The Loft เป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรมที่รีเมคมาจากหนังเบลเยี่ยมชื่อ Loft ซึ่งออกฉายในปี 2008 ฉบับฮอลลีวู้ดกำกับโดย เอริก แวน ลูย และได้นักแสดงหนุ่มๆอย่าง เจมส์ มาร์สเดน, เวนเวิร์ธ มิลเลอร์ และ คาร์ล เออเบิร์น มารับบทนำ
หนังเล่าถึงเรื่องของ วินเซนท์ , คริส , ลุค , ฟิลิป และ มาร์ตี้ ห้าหนุ่มเพื่อนซี้ที่ตกลงเช่าห้องลับร่วมกันเพื่อใช้เป็นที่แอบพาสาวมานอนด้วย โดยมีกฏว่าจะต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้ภรรยาของพวกเขารู้ แต่ต่อมากลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อในเช้าวันหนึ่งมีศพของสาวผมบลอนด์นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง
ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่าเธอ ทั้ง5คนเกิดความหวาดระแวงกันเอง กลัวตำรวจจะรู้เรื่อง และที่กลัวไม่แพ้กันคือภรรยาของพวกเขา และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความลับต่างๆของกลุ่มเพื่อนก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละคน พวกเขาแฉพร้อมทั้งกล่าวหากันเองไปมา แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นฆาตกร
มากกว่าการหาความสำราญชั่วครู่ The Loft คือห้องแห่งความลับที่ผู้ชายพยายามเป็นใหญ่หรือคิดว่าตัวเองเหนือกว่าผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ กลัวหัวหดว่าเมียจะรู้ อีกด้านหนึ่งบางทีมันอาจเป็นเกมเพื่อความสนุกของหนุ่มเจ้าสำราญที่เล่นกับสาวจอมมารยา แม้ว่าปมสืบสวนของหนังจะน่าติดตาม มีประเด็นเสียดสีสังคมนิดๆ โดยเฉพาะปัญหาการนอกใจของหัวหน้าครอบครัวในสังคมอเมริกัน
หนังใช้วิธีเล่าเรื่องแบบมีชั้นเชิงพอสมควร ย้อนเอาตอนท้ายมาเปิดเรื่อง ตัดสลับกับเหตุการณ์ในอดีต ขายฉากวาบหวิวเบาๆ กระนั้นกลับมีปัญหาในเรื่องบทที่ขาดความสมจริง โดยเฉพาะในพาร์ทความรักกับครอบครัว อาทิ ตัวละครคริสที่หลงรักสาวชั่วข้ามคืนแบบหัวปักหัวปำจนถึงขั้นยอมทิ้งลูกทิ้งเมีย พฤติกรรมของวินเซนท์ซึ่งโจ่งแจ้งโฉ่งฉ่างแต่ภรรยาของเขากลับจับไม่ได้(หรืออาจจับได้แต่ไม่พูด) รวมถึงความบ้าบิ่นของฟิลิปที่เกินลิมิตไปนิด ไม่ว่าจะฉากบีบไข่เพื่อนกลางงานแต่งงานตัวเอง อัดคนอื่นในงานเลี้ยง
จุดนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่หนังปูพื้นตัวละครนำน้อยเกินไป เราได้รู้ข้อมูลเพียงแค่ชื่อกับอาชีพของพวกเขาทั้งนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาหลายคนกับภรรยาก็คลุมเครือ ไม่ชัดเจน คนดูไม่เชื่อสถานะของตัวละครจึงไม่มีการลุ้นเอาใจช่วยใคร ประเด็นดราม่าชีวิตคู่ก็บางเบาขาดนํ้าหนัก หนังเดาทางได้ยากก็จริง แต่การหักมุมซํ้าแล้วซํ้าเล่าบ่อยเกินไปก็ส่งผลเสียในแง่ของการขาดจุดพีคหรือไฮไลต์ ด้านบทสรุปไม่ค่อยคลี่คลาย มีช่องโหว่ ถึงหนังจะจบแล้วก็ยังมีข้อสงสัยทิ้งไว้มากมาย
