ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดครับ พ่อแม่ท่านก็เป็นข้าราชการครูอยู่ทางภาคอีสานใต้ ไม่ได้มีธุรกิจส่วนตัว แต่ก็ไม่มีหนี้ครับ
(ไม่รู้เค้าเลี้ยงมาได้ไง เค้าเงินเดือนแรก พันกว่าบาทเอง สมัย 30 กว่าปีก่อนนู๊นนนนนน ส่งลูกเรียน 3 คน
ผ่อนบ้าน ผ่อนรถมือสองเก่า ๆ ของตัวเอง (ลูก ๆ ได้รถใหม่ ง่ะ) ส่วนเค้าเพิ่งจะมีรถใหม่มือหนึ่งเมื่อปีที่แล้วเองครับ
บ้านก็เพิ่งสร้างหลังใหม่เมื่อ 5 ปีก่อน ทนอยู่บ้านเก่า ๆ เล็ก ๆ มาตั้งนานจนตอนนี้
เค้าจะเกษียณอยู่แล้วแต่ก็ไม่มีหนี้ตกมาถึงผมและพี่ ๆ เลย เก่งมาก ๆ คารวะ 1 จอก)
หลังจากเรียนจบมหาลัยรัฐ แถว ๆ คลอง 16 (ดี๊ดี พ่อแม่เบิกค่าเทอมได้ด้วย แต่ไม่เต็มครับ เพราะเรียนวิศวะ
เงินค่าเทอมมันเกินงบตั้งเบิกต่อปี หุหุ) พักหอในกับเพื่อน ๆ เทอมละ 3 พันกว่าบาท (เทอมละนะครับ ถูกแล้ว)
ห้องพัดลมนอนกัน 4 คน เงินเดือนได้ใช้เดือนละ 4,000-5,000 ต่อเดือน ก็ไม่เคยเหลือหรอกครับ
เงินหมื่นไม่เคยเห็น เงินเก็บไม่เคยมี สมุดบัญชีไม่เคยอัพ จะกินก็ยังไม่ค่อยจะพอเลย
อาทิตย์สุดท้ายนี่ มาม่าอย่างเดียว ตอนเงินเดือน(จากที่บ้าน)ออกก็ลงขวด ๆ ๆ ๆ อุ๊บบบส์ ชีวิตวัยรุ่น พ่อแม่พี่ จะมาอ่านเจอมั้ยนะ
หลังจากเริ่มชีวิตทำงาน ออกมาท้าทายโลก site engineer (civil) กับ บ.เอกชน เงินเดือนแรก 14,000 บาท..........
เช่าหอหาร 2 กับเพื่อนก็แล้ว แต่ก็ไม่พอ แน่น๊อนนนนน อุแหม๋มันจะพอกับวัยรุ่น วัยโจ๋ได้ไง ขอแม่สิครับ เห้อออออ
พอเข้าปีที่ 2 ย้าย บริษัทครับ ได้เป็น 20,000 มีโบนัสด้วย เทพมาก เดินหน้างาน ร้อนมาก หน้าไหม้ หลังไหม้
เหงื่อเปียกยันง่ามตูด เกงยีนส์ที่ใส่ก็เปื่อยแล้วเปื่อยอีก แล้ววัยรุ่นก็อยากได้รถ (ของฟุ่มเฟือยที่มันคอยขัดต่อความรวย แต่ก็แพ้ความอยาก)
ก็เลยไปอ้อนที่บ้าน เค้าก็ ดาวน์ ขั้นต่ำมาให้ด้วยครับ ใจดีมาก ขอบคุณจริง ๆ แล้วผมก็เริ่มเป็นหนี้ก้อนแรกกับการผ่อนรถครับ 36 งวด
ผ่อนเองรวดเดียวหมด (แต่ค่าประกัน พรบ. อะไหล่ นู๊นนี้ ขอที่บ้านเหมือนเดิม สรุปคือจ่ายแต่ค่างวด ฮ่าๆๆ)
ผ่อนไปครึ่งเงินเดือน อีกครึ่งก็จับจ่ายใช้สอยกินเที่ยว ตามประสาวัยโจ๋เหมือนเดิม ไม่มีเก็บ หมดทุกเดือน ไม่เหลือเลย.... โถ ชีวิต
**อาชีพนี้ส่วนมากไม่ต้องเสียค่าที่พัก ถ้าที่พักที่บริษัทจัดหาให้คุณยอมรับได้ก็นอนฟรีไปเลยครับ นี่คือข้อดีของ site civil engineer หุหุ
เดี๋ยวจะบอกว่า ทำไมไม่หักที่ที่พัก บลา ๆ แต่ข้อเสีย ทำงานตากแดด ร้อนมาก โดนด่าให้ไปกินหญ้ากินขรี้
เริ่มลงทุนได้ยังไงกันละเนี่ย ?
