย จนกระทั่งมาถึงยุค Smart Phone นั้น Sony ไม่ได้มีการออกแบบมือถือรุ่นใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ แต่เอารุ่นตลาดโลกมาขายเลย จึงคาดเดาได้ว่าทาง Sony คงต้องการให้ผลิต Model เดียวกัน แล้วนำไปขายได้ทุกที่ พวกเราจึงได้ใช้มือถือ Sony รุ่น Top ที่กันน้ำได้นับจาก Xperia Z เป็นต้นมา
(ภาพ Xperia Z จาก gsmarena.com)
สรุปแล้ว Xperia Z ดีเลิศ?
ด้วยสเปคในกระดาษนั้น Xperia Z แสนจะดูดี แต่ในความจริงแล้ว Sony สร้างวิบากกรรมไว้กับ Xperia Z มากมาก ซึ่งมีประเด็นคร่าวๆดังนี้
ข้อดีของ Xperia Z
- จอ Full HD ละเอียดมาก
- Design กระจะหน้า-หลัง ดู Premium มาก
- กล้อง 13 ล้านพิกเซล
- กันน้ำ
ข้อเสียของ Xperia Z
- แต่ซีด เอียงนิดหน่อยก็ซีดแล้ว และต่อให้มองตรงๆ ก็ไม่ได้ดูสดใสแบบคู่แข่งรายอื่นๆ
- จอเจอข้อผิดพลาดจากการผลิตเยอะมาก Dead pixel กระจุยกระจาย
- ร้อน อาจจะไม่ได้ร้อนมาก แต่ก็ร้อนพอให้กาวที่ติดฝาหลังละลายแล้วเกิดช่องว่างได้ ส่งผลให้หลายๆคนเจอปัญหาฝุ่นเข้ากล้อง และน้ำเข้าเครื่อง
- ช่องหูฟัง และช่องชาร์จ ต้องเปิดปิดจุกยางทุกครั้งที่ต้องใช้ ค่อนข้างน่ารำคาญกับการเปิดปิด รวมถึงเมื่อยางเปื่อยก็ทำให้กันน้ำไม่ได้อีก
- ลำโพงเสียงเบา
- (ปัญหานี้เกิดขึ้นแค่ที่ไทย) Firmware ในช่วง 2-3เดือนแรกที่ออกมา มีปัญหากับภาษาไทย ทำให้เปิด Email แล้วเด้งออกจาก App
- โหมด auto ของกล้องเข้าขั้นแย่
ด้วยปัญหาหลักๆที่ชี้แจงไปด้านบนนั้น สุดท้ายทาง Sony ก็ออก Xperia Z1 รุ่นใหม่มา ซึ่งแก้ปัญหาต่างๆ แต่สุดท้ายก็ยังมีข้อเสียเดิมๆเหลืออยู่ รวมถึงข้อเสียใหม่ๆด้วย (รุ่นนี้ทางผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ใช้ แต่ก็ได้หยิบยืมคนอื่นมาทดสอบบ้าง) โดยสามารถสรุปโดยย่อดังต่อไปนี้
ข้อดีของ Xperia Z1
- Design แบบ Frame โลหะประกบด้วยกระจก ให้ความรู้สึกที่ดีทั้งเวลามองและสัมผัส
- กล้อง 20 ล้านพิกเซล
- กันน้ำ
- ช่องหูฟังกันน้ำ ไม่ต้องมีอะไรปิด
- มีช่องชาร์จแม่เหล็กที่ทำให้ไม่ต้องเปิดจุกยางช่อง USB เวลาชาร์จ
ข้อเสียของ Xperia Z1
- จอซีดเท่าเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน
- ลำโพงยังเบาเหมือนเดิม
- หนักขึ้น และหนาขึ้นพอสมควร
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- ที่ชาร์จแม่เหล็กต้องหาซื้อเพิ่ม และหลุดง่าย ไม่เหมาะกับการใช้ไปชาร์จไป
(ภาพ Xperia Z1 จาก gsmarena.com)
ด้วยวงจรการออกรุ่นใหม่แบบญี่ปุ่น (ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างบน) 6เดือนถัดมา ทาง Sony ก็ออก Xperia Z2 มา ซึ่งเป็นรุ่นที่สาวกรอคอยกันมากพอสมควร เนื่องจากได้แก้ปัญหาทั้งหมดไปแล้ว ซึ่งสามารถสรุปข้อดี ข้อเสียได้ดังต่อไปนี้
