[CR] EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 2::Singapore

ติดตามตอนอื่นๆได้ที่
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 0::การเตรียมตัว : http://ppantip.com/topic/33824688
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 1::Malaysia : http://ppantip.com/topic/33832841
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 3::Germany(Part1) : http://ppantip.com/topic/33999802
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 4::Austria : http://ppantip.com/topic/33999998
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 5::Hungary : http://ppantip.com/topic/34017218
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 6::Czech Republic :http://ppantip.com/topic/34029583
EU with 2 mens [ยุโรป+สิงคโปร์+มาเลเซีย:14วัน6ประเทศ]::Chapter 7::Germany(Part2) :http://ppantip.com/topic/34076250

Phase I : South East Asia (Malaysia+Singapore)

Chapter 2 : Little Singapore(ประเทศสิงคโปร์)

6 มิยุนายน 2558 : Keep walking Singapore
9.00น. เช้าวันนี้เราตื่นสายหน่อยเพราะไม่มีแผนการทำอะไรมากนัก ตอนสายๆผมตั้งใจว่าจะเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ หลังจากตื่นขึ้นมาผมส่องดูตัวเองในกระจก ก็พบว่าทรงผมยาวรกรุงรังมาก ผมจึงไปใช้บริการร้านตัดผมข้างๆโรงแรม


ณ ร้านตัดผม
ร้านตัดผมที่ประเทศมาเลเซียไม่มีอะไรแตกต่างจากร้านตัดผมบ้านเรา นอกเหนือจากว่าไม่มีใครตัดผมทรงยาวๆเลยครับ เหมือนว่าทุกคนจะตัดทรงเกรียนกันเป็นแฟชั่น //เริ่มวิตก
เมื่อถึงคิวผม จึงได้บอกช่างตัดผมว่า “Cut it off…A little bit” เชื่อไหมครับว่าช่างเข้าใจ และพยายามสื่อสารกับผมเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ผิดทรง (เป็นช่างตัดผมที่มารยาทดีมากๆ) ผ่านไป 20 นาทีก็ตัดผมเสร็จ ทรงที่ออกมาก็okครับ ราคาเพียง 10 ริงกิต //คนมาเลเซียพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนไทยส่วนมากนะครับในความรู้สึกของผม

เมื่อตัดผมเสร็จ พวกเราก็รับประทานอาหารเช้าเป็นโรตีกับชานมร้อนๆ(อีกแล้ว) แต่เจ้านี้ขายแพงกว่าเดิม เมื่อวานราคาโรตี+~ชานมเพียง 3.5 ริงกิต แต่วันนี้ราคาประมาณ 5 ริงกิตครับ
ข้างหน้าโรงแรมของเราเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในยะโฮบารูชื่อ “JB city Square” ภายในห้างมีอะไรหลายๆอย่างขายเหมือนห้างทั่วไปครับของประเทศเราครับ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ

12.00น. ตัดผม, ทานอาหารเช้าและเดินรอบๆห้างจนเสร็จเรียบร้อย เราก็พร้อมที่จะเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ครับ
เราเข้าไปในตัวอาคารของ JB Sentralแล้วหาป้ายเขียนว่า “Woodland” เพื่อผ่านด่านออกประเทศมาเลเซียแล้วจึงนั่งรถบัสข้ามสะพานที่ทอดสู่ประเทศสิงคโปร์

ด้านขวาบนเป็นป้ายเขียนว่าWoodland

เมื่อผ่านด่านมาถึงสิงคโปร์ จากWoodlandซึ่งเป็นด่านติดมาเลเซ๊ยของสิงคโปร์ เราก็นั่งรถบัสไปลงใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Bugis และจากสถานีรถไฟใต้ดินBugis เรานั่งรถไฟสายสีเขียวมา3ป้ายก็จะมาลงที่สถานี Aljunied ซึ่งอยู่ใกล้ๆโรงแรมครับ

เดินจากสถานี Bugisมาประมาณ 800เมตร ผ่านร้านค้า ร้านโชห่วยและร้านขายผลไม้จำนวนมากก็จะเจอโรงแรมที่พักในคืนนี้

ด้านหน้าโรงแรม Fragrance Ruby

โรงแรมในคืนนี้ชื่อ “Fragrance Ruby” เป็นโรงแรม 2 ดาว //ภายในโรงแรมตกแต่งดูดี ทันสมัย//แต่เหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้ในวันรุ่งขึ้น