พอผ่อนรถมาได้ 2 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมชีวิตไม่มีอะไรเลย เงินเก็บไม่มี มีแต่รถ ขับก็ไม่ค่อยได้ขับ ทำงานก่อสร้างไงครับ
ที่พักเค้าก็เช่าติด site งานให้ เดินไป 1 นาทีก็ถึงแล้วว แถมโดนเรียกใช้ง่ายเวลาหน้างานมีปัญหา
แล้วจะซื้อมาทำไมวะ? คือ ซื้อเพราะอยากได้ แค่นั้นแหละ,
อ่ะ กลับมาเรื่องชีวิตไม่มีอะไรเลย.. แล้วอยู่ ๆ ก็ได้ยิน Project Engineer คุยกับพวก Senior ว่าเค้าเพิ่งได้ปันผลมา 200,000 บาท
สองแสนบาทครับ ไม่ผิดดดดด สองแสนบาททททท หูผมนี่ผึ่งเลยครับ มนุษย์เงินเดือนตัวน้อย ๆ ลั่นเลย "อะไรนะ"
พอตกเย็นวันนั้น เลยเข้าไปคุยกับพี่เค้าครับ เค้าก็อธิบายมาว่าเค้าซื้อกองทุนนะ ซื้ออย่างงั้น อย่างงี้
(หุ้นไม่พูดถึงนะครับ เราพูดกันถึงกองทุนก่อน แต่เค้าก็อธิบายเรื่องหุ้นให้ผมฟังด้วยแหละ)
เอาละครับ เห็นปันผล แล้วตาโตสิ หึหึ จากวันนั้น ก็เลยเข้า internet ท่อง website ซื้อหนังสือการลงทุนมาอ่าน
(จากเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบอ่านหนังสือ ก็กลายเป็นซื้อมาอ่าน พกมาอ่านทุกวันเลย)
แล้วหนังสือเค้าบอกว่า จะลงทุนต้องเริ่มวันนี้เลย อย่ารอ อย่ามีข้ออ้าง... อืมมมม เอาสิ เริ่มเลย
หักจากเงินเดือนที่เหลือนี่แหละ (ยังผ่อนรถอยู่เลยอีกตั้งปีนึง gg)
เข้าที่ตรงนี้ละ 12 กันยายน 2555 ตรงนี้ ๆ SET เป็นแบบนี้
การลงทุนแบบนี้เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่รับรายได้ประจำ แล้วหัดแบ่งเงินเดือนส่วนนึงมาออม
ไม่เหมาะสำหรับผู้มีเงินก้อน เพราะผมเงินเดือนนิดเดียว 55+
การซื้อก็เลยแบ่งออกเป็นไม้ย่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ย่อยยยยยย
มาเลยครั้งแรก ทุนแรก ใส่ไป... อยากได้เงินไงครับ ซื้อก่อนวันปิดสมุดทะเบียน XD เลย อยากได้ปันผล...