ข้อดีของ Xperia Z2
- จอไม่ซีดแล้ว
- ลำโพงคู่ (ซึ่งเทียบ Boomsound ของ HTC ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากๆแล้ว)
- บางกว่า Z1
- แบตเตอรี่ทนเหนือความคาดหมาย ใช้งานได้นานที่สุดในบรรดา Android ตัวท้อปที่เป็น Interbrand ทั้งหมด
- เพิ่มแรมเป็น 3GB ใช้งานกันได้สบายๆ ไม่ต้องเคลียร์
ข้อเสียของ Xperia Z2
- จอไม่ซีด แต่มืด ยิ่งถ้าเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ความสว่างสูงสุดเรียกว่าห่างกันอีกไกล
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- Function ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า Z1 เท่าไหร่
(ภาพ Xperia Z2 จาก gsmarena.com)
เขียนมาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะสังเกตุว่า 3 รุ่นที่ผ่านมา แทบไม่มีอะไรใหม่ๆนอกเหนือไปจากการแก้ปัญหาเก่าๆที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมยอดขายของ Xperia มันไม่กระเตื้องเท่าที่ควรในตลาดโลก
สำหรับสาวก Xperia แล้ว การรอ Xperia Z รุ่นใหม่ ก็คือการหวังว่าเมื่อไหร่ Xperia Z จะเจอกับคำว่าสมบูรณ์เสียที ซึ่งตัวผมเองนั้นก็มีความสุขดีกับการรอลุ้นว่ารุ่นต่อไปจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง
6 เดือนต่อมา ทาง Sony ก็ได้ออก Xperia Z3 ซึ่งก็มีแนวทางเดิม คือค่อยๆปรับปรุงรุ่นเดิมให้ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย ซึ่งโดยสรุป ก็จะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
ข้อดีของ Xperia Z3
- จากจอรุ่นที่แล้วที่สว่างสู้ชาวบ้านไม่ได้ รุ่นนี้นี้จัดมาเต็มด้วยความสว่าง 800 กว่า nits เรียกว่าสว่างกว่า Smartphone ทุกยี่ห้อที่มีในตลาดแล้ว
- ลำโพงมีมิติขึ้น ดังขึ้น (แต่ยังเทียบ Boomsound ของ HTC ไม่ได้อยู่ดี)
- บางกว่า Z2
- ฟังเพลงแบบ Hi-Res Audio ได้ (ตอนหลัง Z2 ก็ถูก upgrade ให้ฟังได้เหมือนกัน)
ข้อเสียของ Xperia Z3
- แบตเตอรี่น้อยลง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่อึดมาอยู่ดี (ลดไป 100mAh)
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- Function ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า Z2
- ความเร็วเครื่องแทบไม่ต่างจาก Z2
- ที่ชาร์จแม่เหล็กต้องหลุดง่ายกว่าของ Z2 บางทีแค่ขยับเครื่องนิดหน่อยก็ทำให้การชาร์จชะงักแล้ว
(ภาพ Xperia Z3 จาก gsmarena.com)
เข้าเรื่อง Mini Review กันจริงๆซักที
ก่อนหน้าที่ Xperia Z4 จะออกมานั้นก็ได้มีข่าวลือ ว่า Xperia Z4 นั้น จะไม่มีฝาปิดช่อง USB อีกต่อไป ผม ในฐานะสาวกของ Xperia ซึ่งทำใจมักน้อยใน Function มาแต่ไหนแต่ไร ก็รู้สึกดีใจมากแล้ว และไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มอีก ซึ่งหลังจากมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็เป็นไปตามข่าวลือจริง ว่าฝาปิด USB หายไป เป็นไปตามที่หวังไว้ รวมถึงยังได้ Snapdragon 810 ตัวแรง (ในทางลบ) มาใช้เป็นของแถม