15.30 หลังจากที่ผมCheck-in ซักผ้า (หากใครจะไปเที่ยวหลายๆวันนแนะนำว่าให้ซักผ้าเป็นระยะๆ) ทำกิจธุระทุกอย่างจนเสร็จสิ้น ผมก็ออกเดินทางไป Orchard ถนนสายShoppingของสิงคโปร์ ระหว่างทางผมได้หาข้าวเที่ยวกินก่อน
เราเดินผ่านศูนย์อาหารแห่งหนึ่งจึงตัดสินใจเข้าไปรับประทาน (เกร็ดเพิ่มเติม: ร้านอาหารส่วนใหญ่ในสิงคโปร์จะอยู่รวมกันเป็นศูนย์อาหารเนื่องจากที่ดินที่มีราคาแพงจึงไม่สามารถเปิดเป็นร้านค้าเดี่ยวๆได้)
ณ ศูนย์อาหารแห่งนี้ผมรับประทานบะหมี่เป็ดย่าง ส่วนรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง อร่อยมากก ราคาเพียง 3.8 ดอลล่าสิงคโปร์ (1ดอลล่าสิงคโปร์ ประมาณ 25 บาท)
]
อาหารจีนในสิงคโปร์อร่อยทุกอย่างเลยครับ

เพิ่มเติม : ตั๋วรถไฟใต้ดินในสิงคโปร์หลังจากการซื้อครั้งแรกให้เก็บบัตรที่เป็นกระดาษไว้ เพราะหากนำบัตรเดิมมาเติมเงินซื้อเที่ยวรถไฟในครั้งหน้าจะได้รับส่วนลด 10 cent

ตั๋วรถไฟใต้ดินหน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ เป็นทั้งกระดาษและใช้ได้หลายรอบ//ลดโลกร้อนจริงๆ

16.30น. เรามาถึง ถนนOrchard แต่เนื่องด้วยผมไม่ค่อยสันทัดเรื่องการShoppingและBrand name หรืออะไรพวกนั้น จึงปล่อยให้เพื่อนผมเป็นคนเดินนำ
สินค้าทุกอย่างในถนนOrchardนั้นหรูหราและมีราคาแพงเกินกำลังทรัพย์ แต่มี1อย่างที่คุณสามารถซื้อได้ในราคา 1.2 ดอลล่า นั้นก็คือ ไอศกรีมแซนวิส ซึ่งมีเปิดขายริมถนนอยู่ทั่วๆไป (มีเยอะมากๆ หลายเจ้า) นอกจากนี้ยังมีเทศกาลหุ่นGundamมาจัดแสดงอยู่บนถนนคนเดินนี้//แต่ผมก็ไม่ใช่แฟนกันGundamอีกนั้นละครับ แต่ก็มีอย่างอื่นให้ดูอีกหลายๆอย่างครับ

ถนนคนเดินที่คนพลุกพล่านมาก ถนนOrchard

ไอศกรีมราคา 1.2 ดอลล่า

17.30น. จากถนนOrchardเรามุ่งหน้าไป Garden by the Bay อีก1ไฮไลซ์ของประเทศสิงคโปร์ (บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่ ที่มีทั้ง Helix Bridge, Garden by the Bay, และMarina bay Sand [โรงแรมที่โดดเด่นที่สุดในสิงคโปร์มีลักษณะเป็นตึก3ตึกเชื่อมกันด้านบน])

ภาพMarina Bay Sand

ลงรถไฟที่สถานีBay Front ก็จะเข้าสู่ห้างที่ชั้นล่างมีบ่อน้ำให้เรือกอนโดล่าแหวกว่ายเวียนวนอยู่ครับ หลังจากนั้นเราก็เดินออกจากห้าง แล้วเดินต่อมาไม่นานตามทางก็จะเข้าสู่ดินแดนอันกว้างใหญ่ของGarden by the Bay //สวนเทียมขนาดใหญ่จนไม่รู้ว่าควรจะเดินไปทางไหน//เอาเป็นว่าเดินไปเรื่อยๆละกัน ในสวนแห่งนี้จะแบ่งออกเป็นโซนๆย่อยๆ มีทั้งสวนจีน สวนอินเดีย สวนเด็กเล่น สวนดอกไม้ สารพัดสวน โดยสิ่งก่อสร้างตรงกลางที่ดูคล้ายต้นไม้ยักษ์ก็คือ “Super Groove Tree” เป็นAttraction Point ที่ทุกคนจะต้องมาถ่ายรูปด้วย ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ถ่ายรูปกับมัน…….เพราะเราลืม 55
ถึงแม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของGarden By the Bay นั้นเข้าชมได้ฟรี แต่จะมีโดมกระจกอยู่2หลังที่ต้องเสียเงินเข้าชม ซึ่งเพื่อนผมเคยเข้าไปข้างในและบอกว่าไม่คุ้มเงินค่าเข้าเท่าไหร่นัก พวกเราจึงเดินเลยออกไปทางด้านหน้าของสวนเพื่อไปยัง Marina Barrage อาคารที่สามารถขึ้นไปบนหลังคาเพื่อชมวิว Panorama ของGarden by the Bay ได้