(คือไม่รู้ไง ว่าปันผลแล้วราคามันจะร่วงอ่ะ)
ได้ประสบการณ์แรกมาแบบงง ๆ
ดูกันไปเรื่อย ๆ ครับ ก็ซื้อมาเรื่อย ๆ ก็ไม่เชิง DCA ซะทีเดียว ตอนแรกก็คิดว่าจะซื้อแบบ DCA อะครับ
แต่บางทีมีเรื่องใช้เงินบ้าง ก็ว่ากันไปตามสถาณการณ์
พยายาม DCA ให้ได้มากที่สุด บางทีก็รอซื้อตอนช่วงดัชนีต่ำ แล้วค่อยเข้าไปช้อน ช้อนไปก็ช้อนหักบ้าง
บางทีก็อดทนรอสไตล์เม่าน้อยมือใหม่ ทน ๆ ๆ ทนรอไม่ไหว ก็เข้าไปซื้อ ซื้อแล้วก็ลงอีก
พอลงอีกก็ไม่มีเงินซื้อ เพราะแบ่งไม้ไม่เป็นไง ซื้อไปก่อน โลภไงครับ อ่ะ ๆ ดู ๆ กันไป
จะเห็นได้ว่า พยายามซื้อทุกเดือนนะครับ มีน้อยซื้อน้อย มีมากก็ซื้อมาก
สรุปผลประกอบการ คร่าว ๆ เป็นดังนี้นะครับ ตั้งแต่ กันยายน 55 - มิถุนายน 58
จำนวนหน่วยลงทุน = 22,104.94 หน่วย @4.69 (ราคา ณ ปัจจุบัน) = 103,689 บาท
มูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 106,377 บาท
แปลว่า (ขาดทุน)อยู่ (106,377 - 103,689) = 2,7xx บาท
มาดูส่วนปันผลกันบ้างครับ
ปันผลรวม 30,936 บาท
หัก vat 10% = 3,093 บาท
ปันผลที่รับจริง = (30,936 - 3,093) = 27,842 บาท
ในภาพ ตัวเลขอาจจะต่างกันนิดหน่อยนะครับ เพราะผมทำข้อมูลผมใน MS excel อาจจะเพี้ยนเรื่องจำนวนจุดทศนิยมไปบ้าง
หลังจากที่ทำงานเอกชน บ.รับเหมาก่อสร้างมาตลอด ตอนนี้อายุก็ 28 ย่างเข้า 29 แล้ว เหนื่อยมากครับ
เดินตากแดด ตะโกนแหกปากทั้งวัน ลูกพี่สวด เช้า เที่ยง เย็น OT ก็ไม่เว้น ด่าสนุกกันเลย จบ site ก็ย้ายไปเรื่อย ๆ เหนื่อยจริง ๆ
ชีวิตไม่เป็นหลักแหล่ง ลอยไปลอยมา ตอนนี้ได้ย้ายเข้ามาทำรัฐวิสาหกิจแล้วครับ เงินเดือนก็น้อยลง แต่มีเวลามากขึ้น
(ไม่เคยทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์เลย สวรรค์มาก ๆ) แต่ก็จะลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ ครับ หวังว่าอนาคตข้างหน้า ผมจะรวยยยยยยยยยย รวยโครตตตตต (หนังสือบอกว่าให้ think positive ไว้ก่อน เดี๋ยว inspiration มันมาเอง พอมันมา เราก็ทำตาฝัน เราต้องรวยยยยยย) หวังว่าจะมีเงินใช้ตอนเกษียณ ไม่ลำบากครับ
เรามาก้าวไปพร้อมกันครับ เราจะรวยยยย (มนุษย์เงินเดือนตัวน้อย ๆ ที่ยังไม่พร้อมจะเป็น start up นั่น คิดลบอีกแล้ววว)
ช่างมานนน เอาทีละเรื่องแล้วกัน
ขออนุญาตมาลงไว้เพื่อใช้ศึกษาเป็นแนวทางการลงทุนเล็ก ๆ ทั้งสำหรับคนที่ยังไม่เริ่ม ก็ควรเริ่มวันนี้
สำหรับคนที่ลงทุนกันอยู่ก็ขอให้โชคดีตลอดการเดินทางครับ (ถ้าเทขายหุ้น บอกด้วยนะครับ เดี๋ยวออกไม่ทัน ดอยแหง๋ม ๆ)
ในยุคทุนนิยม ที่เงินเฟ้อ พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ มูลค่าเงินก็ด้อยค่าลงไปเรื่อย ๆ ถ้าฝากกินดอกเบี้ย 0.5-1% มันคงไม่พอแน่ ๆ แค่หักค่าธรรมเนียมบัตรก็คงหมดแล้วครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
1 แสนแรก เมื่อผมหัดลงทุนกับกองทุนรวมหุ้น (ก.ย 55 - 25 มิ.ย 58)
(ไม่รู้เค้าเลี้ยงมาได้ไง เค้าเงินเดือนแรก พันกว่าบาทเอง สมัย 30 กว่าปีก่อนนู๊นนนนนน ส่งลูกเรียน 3 คน
ผ่อนบ้าน ผ่อนรถมือสองเก่า ๆ ของตัวเอง (ลูก ๆ ได้รถใหม่ ง่ะ) ส่วนเค้าเพิ่งจะมีรถใหม่มือหนึ่งเมื่อปีที่แล้วเองครับ
บ้านก็เพิ่งสร้างหลังใหม่เมื่อ 5 ปีก่อน ทนอยู่บ้านเก่า ๆ เล็ก ๆ มาตั้งนานจนตอนนี้
เค้าจะเกษียณอยู่แล้วแต่ก็ไม่มีหนี้ตกมาถึงผมและพี่ ๆ เลย เก่งมาก ๆ คารวะ 1 จอก)
หลังจากเรียนจบมหาลัยรัฐ แถว ๆ คลอง 16 (ดี๊ดี พ่อแม่เบิกค่าเทอมได้ด้วย แต่ไม่เต็มครับ เพราะเรียนวิศวะ
เงินค่าเทอมมันเกินงบตั้งเบิกต่อปี หุหุ) พักหอในกับเพื่อน ๆ เทอมละ 3 พันกว่าบาท (เทอมละนะครับ ถูกแล้ว)
ห้องพัดลมนอนกัน 4 คน เงินเดือนได้ใช้เดือนละ 4,000-5,000 ต่อเดือน ก็ไม่เคยเหลือหรอกครับ
เงินหมื่นไม่เคยเห็น เงินเก็บไม่เคยมี สมุดบัญชีไม่เคยอัพ จะกินก็ยังไม่ค่อยจะพอเลย
อาทิตย์สุดท้ายนี่ มาม่าอย่างเดียว ตอนเงินเดือน(จากที่บ้าน)ออกก็ลงขวด ๆ ๆ ๆ อุ๊บบบส์ ชีวิตวัยรุ่น พ่อแม่พี่ จะมาอ่านเจอมั้ยนะ
หลังจากเริ่มชีวิตทำงาน ออกมาท้าทายโลก site engineer (civil) กับ บ.เอกชน เงินเดือนแรก 14,000 บาท..........
เช่าหอหาร 2 กับเพื่อนก็แล้ว แต่ก็ไม่พอ แน่น๊อนนนนน อุแหม๋มันจะพอกับวัยรุ่น วัยโจ๋ได้ไง ขอแม่สิครับ เห้อออออ
พอเข้าปีที่ 2 ย้าย บริษัทครับ ได้เป็น 20,000 มีโบนัสด้วย เทพมาก เดินหน้างาน ร้อนมาก หน้าไหม้ หลังไหม้
เหงื่อเปียกยันง่ามตูด เกงยีนส์ที่ใส่ก็เปื่อยแล้วเปื่อยอีก แล้ววัยรุ่นก็อยากได้รถ (ของฟุ่มเฟือยที่มันคอยขัดต่อความรวย แต่ก็แพ้ความอยาก)
ก็เลยไปอ้อนที่บ้าน เค้าก็ ดาวน์ ขั้นต่ำมาให้ด้วยครับ ใจดีมาก ขอบคุณจริง ๆ แล้วผมก็เริ่มเป็นหนี้ก้อนแรกกับการผ่อนรถครับ 36 งวด
ผ่อนเองรวดเดียวหมด (แต่ค่าประกัน พรบ. อะไหล่ นู๊นนี้ ขอที่บ้านเหมือนเดิม สรุปคือจ่ายแต่ค่างวด ฮ่าๆๆ)
ผ่อนไปครึ่งเงินเดือน อีกครึ่งก็จับจ่ายใช้สอยกินเที่ยว ตามประสาวัยโจ๋เหมือนเดิม ไม่มีเก็บ หมดทุกเดือน ไม่เหลือเลย.... โถ ชีวิต
**อาชีพนี้ส่วนมากไม่ต้องเสียค่าที่พัก ถ้าที่พักที่บริษัทจัดหาให้คุณยอมรับได้ก็นอนฟรีไปเลยครับ นี่คือข้อดีของ site civil engineer หุหุ
เดี๋ยวจะบอกว่า ทำไมไม่หักที่ที่พัก บลา ๆ แต่ข้อเสีย ทำงานตากแดด ร้อนมาก โดนด่าให้ไปกินหญ้ากินขรี้
เริ่มลงทุนได้ยังไงกันละเนี่ย ?