ทั้งนี้ หลังจากที่รอมานานก็ได้รับข่าวดีจากทาง Sony Thailand ว่าจะไม่นำ Z3+ เข้ามาขาย ซึ่งทางผมก็ไม่รอช้า จัดเครื่องนอก (Hong Kong ทันที) ซึ่งผมได้ซื้อรหัส E6533 ซึ่งเป็นรุ่น 2 ซิมมา สนนราคารวมจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มให้รัฐบาลไทยแล้ว ไม่ได้แพงไปกว่าราคาเครื่องศูนย์ในตอนที่ Z3 วางขาย
เทียบให้ดูระหว่าง Xperia Z2, Z3, Z3+
กล่องของทั้ง 3 รุ่น
ด้านหลังกล่อง
แบบไม่เปิดจอ (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)
แบบเปิดจอ (เร่งแสงสุดแล้ว จะเห็นค่อนข้างชัดว่าจอ Z2 สว่างสู้อีกสองตัวไม่ได้) (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)
ด้านหลังของทั้ง 3 ตัว เหมือนกันอย่างกับแกะ ข้อดีของ Z3+ ในส่วนนี้คื
อกล้องอยู่ใต้กระจกหลังอีกที ทำให้เวลาติดฟิล์มหลัง จะได้ฟิล์มมากันรอยกล้องไปโดยปริยายด้วย (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)
ด้านซ้าย (ช่องชาร์จแม่เหล็กหายไป) (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)
ด้านขวา (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)
ด้านล่าง จะเห็นว่า Port USB ไม่มีฝาปิดแล้ว (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)
ด้านบนก็คล้ายกันมาก (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)
Xperia Z3+ เมื่ออยู่ในเมือ
ด้านหน้าจะเห็นได้ว่าขอบบนล่าง จะเห็นว่าเหลือพื้นที่เยอะเป็นพิเศษ
สีที่ผมซื้อมานั้น คือสี Aqua Green ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสีฟ้าเลื่อมเงิน เวลาพลิกไปมาจะเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย(แนวๆเดียวกับ Galaxy S6) ถึงแม้ว่าจะชื่อว่าสี Green แต่ดูยังไงก็เป็นสีฟ้า จะมีไม่กี่มุมเท่านั้น ที่พลิกแล้วเห็นเป็นสีเขียวอ่อนๆเลื่อมเงิน
ข้อดี/เสีย จากการใช้งานจริง
Mini review นี้ เดิมที ตั้งใจว่าจะไม่มี Synthetic Benchmark หรือการวัดความแรงผ่านโปรแกรม แต่จะเป็นการบอกเล่าการใช้งาน เทียบกับ Xperia ตัวอื่นๆ รวมถึงการใช้งานทั่วๆไปเท่านั้นครับ แต่เนื่องจากความอยากทดลองอะไรแผลงๆเล็กน้อย จึงได้ทำ benchmark โดย Antutu 64bit ออกมา ใน 3 สถานการณ์ โดยทั้งหมด ได้ทำการ Clear application ออกไปหมด ไม่ให้รันอะไรยกเว้น Antutu โดยเรียงลำดับดังต่อไปนี้ครับ 1) อยู่ในห้องแอร์ ไม่เล่นอะไรเลยเป็นเวลา 15 นาทีแล้วค่อยมาเทสต์ 2) ทำเหมือนข้อ 1 แต่เอาไปเทสต์ในช่องฟรีส 3) ถ่าย VDO 4K จนกล้องปิดตัวเอง (ตั้งใจอุ่นให้ร้อน) แล้วกดเทสต์ ผลคือ