นักแสดงที่ขาดสเน่ห์ก็ทำให้ความเข้มข้นของหนังลดลง คาร์ล เออเบิร์น กับบท วินเซนท์ เป็นหนุ่มเพลย์บอยที่ดูดี แววตามีความเจ้าเล่ห์แต่ก็ไม่ดึงดูดสายตาผู้ชมมากพอ เขาโกหกไม่เนียน ซํ้ายังเล่นไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ในบทรองๆกับ Riddick , Star Trek หรือ The Lord of the Rings เขากลับโดดเด่นมากกว่า ขณะที่ เจมส์ มาร์สเดน ที่เล่นเป็น คริส การแสดงดร็อปลงไปเยอะ ทื่อมะลื่อ ไร้ชีวิตชีวา แทบจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยรับบท สก็อต ซัมเมอร์ ใน X Men มีเพียง เวนเวิร์ธ มิลเลอร์ (จากซีรี่ย์ Prison Break) ซึ่งแสดงเป็น ลุค เท่านั้นที่เล่นได้น่าสนใจ ตัวละครนี้มีความซับซ้อนระดับหนึ่ง ซึ่งเขาปรับบุคลิกได้เหมาะกับบท ลุค ถ่ายทอดอารณ์ได้ดี ดูมีลับลมคมนัยเข้ากับบรรยากาศของหนัง
The Loft นำเสนอเล่ห์เหลี่ยมกับความเห็นแก่ตัวของเพศชาย และ ความเซ็กซี่กับความน่ากลัวของเพศหญิง ทว่าการขาดหายไปของพลังทางการแสดง รวมถึงความอ่อนแอของบท ทำให้มันกลายเป็นหนังอีกเรื่องซึ่งทำออกมาแล้วล้มเหลว แย่กว่าหนังต้นฉบับ
คะแนน 6.5/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต
https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
รีวิวหนัง : The Loft ห้องแห่งความลับ
The Loft เป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรมที่รีเมคมาจากหนังเบลเยี่ยมชื่อ Loft ซึ่งออกฉายในปี 2008 ฉบับฮอลลีวู้ดกำกับโดย เอริก แวน ลูย และได้นักแสดงหนุ่มๆอย่าง เจมส์ มาร์สเดน, เวนเวิร์ธ มิลเลอร์ และ คาร์ล เออเบิร์น มารับบทนำ
หนังเล่าถึงเรื่องของ วินเซนท์ , คริส , ลุค , ฟิลิป และ มาร์ตี้ ห้าหนุ่มเพื่อนซี้ที่ตกลงเช่าห้องลับร่วมกันเพื่อใช้เป็นที่แอบพาสาวมานอนด้วย โดยมีกฏว่าจะต้องเก็บเป็นความลับไม่ให้ภรรยาของพวกเขารู้ แต่ต่อมากลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อในเช้าวันหนึ่งมีศพของสาวผมบลอนด์นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง
ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่าเธอ ทั้ง5คนเกิดความหวาดระแวงกันเอง กลัวตำรวจจะรู้เรื่อง และที่กลัวไม่แพ้กันคือภรรยาของพวกเขา และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ความลับต่างๆของกลุ่มเพื่อนก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละคน พวกเขาแฉพร้อมทั้งกล่าวหากันเองไปมา แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นฆาตกร