พอผ่อนรถมาได้ 2 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมชีวิตไม่มีอะไรเลย เงินเก็บไม่มี มีแต่รถ ขับก็ไม่ค่อยได้ขับ ทำงานก่อสร้างไงครับ
ที่พักเค้าก็เช่าติด site งานให้ เดินไป 1 นาทีก็ถึงแล้วว แถมโดนเรียกใช้ง่ายเวลาหน้างานมีปัญหา
แล้วจะซื้อมาทำไมวะ? คือ ซื้อเพราะอยากได้ แค่นั้นแหละ,
อ่ะ กลับมาเรื่องชีวิตไม่มีอะไรเลย.. แล้วอยู่ ๆ ก็ได้ยิน Project Engineer คุยกับพวก Senior ว่าเค้าเพิ่งได้ปันผลมา 200,000 บาท
สองแสนบาทครับ ไม่ผิดดดดด สองแสนบาททททท หูผมนี่ผึ่งเลยครับ มนุษย์เงินเดือนตัวน้อย ๆ ลั่นเลย "อะไรนะ"
พอตกเย็นวันนั้น เลยเข้าไปคุยกับพี่เค้าครับ เค้าก็อธิบายมาว่าเค้าซื้อกองทุนนะ ซื้ออย่างงั้น อย่างงี้
(หุ้นไม่พูดถึงนะครับ เราพูดกันถึงกองทุนก่อน แต่เค้าก็อธิบายเรื่องหุ้นให้ผมฟังด้วยแหละ)
เอาละครับ เห็นปันผล แล้วตาโตสิ หึหึ จากวันนั้น ก็เลยเข้า internet ท่อง website ซื้อหนังสือการลงทุนมาอ่าน
(จากเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบอ่านหนังสือ ก็กลายเป็นซื้อมาอ่าน พกมาอ่านทุกวันเลย)
แล้วหนังสือเค้าบอกว่า จะลงทุนต้องเริ่มวันนี้เลย อย่ารอ อย่ามีข้ออ้าง... อืมมมม เอาสิ เริ่มเลย
หักจากเงินเดือนที่เหลือนี่แหละ (ยังผ่อนรถอยู่เลยอีกตั้งปีนึง gg)
เข้าที่ตรงนี้ละ 12 กันยายน 2555 ตรงนี้ ๆ SET เป็นแบบนี้
การลงทุนแบบนี้เหมาะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่รับรายได้ประจำ แล้วหัดแบ่งเงินเดือนส่วนนึงมาออม
ไม่เหมาะสำหรับผู้มีเงินก้อน เพราะผมเงินเดือนนิดเดียว 55+
การซื้อก็เลยแบ่งออกเป็นไม้ย่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ย่อยยยยยย
มาเลยครั้งแรก ทุนแรก ใส่ไป... อยากได้เงินไงครับ ซื้อก่อนวันปิดสมุดทะเบียน XD เลย อยากได้ปันผล...