1) คะแนนปกติคือประมาณ 53,xxx
2) พอแช่แข็งแล้ว ทั้ง CPU และ Ram เร็วขึ้นพอสมควร ผลคะแนนรวมมาอยู่ที่ 58,xxx
3) หลังจากอุ่นร้อนได้ที่ ทุกอย่างหนืดอย่างเห็นได้ชัด คะแนนลงมาที่ 32,xxx ทันที
[CR] Mini Review ตามใจฉัน Xperia Z3+ Dual Sim (Xperia Z4) และวิวัฒนาการจาก Xperia Z2
เนื่องด้วยผมเองนั้น เป็นแฟนตัวยงค์ของ Xperia ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีโอกาสใช้มาตั้งแต่ Xperia Z รุ่นแรก ตามด้วย Z2 Z3 Z3+ (ขาด Z1 ไป 1 รุ่น ที่ไม่ได้ใช้) จึงขอโอกาสนี้มาท้าวสาวความยาวยืดให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
(ภาพจาก gsmarena.com)
ทำไมต้องวงเล็บไว้ว่า Z4 ทั้งที่เป็นรุ่น Z3+
ถึงแม้ Xperia รุ่นที่นำมารีวิวนี้จะชื่อว่า Z3+ แต่ในญี่ปุ่น ซึ่งวางจำหน่ายรุ่นนี้เป็นที่แรกในโลกนั้น ได้ตั้งชื่อว่า Xperia Z4 ซึ่งเหตุผลมาจาก ทาง Sony สาขานอกญี่ปุ่นมองว่า Z3+ เป็นตัวที่เพิ่มสเปคของ Z3 ขึ้นมา (อ้างอิง http://www.xperiablog.net/2015/05/27/so-why-did-sony-change-the-name-of-the-xperia-z4-to-xperia-z3-plus/)
ในขณะที่ตลาดญี่ปุ่นนั้น มือถือ Flagship ของเกือบทุกยี่ห้อ ออกใหม่บ่อย (ทุก 6 เดือน) และไม่ว่าจะมีการเพิ่มอะไรมากมาย เล็กน้อย หรือแทบไม่เปลี่ยนเลย ก็ถือว่าเป็นรุ่นใหม่ทั้งนั้น (ส่วนนี้เป็นความเห็นของผู้เขียนเอง จากการสังเกตุมือถือรุ่นต่างๆในญี่ปุ่น)
สเปคเด่นๆของ Xperia Z3+
- จอ 5.2 นิ้ว Full HD สว่างสุดๆ
- Snapdragon 810 SoC
- Ram 3GB
- Rom 32GB
- ลำโพง Stereo คู่
- กันน้ำ โดยไม่ต้องมีจุกยางปิดทั้ง port usb และหูฟัง
- บาง 6.9mm
- แบตเตอรี่ 2930 mAh
เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง
สำหรับ Xperia Z นั้น เรียกว่าเป็นอะไรที่สาวกมือถือ Sony รอคอยตลอดมา เนื่องจากยุคก่อนหน้านั้น (ถ้ายังจำกันได้) Sony ขึ้นชื่อมากในเรื่องมือถือหลงยุค สเปคไม่เคยตามชาวบ้านได้ทัน ตั้งแต่ X10 ที่ไม่มี Multitouch และราคาแพงมาก, Xperia Arc ที่ชาวบ้านเค้าไป Dual Core กันแล้ว แต่ Sony ยังทำ Single Core อยู่ ไปจนถึง Xperia T/TX ที่ยังยืนหยัดเป็น Dual Core ทั้งๆที่ชาวบ้านไป Quad Core กันหมด แล้ว
สุดท้าย Sony ก็ออก Xperia Z มาให้สาวกได้ชื่นใจเสียที ซึ่งนอกจาก Spec ที่ทันชาวบ้านแล้ว (Quad Core Snapdragon S4 Pro, Ram 2GB) ยังมีจอ Full HD ที่เป็นเจ้าแรกๆในตลาด รวมถึงเรื่องของการกันน้ำ ซึ่งในยุคก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีมือถือรุ่น Top รุ่นไหนที่ออกมาให้กันน้ำได้ จะมีก็เฉพาะแต่รุ่นที่สเปคต่ำลงมาเท่านั้น
กันน้ำไปทำไม?