สวนน้ำเด็กเล่นฟรี ผู้ใหญ่เล่นดี

วิวจากด้านบน Marina Barrage

บนหลังคาของ Marina Barrage ถูกปูด้วยพื้นหญ้า ทำให้มีคนมานั่งปิกนิก บางคนก็มาเล่นว่าว อีกหลายคนก็มาเล่นโยนจานร่อน เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับครอบครัวที่ดีครับ

ลงจาก Marina Barrage เราเดินไปดูต้นไม้เทียมยักษ์ Groove Tree ซึ่งเมื่อมองใกล้ๆจะเห็นว่าบนตัวต้นไม้มีการปลูกดอกไม้เกาะอยู่กับพื้นผิวในแนวตั้ง ไฟที่ช่วยเสริมความอลังการของGroove treeจะเปลี่ยนสีตลอดเวลาและบ้างช่วงเวลาก็จะมีการจัดแสดงเล่นแสงสีที่นี้(ซึ่งช่วงนี้Groove tree มีการแสดงไฟอยู่ พวกผมอยู่บนMarina Barrageทำให้ลงไปดูใกล้ๆไม่ทันTT)

Secret Garden (Groove Tree มีฉากหลังเป็น Marina Bay Sand)

19.40น. จากGarden by the Bay เราเดินไป Helix Bridge แล้วจึงเดินข้าม Helix Bridge สะพานที่สร้างเลียนแบบเกลียวของ DNA ทอดเชื่อมระหว่าง Marina centreและMarina south

ด้านบน Helix Bridge

เมื่อข้าม Helix Bridge ไปเราก็จะเจอ จุดถ่ายภาพยอกฮิตที่มองเห็นทั้ง Helix Bridge และ Marina Bay Sand และ ตัวเมืองสิงคโปร์ ที่ดูแต่งแต้มด้วยแสงไฟในยามวิกาล

สะพานสีฟ้าๆทางด้านซ้าย คือ Helix Bridge ครับ Marina Bay Sandอยู่ตรงกลาง

วิวตัวเมืองครับ

เดินริมฝั่งแม่น้ำไปเรื่อยๆ ก็ถึงเวลาแสดงโชว์LaserของMarina Bay Sand พอดี (ไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่)// หากเดินต่อไป ก็จะพบว่าข้างทางก็มีเวทีแสดงโชว์ตลก //ขณะนี้แสดงโชว์มวยไทยพอดี (แอบแค้นเล็กน้อย เอามวยไทยมาล้อเล่นได้อย่างไร55)

เมื่อเดินไปจนสุดทางก็จะมีสะพานข้ามไปชม Merlion อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์
ขณะนี้ Singapore กำลังจัดการแข่งขันกีฬา Seagame อยู่พอดี ทำให้มีคนหลายเชื้อชาติมาเยี่ยมเยียนประเทศนี้บรรยากาศจึงคึกคัก ซึ่งสิงคโปร์ก็ได้สร้างสนามฟุตบอลลอยน้ำเพื่อใช้ในการแข่งขันด้วย

Merlion สัญลักษณ์ที่มีมาเนิ่นนานของสิงคโปร์

21.30น. เรานั่งรถไฟใต้ดินกลับไปAljunied เพื่อรับประทานอาหารเย็นและกลับที่พัก ข้าวเย็นในวันนี้ของผมเป็นข้าวหมูแดงหมูกรอบ ราคา 4 ดอลล่า
รอบๆโรงแรมของเรานั้นเรียกว่าย่านGeylang ซึ่งก็คือ Red light Districtนั้นเอง โรงแรมจึงมีราคาถูก (ใครสงสัยว่า red light district คืออะไรไปหากันเอาเองนะครับ)


ข้าวหมูแดงหมูกรอบกิบกับStarbuckที่ซื้อจากseven-eleven (หวานเกินไป =.= )

ย่าน Geylang
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ชื่อสินค้า:   Europe&AlittleSEA
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่