“ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น” ถึงสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และแฟนบอล ✿

เม่าอดีต

สวัสดีค่ะ ชาวศุภชลาศัยทุกท่าน

ช่วงใกล้สิ้นเดือนแบบนี้ บรรยากาศในห้องศุภชลาศัยช่างคุกรุ่นและอบอุ่นดีเหลือเกินนะคะ

สารภาพตามตรงว่า สองสามวันมานี้ ดิฉันถึงกับสำลักกระทู้ดราม่าเลยทีเดียว

แต่ด้วยความที่เป็นแฟนบอล จะหลบลี้หนีภัยไปอยู่ห้องอื่นก็ใช่ที่ อยู่มันที่นี่ และเผชิญความจริงนี่แหละ ดีที่สุด



ความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงไปมากมายแล้ว ในแต่ละกระทู้

วันนี้ขอสรุปทิ้งท้ายในส่วนของตนเอง ฝากไปยังสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และแฟนบอลบางส่วน



สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้

โซเชียลมีเดียเปลี่ยนคนให้เป็นเทวดาได้ ก็เปลี่ยนคนให้เป็นหมาได้ ... ลุงเนวินเคยกล่าวเอาไว้ ในทำนองนี้

อย่าลืมว่า โซเชียลมีเดียไม่ได้เปลี่ยนแค่คน แต่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของสโมสรได้ด้วย

ดังนั้น มือวางในด้านโซเชียลมีเดียของสโมสร ต้องมีความเป็นมืออาชีพ ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ไม่ใช่พรรคพวกหรือใครก็ได้



แฟนบอลก็เช่นกัน

พร้อมกันนี้ ดิฉันขออ้างถึงกระทู้หนึ่งกระทู้  http://ppantip.com/topic/33272670

ถามความรู้สึกแฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ว่า “รู้สึกอย่างไรต่อแอดมินเพจเมืองทองฯ และรู้สึกอย่างไรต่อแอดมินเพจบุรีรัมย์ฯ”



หยุดใช้ความรู้สึกชื่นชอบส่วนตัว ตัดสินคนอื่นด้วยความอคติ ... มองโลกให้มันเป็นไปตามความจริงอย่างสมเหตุสมผล

มิเช่นนั้นแล้ว คุณก็จะมองเห็นโลกที่บิดเบี้ยว และสุดท้ายก็จะกลายเป็นแค่ "กบในกะลา"



แอดมินเพจที่ดี ควรเป็นกลาง หรืออย่างน้อยๆต้องใช้เหตุและผล ไม่ใช่อารมณ์และความรู้สึกส่วนตัว

ที่สำคัญ ต้องมีมารยาททางสังคมมากพอ สุภาพ ไม่เสี้ยม ไม่หยาบคาย  รู้จักให้เกียรติทีมคู่แข่ง ให้เกียรติผู้ตัดสิน และให้เกียรติแฟนบอลทุกทีม



“กระแสตีกลับ” ของเหตุการณ์นี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาจากการกระทำของบุคคลต้นเรื่องโดยตรง แต่อีกส่วนหนึ่ง มาจากแฟนบอลบางกลุ่ม

เป็นอย่างไรคะ ทีเรา ใส่เขาเต็มที่ ... เมื่อถึงเวลาที่เราพลาดบ้าง ย่อมไม่แปลกที่เขาจะเหยียบเราสุดทีนเช่นกัน

ใครก็ตามที่อ้างว่ารักสโมสรนั้น เชียร์ทีมนี้ ... พิจารณาให้ดี ว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงคำกล่าวอ้างที่ฟังดูดี หรือทำได้อย่างนั้นจริงๆ



กระทู้นี้ไม่ใช่การซ้ำเติมแฟนบอลทีมเดียวกัน ตั้งใจเพียงแค่ต้องการให้เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยการยกตัวอย่างมาประกอบ

จากนี้ไป ขอให้เป็น "ใจเขา ใจเรา" แทนที่จะเป็น "ทีเขา ทีเรา"

ไม่เช่นนั้นแล้ว มันจะไม่ใช่แค่ "น้ำผึ้งหยดเดียว" ที่เป็นกระแสลุกลามและบานปลายในโซเชียลมีเดีย ที่สร้างความขัดแย้งในวงกว้าง

แต่อาจจะกลายเป็น "น้ำมันหยดเดียว" ที่เป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้วงการฟุตบอลไทยก็ได้



ฟุตบอลและสโมสรฟุตบอลก็เหมือนลูกเหมือนหลาน โปรดรักพวกเค้าเหล่านั้นอย่างมีสติ ... เมื่อทำดี ควรชมเชย แต่หากทำผิด ควรลงโทษ

หยุดทำตัวเป็น "พ่อแม่รังแกฉัน" เพราะในท้ายที่สุดนั้น ลูกและหลานจะ "เสียผู้เสียคน"



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




หยุดมองหาความแตกต่าง เพื่อสร้าง "ความขัดแย้ง" ... กีฬา แบ่งทีมก็จริง แต่กีฬา มีขึ้นมาเพื่อสร้างมิตรภาพและส่งเสริมความสามัคคี

ไม่มีกีฬาชนิดไหนถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อสร้าง "ความเกลียดชัง" แม้แต่กีฬาที่ใช้กำลังต่อสู้ห้ำหั่น เพื่อเอาชนะกันอย่างเอาจริงเอาจัง ในสังเวียน

เพี้ยนสู้สู้ //ยามศึก เรารบ ยามสงบ เราครื้นเครง ... ในเกม เป็นคู่แข่ง สิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลาการแข่งกัน เป็นมิตร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่