มือถือกันน้ำนั้นเริ่มเป็นที่นิยมมาจากจากทางญี่ปุ่น เนื่องจากชาวญี่ปุ่นนั้นนิยมนำโทรศัพท์มือถือไปเล่นในระหว่างอาบน้ำ (อ้างอิง http://www.bimzz.com/technology/you-will-be-shocked-to-know-that-in-japan-90-to-95-people-use-waterproof-phone/ )
ซึ่งที่ผ่านมาในยุคก่อน Smart Phone นั้น มือถือที่ขายในญี่ปุ่น มักจะเป็นรุ่นพิเศษที่ไม่ขายที่อื่นในโลก และกันน้ำด้วย จนกระทั่งมาถึงยุค Smart Phone นั้น Sony ไม่ได้มีการออกแบบมือถือรุ่นใหม่สำหรับตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ แต่เอารุ่นตลาดโลกมาขายเลย จึงคาดเดาได้ว่าทาง Sony คงต้องการให้ผลิต Model เดียวกัน แล้วนำไปขายได้ทุกที่ พวกเราจึงได้ใช้มือถือ Sony รุ่น Top ที่กันน้ำได้นับจาก Xperia Z เป็นต้นมา
(ภาพ Xperia Z จาก gsmarena.com)
สรุปแล้ว Xperia Z ดีเลิศ?
ด้วยสเปคในกระดาษนั้น Xperia Z แสนจะดูดี แต่ในความจริงแล้ว Sony สร้างวิบากกรรมไว้กับ Xperia Z มากมาก ซึ่งมีประเด็นคร่าวๆดังนี้
ข้อดีของ Xperia Z
- จอ Full HD ละเอียดมาก
- Design กระจะหน้า-หลัง ดู Premium มาก
- กล้อง 13 ล้านพิกเซล
- กันน้ำ
ข้อเสียของ Xperia Z
- แต่ซีด เอียงนิดหน่อยก็ซีดแล้ว และต่อให้มองตรงๆ ก็ไม่ได้ดูสดใสแบบคู่แข่งรายอื่นๆ
- จอเจอข้อผิดพลาดจากการผลิตเยอะมาก Dead pixel กระจุยกระจาย
- ร้อน อาจจะไม่ได้ร้อนมาก แต่ก็ร้อนพอให้กาวที่ติดฝาหลังละลายแล้วเกิดช่องว่างได้ ส่งผลให้หลายๆคนเจอปัญหาฝุ่นเข้ากล้อง และน้ำเข้าเครื่อง
- ช่องหูฟัง และช่องชาร์จ ต้องเปิดปิดจุกยางทุกครั้งที่ต้องใช้ ค่อนข้างน่ารำคาญกับการเปิดปิด รวมถึงเมื่อยางเปื่อยก็ทำให้กันน้ำไม่ได้อีก
- ลำโพงเสียงเบา
- (ปัญหานี้เกิดขึ้นแค่ที่ไทย) Firmware ในช่วง 2-3เดือนแรกที่ออกมา มีปัญหากับภาษาไทย ทำให้เปิด Email แล้วเด้งออกจาก App
- โหมด auto ของกล้องเข้าขั้นแย่
ด้วยปัญหาหลักๆที่ชี้แจงไปด้านบนนั้น สุดท้ายทาง Sony ก็ออก Xperia Z1 รุ่นใหม่มา ซึ่งแก้ปัญหาต่างๆ แต่สุดท้ายก็ยังมีข้อเสียเดิมๆเหลืออยู่ รวมถึงข้อเสียใหม่ๆด้วย (รุ่นนี้ทางผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ใช้ แต่ก็ได้หยิบยืมคนอื่นมาทดสอบบ้าง) โดยสามารถสรุปโดยย่อดังต่อไปนี้
ข้อดีของ Xperia Z1
- Design แบบ Frame โลหะประกบด้วยกระจก ให้ความรู้สึกที่ดีทั้งเวลามองและสัมผัส
- กล้อง 20 ล้านพิกเซล
- กันน้ำ
- ช่องหูฟังกันน้ำ ไม่ต้องมีอะไรปิด
- มีช่องชาร์จแม่เหล็กที่ทำให้ไม่ต้องเปิดจุกยางช่อง USB เวลาชาร์จ
ข้อเสียของ Xperia Z1
- จอซีดเท่าเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน
- ลำโพงยังเบาเหมือนเดิม
- หนักขึ้น และหนาขึ้นพอสมควร
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- ที่ชาร์จแม่เหล็กต้องหาซื้อเพิ่ม และหลุดง่าย ไม่เหมาะกับการใช้ไปชาร์จไป
(ภาพ Xperia Z1 จาก gsmarena.com)