มากกว่าการหาความสำราญชั่วครู่ The Loft คือห้องแห่งความลับที่ผู้ชายพยายามเป็นใหญ่หรือคิดว่าตัวเองเหนือกว่าผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ กลัวหัวหดว่าเมียจะรู้ อีกด้านหนึ่งบางทีมันอาจเป็นเกมเพื่อความสนุกของหนุ่มเจ้าสำราญที่เล่นกับสาวจอมมารยา แม้ว่าปมสืบสวนของหนังจะน่าติดตาม มีประเด็นเสียดสีสังคมนิดๆ โดยเฉพาะปัญหาการนอกใจของหัวหน้าครอบครัวในสังคมอเมริกัน
หนังใช้วิธีเล่าเรื่องแบบมีชั้นเชิงพอสมควร ย้อนเอาตอนท้ายมาเปิดเรื่อง ตัดสลับกับเหตุการณ์ในอดีต ขายฉากวาบหวิวเบาๆ กระนั้นกลับมีปัญหาในเรื่องบทที่ขาดความสมจริง โดยเฉพาะในพาร์ทความรักกับครอบครัว อาทิ ตัวละครคริสที่หลงรักสาวชั่วข้ามคืนแบบหัวปักหัวปำจนถึงขั้นยอมทิ้งลูกทิ้งเมีย พฤติกรรมของวินเซนท์ซึ่งโจ่งแจ้งโฉ่งฉ่างแต่ภรรยาของเขากลับจับไม่ได้(หรืออาจจับได้แต่ไม่พูด) รวมถึงความบ้าบิ่นของฟิลิปที่เกินลิมิตไปนิด ไม่ว่าจะฉากบีบไข่เพื่อนกลางงานแต่งงานตัวเอง อัดคนอื่นในงานเลี้ยง
จุดนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่หนังปูพื้นตัวละครนำน้อยเกินไป เราได้รู้ข้อมูลเพียงแค่ชื่อกับอาชีพของพวกเขาทั้งนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาหลายคนกับภรรยาก็คลุมเครือ ไม่ชัดเจน คนดูไม่เชื่อสถานะของตัวละครจึงไม่มีการลุ้นเอาใจช่วยใคร ประเด็นดราม่าชีวิตคู่ก็บางเบาขาดนํ้าหนัก หนังเดาทางได้ยากก็จริง แต่การหักมุมซํ้าแล้วซํ้าเล่าบ่อยเกินไปก็ส่งผลเสียในแง่ของการขาดจุดพีคหรือไฮไลต์ ด้านบทสรุปไม่ค่อยคลี่คลาย มีช่องโหว่ ถึงหนังจะจบแล้วก็ยังมีข้อสงสัยทิ้งไว้มากมาย
นักแสดงที่ขาดสเน่ห์ก็ทำให้ความเข้มข้นของหนังลดลง คาร์ล เออเบิร์น กับบท วินเซนท์ เป็นหนุ่มเพลย์บอยที่ดูดี แววตามีความเจ้าเล่ห์แต่ก็ไม่ดึงดูดสายตาผู้ชมมากพอ เขาโกหกไม่เนียน ซํ้ายังเล่นไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้ในบทรองๆกับ Riddick , Star Trek หรือ The Lord of the Rings เขากลับโดดเด่นมากกว่า ขณะที่ เจมส์ มาร์สเดน ที่เล่นเป็น คริส การแสดงดร็อปลงไปเยอะ ทื่อมะลื่อ ไร้ชีวิตชีวา แทบจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยรับบท สก็อต ซัมเมอร์ ใน X Men มีเพียง เวนเวิร์ธ มิลเลอร์ (จากซีรี่ย์ Prison Break) ซึ่งแสดงเป็น ลุค เท่านั้นที่เล่นได้น่าสนใจ ตัวละครนี้มีความซับซ้อนระดับหนึ่ง ซึ่งเขาปรับบุคลิกได้เหมาะกับบท ลุค ถ่ายทอดอารณ์ได้ดี ดูมีลับลมคมนัยเข้ากับบรรยากาศของหนัง
The Loft นำเสนอเล่ห์เหลี่ยมกับความเห็นแก่ตัวของเพศชาย และ ความเซ็กซี่กับความน่ากลัวของเพศหญิง ทว่าการขาดหายไปของพลังทางการแสดง รวมถึงความอ่อนแอของบท ทำให้มันกลายเป็นหนังอีกเรื่องซึ่งทำออกมาแล้วล้มเหลว แย่กว่าหนังต้นฉบับ
คะแนน 6.5/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie