[CR] โรงแรมจักรยาน Onomichi U2 และสวรรค์แห่งนักปั่น Shimanami Kaido (1/2)

หลังจากเห็นชื่อกับคอนเซปงาน Eco Slow Marathon ที่ชิบะ ประกอบกับโรงแรมและเส้นทางปั่นจักรยาน ที่ฮิโรชิม่า ก็เกิดอยากไปขึ้นมาทันที เลยชวนเพื่อนอีก 4คนว่าไปวิ่ง-ปั่น ชมซากุระกันมั๊ย??  ไม่คิดว่าจะใจง่ายกันขนาดนี้ ทุกคนตอบแบบไม่คิดทันทีว่า “จัดไป เมื่อไหร่ จะได้ลางานเลย!!”

ดูจากแผนที่จะเห็นว่า Hiroshima อยู่ค่อนลงมาทางล่างของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Chugoku Region หลังจากวิ่งที่ชิบะเสร็จ เราเลยแวะเที่ยวที่ Osaka กันก่อนแล้วถึงเดินทางไป Hiroshima

ตรงนี้ขอข้ามในส่วนการเดินทาง มาราทอน กินและเที่ยวอื่นๆมาที่ทริปปั่นเลยละกันนะคะ เนื่องจากมีหลายคนที่รู้ว่าพวกเราไปปั่นถามมา และมีคนบอกว่ารอดูรูปใน facebook ดูจนจบอัลบั๊มยังไม่เห็นมันอธิบายเส้นทางซะที (-. - !)

โรงแรมนักปั่น Onomichi U2

จากโกดังถูกแปลงโฉมมาเป็นโรงแรม bicycle-friendly แห่งแรกของโลก อยู่ที่เมือง Onomichi ในจังหวัด Hiroshima


จุดเด่นคือเราสามารถปั่นจักรยานไปได้ในทุกส่วนของโรงแรม ตั้งแต่เคานเตอร์ check in ไป Cafe ก็ไม่ต้องลงจากจักรยานเหมือนพวก drive-thru แต่อันนี้เป็น Cycle-thru จนถึงห้องนอนที่มีที่แขวนจักรยานอยู่ปลายเตียงให้เราได้นอนชื่นชมจักรยานคันงามของ เราตลอดเวลา เรียกว่าคลั่งกันให้พอ!!

จองโรงแรมยังไง แพงมั๊ย??

หลังจากสรุปวันได้แล้วก็ส่ง email โดยตรงไปที่  info@onomichi-u2.com ได้เลย รอเค้าคอนเฟิร์มกลับ ไม่ต้องมัดจำอาศัยความรับผิดชอบและเชื่อใจกัน (แนะนำว่าควรจองล่วงหน้าเนื่องจากทั้งหมดมีแค่ 28ห้อง ถ้ามีกรุ๊ปมาลงอาจจะเต็ม)

ห้องพักมีแบบเดียวไม่ว่าจะนอนเดี่ยวหรือนอนคู่ คือเป็น Twin Room 2เตียง แบ่งตามขนาดเป็น
  - Deluxe 26ตรม. ประมาณ ¥23,760 หรือ 7,000บาท (รวมภาษีแล้ว)
  - Standard 20ตรม. ประมาณ ¥18,360 หรือ 5,500บาท (รวมภาษีแล้ว)
ราคานี้ถ้านอนคนเดียวก็หาร 2 อย่างตอนที่เราไปจองเป็น Single Use(นอนคนเดียว)  3ห้อง คิดห้องละ ¥ 11,664 กับ Twin use(นอน2คน)  1ห้องคิด  ¥22,248 (รวมค่าอาหารเช้า ¥1404 ต่อหัวแล้ว)


จะเลือกแบบไม่เอาอาหารเช้าก็ได้ แต่แนะนำว่าเอาเถอะ คุ้มมาก ขนมปังที่นี้อร่อยน้ำตาไหลทุกอย่างเลย!!

เวลา Check-in ตั้งแต่ 15:00 น. Check-out เที่ยง

Hiroshima มีอะไรให้เที่ยวอีกบ้าง??
สถานที่ท่องเที่ยวหลัก เช่น Hiroshima Peace Memorial Park, Atomic Bomb Dome, ศาลเจ้าลอยน้ำ Itsukushima Shrine บนเกาะ Miyajima, ภูเขา Misen ก็ขออนุญาตข้ามไปอีกเช่นกัน เนื่องจากมีรีวิวจากเซียนใน Pantip อยู่เยอะมากลองหาอ่านดูนะคะดีๆทั้งนั้นเลย

ไปเดือนไหนดี??
  - Spring เดือนมีนา-เมษา ช่วงซากุระบานก็จะสวย กลับมารูปเพียบแน่ อากาศอาจจะหนาวนิดนึงสำหรับคนไทยและอาจจะแปรปรวนมีฝนตกได้ เหมือนตอนที่เราไปก็เจอฝนทั้งตอนวิ่งและตอนปั่นเลยแต่โชคดีที่ไม่หนักมาก อาจจะต้องเช็คอากาศวันปั่นกันดีๆ (ควรเตรียมเสื้อกันลมกันฝนไปเผื่อด้วย)
  - Summer เดือน มิถุนา-กรกฎา (ร้อนสุดประมาณสิงหา) อากาศน่าจะเหมาะกับเราที่ปั่นกลางแดดกันเป็นประจำ แต่ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ปั่นช่วงอากาศเย็นๆก็สนุกไปอีกแบบ
  - Autumn เดือนกันยา-ตุลา ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็สวย แต่ก็หนาวพอสมควรเลย ปั่นนานๆอาจจะต้องเตรียมชุดให้พร้อม  

คำถามยอดฮิต เดินทางยังไง??
ง่ายและสะดวกมากเข้าไปที่ www.hyperdia.com (สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าซื้อ JR Pass คุ้มไม่คุ้มก็ลองเข้าไปคำนวณค่าเดินทางทั้งหมดในนี้ดูก็ได้)


เลือกสถานีต้นทาง-ปลายทาง วัน เวลา ประเภทรถไฟ (ถ้าใช้ JR Pass ให้ติ๊กช่อง Nozomi/Mizuho/Hayabusa (shikansen) ออก

เว็บก็จะแนะนำเส้นทางให้ ก็ลองเลือกดูบางอันเร็ว บางอันแพง(ถ้าใช้ JR pass ก็ไม่ต้องสนใจ) บางอันต้องเปลี่ยนหลายสาย(ถ้าไม่ชำนาญทางแนะนำว่าเลือกที่เปลี่ยนน้อยๆ)

เกิดพลาดไปไม่ทันตามที่แพลนไว้ก็ไม่ต้องตกใจ ถ้าตารางเราไม่ fix มากก็เลือกเวลาใหม่เส้นทางใหม่เอา เรา 5คนก็พลาดไปหลายรอบ (-. - )


คร่าวๆจากโอซาก้าไปถึง Onomichi Station ก็ประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง เดินไปโรงแรมอีก 5นาที

หรือถ้ากระเป๋าใหญ่ ของเยอะ ขี้เกียจเดินก็ไปลง Shin-Onomichi Station (ประมาณ 2ชั่วโมงครึ่งเหมือนกัน) แล้วต่อแท็กซี่ไปอีก 15นาที 2-3คนหารกันก็ไม่แพงเลย


ออกจากสถานี Onomichi Station เดินไปทางขวา ข้ามถนนและเลาะริมทะเลไปเรื่อยๆไม่ถึง 5นาทีก็จะเห็นโรงแรมจักรยาน Onomichi U2

จักรยานหละ ต้องเอาไปเองรึป่าว??
สำหรับคนที่อยากปั่นจริงจังกับจักรยานคู่ใจก็ขนมาเองได้เลย หรือจะเช่าเอาก็ได้


โดยที่โรงแรมจะมีให้เลือก 2 ยี่ห้อ
  - เสือหมอบ Colnago คันละ ¥6,480(ประมาณ 2,000บาท)
  - เสือภูเขา Giant  ¥5,400 (ประมาณ 1,600บาท)
ราคานี้คือต่อ 1วัน รวมหมวก Kabuto, ไมล์ Cateye,  ไฟ, กระดิ่ง, สายล๊อค และเซทเบาะให้ตามความสูงที่เราต้องกรอกในใบข้อมูลของแต่ละคน พร้อมเจ้าหน้าที่สาวแนะนำเส้นทางและการใช้จักรยานให้


ที่สำคัญคือ เกียร์ที่นี้จะต่างจากเมืองไทยคือ เบรกหน้าอยู่ขวา เบรกหลังอยู่ซ้าย!!

ถ้ารู้สึกว่าค่าเช่าแพงเกิ้น อยากขี่แค่เล่นๆ สามารถเช่าที่สถานีเช่าจักรยานข้างๆโรงแรมได้ในราคาแค่ ¥500-800(ประมาณ 150-240บาท) +มัดจำ ¥1000 มีให้เลือกทั้งจักรยานแม่บ้าน จักรยานไฟฟ้า จักรยาน2ตอน และอื่นๆ (เห็นว่าไม่มีหมวกให้แต่สามารถขี่ได้อย่างปลอดภัย)

กรณีที่ปั่นไม่ไหว, อยากไปที่อื่นต่อ, ฝนตก สามารถคืนจักรยานที่สถานีเช่าอื่นอีก 13สถานีแล้วนั่ง ferry กลับก็ได้ (ถ้านั่ง shutter bus กลับจะเอาจักรยานขึ้นไม่ได้ ยกเว้นจักรยานพับ ส่วนจักรยานไฟฟ้าและจักรยาน2ตอนต้องคืนที่สถานีเช่าเดิมเท่านั้น) กรณีคืนที่ต่างเกาะกับที่เช่ามาจะไม่ได้มัดจำคืนนะ

รายละเอียดสถานีเช่าและอื่นๆ
http://www.go-shimanami.jp/global/english/bicycle/

แต่ถ้าเช่าจักรยานของโรงแรม U2 ต้องเอากลับมาคืนที่โรงแรมนะ!! (ใครที่ปั่นไปไกล อย่าลืมเผื่อเวลามาให้ทัน ferry รอบสุดท้าย!!)

และจุดสำคัญ เส้นทางปั่น??

และเส้นทางที่เราจะไปปั่นมีชื่อว่า Shimanami Kaido (แปลว่า shima เกาะ – nami คลื่น – kai ทะเล – do ถนน) โดยในเส้นทางนี้จะมีสะพาน 6 อัน เชื่อมเกาะ 7เกาะคือ Mukaishima, Innoshima, Ikuchijima, Omishima, Hakatajima, Oshima และ Imabari ทั้งหมดเข้าด้วยกัน เป็นระยะทางจักรยาน(ขาเดียว) รวม 70 กิโลเลยทีเดียว (ส่วนเส้นทางรถจะอยู่ที่ 60กิโล)


สามารถดาว์นโหลดแผนที่ชัดๆและแผ่นพับได้ที่ www.go-shimanami.jp/download/cycling/cycling_map_en.pdf? (ที่โรงแรมกับสถานีเช่าจักรยานก็มีแจกให้)

เส้นทางจะแบ่งเป็น Recommended, Intermediate และ Advance Route ตามสีเส้นประในแผนที่
ของเราเอาแค่สวยๆ และพักชิวตามจุดต่างๆได้สบายๆ เลยเลือก Recommended Route แบบ 3เกาะ ไป-กลับรวม 73โลคิดว่าน่าจะกำลังพอดี


หลังจากเจ้าหน้าที่เตรียมจักรยานสีสันสดใสบวกการแต่งตัวราว Power Rangers พร้อมถ่ายรูปให้เสร็จเราก็เริ่มปั่นเลาะทะเลเหมือนจะไปสถานีรถไฟ นิดเดียวก็จะเจอท่าเรือข้ามฟาก


ค่าข้ามคนรวมจักรยานคนละ ¥100 (พกเหรียญ ¥100 กับ ¥50 ไปด้วย เพราะต้องใช้ทั้งตอนข้ามเฟอรี่และข้ามสะพานต่างๆ ถ้ากะปั่นถึงเกาะสุดท้ายก็เตรียมไปซักอย่างละ 10เหรียญ)


ข้ามไปถึงก็ตามปั่นคนญี่ปุ่นไปจนเจอถนนหลัก ตอนแรกก็กังวลว่าไปงัยต่อ ต้องตามเค้าตลอดหรือแวะดูแผนที่เป็นระยะดีฟระ?  แต่ด้วยความฉลาดและใส่ใจในรายละเอียดของคนญี่ปุ่น เส้นทาง Recommended Route เค้าจะมีเส้นสีน้ำเงินที่พื้นให้เราปั่นตามได้ตลอดทาง ดีงามและง่ายสุดๆ!!

ถนนหนทางดี รถน้อย มีรถใหญ่บ้าง มีทางเฉพาะสำหรับจักรยานด้วย ปั่นแล้วไม่ต้องตาแตกหน้าซีดเหมือนปั่นในบ้านเรา


ทางส่วนใหญ่เป็นทางราบ จะมีตามจุดที่จะขึ้นสะพานข้ามเกาะที่จะต้องขึ้นเนินขึ้นเขาอยู่พอสมควร แต่เห็นจักรยานแม่บ้านเค้าก็ปั่นขึ้นกันได้ไม่ลำบากอะไร และทุกครั้งที่ข้ามสะพานอย่าลืมจ่ายค่าผ่านทางประมาณ ¥50-200 ต่อครั้งด้วย อันนี้เรา 4คนลืม!!  ต้องขออภัยประเทศญี่ปุ่นมา ณ.ที่นี้ด้วย ถ้าได้ไปอีกจะจ่ายคืนให้นะคะ (-/\ - )


ปั่นไปเรื่อยๆก็จะมีจุดพักที่แสนสะดวกสบายนั้นคือร้านสะดวกซื้อ Lawson ที่มีป้ายยินดีต้อนรับนักปั่น พร้อมบริการห้องน้ำ เติมน้ำ สูบลมได้ และในหน้าฝนหน้าหนาวก็เป็นที่พักตากฮีทเตอร์ได้ดีมากเลย


ข้างๆกันมีเพิงขายส้ม หลายพันธุ์มากๆ (ส้ม มะนาวเป็นของดังของที่นี้) คนขายใจดีแกะให้ชิมเรื่อยๆจนอิ่ม เลยซื้อกลับมากัน 2ถุง ไม่มีกระเป๋าก็ผูกมันเอาตรงแฮนด์พระโคนี่แหละ อย่าได้แคร์ (-. - )


วิวไม่ต้องพูดถึง สวยตื่นตาตื่นใจมากตลอดทาง สะพานยาวๆข้ามทะเลทำให้เราได้เห็นวิวเกาะและทะเล Seto Inland Sea กว้างใหญ่จากมุมสูง


และก็มาถึงจุดแวะพักถัดไปคือร้านไอศกรีมเจลาโต้โฮมเมดน่ารักเล็กๆ Dolce มีทั้งรสส้ม มะนาว เกลือทะเล และอื่นๆ (ซาลาเปาหมูสับเค้าก็อร่อยนะ) และเราก็ได้เจอกลุ่มพี่ๆคนไทยอัธยาศัยดี คุยกันเพลิน ; )


ปั่นไปเรื่อยๆ ถึงจุดแวะพักสุดท้าย Sunset Beach ตอนไปไม่มีคนเนื่องจากหนาวและฝนตก เห็นว่าหน้าร้อนคนจะมาอาบแดดกันเต็มหาด


ใกล้ๆกันก็มีซากุระแวะถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ เริ่มหนาวและกลัวฝนเลยปั่นกลับกันรวดเดียวแบบไม่พัก เพื่อน2คนหลงไปผิดท่าเรือ อันนี้ต้องดูทางดีๆนิดนึง เพราะช่วงออกจาก ferry มาถนนหลักกับขากลับ ferry มันไม่มีเส้นบอกทาง แต่ก็แค่ใกล้ๆ วกกลับมาได้ไม่ยาก

สรุปใช้เวลากันไปเกือบ 5ชั่วโมง กว่าจะลีลาออกจากโรงแรมก็ประมาณ 11โมง กลับมา 4โมงเย็น แช่น้ำอุ่น นอนพัก1ตื่น ; )

>> ยาวเกิน ขอไปต่อตอน 2 [CR] โรงแรมจักรยาน Onomichi U2 และสวรรค์แห่งนักปั่น Shimanami Kaido (2/2)
ppantip.com/topic/33836004

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ เป็นการรีวิวครั้งแรก หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ (-/\ - )
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่