ด้วยวงจรการออกรุ่นใหม่แบบญี่ปุ่น (ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างบน) 6เดือนถัดมา ทาง Sony ก็ออก Xperia Z2 มา ซึ่งเป็นรุ่นที่สาวกรอคอยกันมากพอสมควร เนื่องจากได้แก้ปัญหาทั้งหมดไปแล้ว ซึ่งสามารถสรุปข้อดี ข้อเสียได้ดังต่อไปนี้
ข้อดีของ Xperia Z2
- จอไม่ซีดแล้ว
- ลำโพงคู่ (ซึ่งเทียบ Boomsound ของ HTC ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากๆแล้ว)
- บางกว่า Z1
- แบตเตอรี่ทนเหนือความคาดหมาย ใช้งานได้นานที่สุดในบรรดา Android ตัวท้อปที่เป็น Interbrand ทั้งหมด
- เพิ่มแรมเป็น 3GB ใช้งานกันได้สบายๆ ไม่ต้องเคลียร์
ข้อเสียของ Xperia Z2
- จอไม่ซีด แต่มืด ยิ่งถ้าเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ความสว่างสูงสุดเรียกว่าห่างกันอีกไกล
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- Function ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า Z1 เท่าไหร่
(ภาพ Xperia Z2 จาก gsmarena.com)
เขียนมาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะสังเกตุว่า 3 รุ่นที่ผ่านมา แทบไม่มีอะไรใหม่ๆนอกเหนือไปจากการแก้ปัญหาเก่าๆที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมยอดขายของ Xperia มันไม่กระเตื้องเท่าที่ควรในตลาดโลก
สำหรับสาวก Xperia แล้ว การรอ Xperia Z รุ่นใหม่ ก็คือการหวังว่าเมื่อไหร่ Xperia Z จะเจอกับคำว่าสมบูรณ์เสียที ซึ่งตัวผมเองนั้นก็มีความสุขดีกับการรอลุ้นว่ารุ่นต่อไปจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง
6 เดือนต่อมา ทาง Sony ก็ได้ออก Xperia Z3 ซึ่งก็มีแนวทางเดิม คือค่อยๆปรับปรุงรุ่นเดิมให้ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย ซึ่งโดยสรุป ก็จะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
ข้อดีของ Xperia Z3
- จากจอรุ่นที่แล้วที่สว่างสู้ชาวบ้านไม่ได้ รุ่นนี้นี้จัดมาเต็มด้วยความสว่าง 800 กว่า nits เรียกว่าสว่างกว่า Smartphone ทุกยี่ห้อที่มีในตลาดแล้ว
- ลำโพงมีมิติขึ้น ดังขึ้น (แต่ยังเทียบ Boomsound ของ HTC ไม่ได้อยู่ดี)
- บางกว่า Z2
- ฟังเพลงแบบ Hi-Res Audio ได้ (ตอนหลัง Z2 ก็ถูก upgrade ให้ฟังได้เหมือนกัน)
ข้อเสียของ Xperia Z3
- แบตเตอรี่น้อยลง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่อึดมาอยู่ดี (ลดไป 100mAh)
- โหมด auto ของกล้องยังแย่เหมือนเดิม
- Function ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า Z2
- ความเร็วเครื่องแทบไม่ต่างจาก Z2
- ที่ชาร์จแม่เหล็กต้องหลุดง่ายกว่าของ Z2 บางทีแค่ขยับเครื่องนิดหน่อยก็ทำให้การชาร์จชะงักแล้ว
(ภาพ Xperia Z3 จาก gsmarena.com)
เข้าเรื่อง Mini Review กันจริงๆซักที
ก่อนหน้าที่ Xperia Z4 จะออกมานั้นก็ได้มีข่าวลือ ว่า Xperia Z4 นั้น จะไม่มีฝาปิดช่อง USB อีกต่อไป ผม ในฐานะสาวกของ Xperia ซึ่งทำใจมักน้อยใน Function มาแต่ไหนแต่ไร ก็รู้สึกดีใจมากแล้ว และไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มอีก ซึ่งหลังจากมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็เป็นไปตามข่าวลือจริง ว่าฝาปิด USB หายไป เป็นไปตามที่หวังไว้ รวมถึงยังได้ Snapdragon 810 ตัวแรง (ในทางลบ) มาใช้เป็นของแถม