(คือไม่รู้ไง ว่าปันผลแล้วราคามันจะร่วงอ่ะ)
ได้ประสบการณ์แรกมาแบบงง ๆ
ดูกันไปเรื่อย ๆ ครับ ก็ซื้อมาเรื่อย ๆ ก็ไม่เชิง DCA ซะทีเดียว ตอนแรกก็คิดว่าจะซื้อแบบ DCA อะครับ
แต่บางทีมีเรื่องใช้เงินบ้าง ก็ว่ากันไปตามสถาณการณ์
พยายาม DCA ให้ได้มากที่สุด บางทีก็รอซื้อตอนช่วงดัชนีต่ำ แล้วค่อยเข้าไปช้อน ช้อนไปก็ช้อนหักบ้าง
บางทีก็อดทนรอสไตล์เม่าน้อยมือใหม่ ทน ๆ ๆ ทนรอไม่ไหว ก็เข้าไปซื้อ ซื้อแล้วก็ลงอีก
พอลงอีกก็ไม่มีเงินซื้อ เพราะแบ่งไม้ไม่เป็นไง ซื้อไปก่อน โลภไงครับ อ่ะ ๆ ดู ๆ กันไป
จะเห็นได้ว่า พยายามซื้อทุกเดือนนะครับ มีน้อยซื้อน้อย มีมากก็ซื้อมาก
สรุปผลประกอบการ คร่าว ๆ เป็นดังนี้นะครับ ตั้งแต่ กันยายน 55 - มิถุนายน 58
จำนวนหน่วยลงทุน = 22,104.94 หน่วย @4.69 (ราคา ณ ปัจจุบัน) = 103,689 บาท
มูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด 106,377 บาท
แปลว่า (ขาดทุน)อยู่ (106,377 - 103,689) = 2,7xx บาท
มาดูส่วนปันผลกันบ้างครับ
ปันผลรวม 30,936 บาท
หัก vat 10% = 3,093 บาท
ปันผลที่รับจริง = (30,936 - 3,093) = 27,842 บาท
ในภาพ ตัวเลขอาจจะต่างกันนิดหน่อยนะครับ เพราะผมทำข้อมูลผมใน MS excel อาจจะเพี้ยนเรื่องจำนวนจุดทศนิยมไปบ้าง
หลังจากที่ทำงานเอกชน บ.รับเหมาก่อสร้างมาตลอด ตอนนี้อายุก็ 28 ย่างเข้า 29 แล้ว เหนื่อยมากครับ
เดินตากแดด ตะโกนแหกปากทั้งวัน ลูกพี่สวด เช้า เที่ยง เย็น OT ก็ไม่เว้น ด่าสนุกกันเลย จบ site ก็ย้ายไปเรื่อย ๆ เหนื่อยจริง ๆ
ชีวิตไม่เป็นหลักแหล่ง ลอยไปลอยมา ตอนนี้ได้ย้ายเข้ามาทำรัฐวิสาหกิจแล้วครับ เงินเดือนก็น้อยลง แต่มีเวลามากขึ้น
(ไม่เคยทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์เลย สวรรค์มาก ๆ) แต่ก็จะลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ ครับ หวังว่าอนาคตข้างหน้า ผมจะรวยยยยยยยยยย รวยโครตตตตต (หนังสือบอกว่าให้ think positive ไว้ก่อน เดี๋ยว inspiration มันมาเอง พอมันมา เราก็ทำตาฝัน เราต้องรวยยยยยย) หวังว่าจะมีเงินใช้ตอนเกษียณ ไม่ลำบากครับ
เรามาก้าวไปพร้อมกันครับ เราจะรวยยยย (มนุษย์เงินเดือนตัวน้อย ๆ ที่ยังไม่พร้อมจะเป็น start up นั่น คิดลบอีกแล้ววว)
ช่างมานนน เอาทีละเรื่องแล้วกัน
ขออนุญาตมาลงไว้เพื่อใช้ศึกษาเป็นแนวทางการลงทุนเล็ก ๆ ทั้งสำหรับคนที่ยังไม่เริ่ม ก็ควรเริ่มวันนี้
สำหรับคนที่ลงทุนกันอยู่ก็ขอให้โชคดีตลอดการเดินทางครับ (ถ้าเทขายหุ้น บอกด้วยนะครับ เดี๋ยวออกไม่ทัน ดอยแหง๋ม ๆ)
ในยุคทุนนิยม ที่เงินเฟ้อ พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ มูลค่าเงินก็ด้อยค่าลงไปเรื่อย ๆ ถ้าฝากกินดอกเบี้ย 0.5-1% มันคงไม่พอแน่ ๆ แค่หักค่าธรรมเนียมบัตรก็คงหมดแล้วครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