ทั้งนี้ หลังจากที่รอมานานก็ได้รับข่าวดีจากทาง Sony Thailand ว่าจะไม่นำ Z3+ เข้ามาขาย ซึ่งทางผมก็ไม่รอช้า จัดเครื่องนอก (Hong Kong ทันที) ซึ่งผมได้ซื้อรหัส E6533 ซึ่งเป็นรุ่น 2 ซิมมา สนนราคารวมจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มให้รัฐบาลไทยแล้ว ไม่ได้แพงไปกว่าราคาเครื่องศูนย์ในตอนที่ Z3 วางขาย
เทียบให้ดูระหว่าง Xperia Z2, Z3, Z3+
กล่องของทั้ง 3 รุ่น
ด้านหลังกล่อง
แบบไม่เปิดจอ (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)
แบบเปิดจอ (เร่งแสงสุดแล้ว จะเห็นค่อนข้างชัดว่าจอ Z2 สว่างสู้อีกสองตัวไม่ได้) (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)
ด้านหลังของทั้ง 3 ตัว เหมือนกันอย่างกับแกะ ข้อดีของ Z3+ ในส่วนนี้คือกล้องอยู่ใต้กระจกหลังอีกที ทำให้เวลาติดฟิล์มหลัง จะได้ฟิล์มมากันรอยกล้องไปโดยปริยายด้วย (เรียงตามลำดับซ้ายไปขวา Z2, Z3, Z3+)
ด้านซ้าย (ช่องชาร์จแม่เหล็กหายไป) (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)
ด้านขวา (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)
ด้านล่าง จะเห็นว่า Port USB ไม่มีฝาปิดแล้ว (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)
ด้านบนก็คล้ายกันมาก (เรียงตามลำดับล่างขึ้นบน Z2, Z3, Z3+)
Xperia Z3+ เมื่ออยู่ในเมือ
ด้านหน้าจะเห็นได้ว่าขอบบนล่าง จะเห็นว่าเหลือพื้นที่เยอะเป็นพิเศษ
สีที่ผมซื้อมานั้น คือสี Aqua Green ซึ่งจริงๆแล้วเป็นสีฟ้าเลื่อมเงิน เวลาพลิกไปมาจะเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย(แนวๆเดียวกับ Galaxy S6) ถึงแม้ว่าจะชื่อว่าสี Green แต่ดูยังไงก็เป็นสีฟ้า จะมีไม่กี่มุมเท่านั้น ที่พลิกแล้วเห็นเป็นสีเขียวอ่อนๆเลื่อมเงิน
ข้อดี/เสีย จากการใช้งานจริง
Mini review นี้ เดิมที ตั้งใจว่าจะไม่มี Synthetic Benchmark หรือการวัดความแรงผ่านโปรแกรม แต่จะเป็นการบอกเล่าการใช้งาน เทียบกับ Xperia ตัวอื่นๆ รวมถึงการใช้งานทั่วๆไปเท่านั้นครับ แต่เนื่องจากความอยากทดลองอะไรแผลงๆเล็กน้อย จึงได้ทำ benchmark โดย Antutu 64bit ออกมา ใน 3 สถานการณ์ โดยทั้งหมด ได้ทำการ Clear application ออกไปหมด ไม่ให้รันอะไรยกเว้น Antutu โดยเรียงลำดับดังต่อไปนี้ครับ 1) อยู่ในห้องแอร์ ไม่เล่นอะไรเลยเป็นเวลา 15 นาทีแล้วค่อยมาเทสต์ 2) ทำเหมือนข้อ 1 แต่เอาไปเทสต์ในช่องฟรีส 3) ถ่าย VDO 4K จนกล้องปิดตัวเอง (ตั้งใจอุ่นให้ร้อน) แล้วกดเทสต์ ผลคือ
1) คะแนนปกติคือประมาณ 53,xxx
2) พอแช่แข็งแล้ว ทั้ง CPU และ Ram เร็วขึ้นพอสมควร ผลคะแนนรวมมาอยู่ที่ 58,xxx
3) หลังจากอุ่นร้อนได้ที่ ทุกอย่างหนืดอย่างเห็นได้ชัด คะแนนลงมาที่ 32,xxx ทันที