ทุกวันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดินทางของคนประเทศเราหลักๆไม่ใช่แค่รถส่วนตัว แต่รวมถึงรถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ และที่ขาดไม่ได้และอยู่กับเรามาช้านานคือ รถเมล์และรถตู้นั่นเอง
รถเมล์
ทุกๆเช้า บางสายถึงกับต้องเบียดกันขึ้นและอัดเป็นปลากระป๋อง ล้นจนมาถึงบันไดทางขึ้นเลยทีเดียว มันเบียดแบบทรมาณทรกรรมมกว่ารถไฟฟ้ามากมายนัก เพราะต้องผจญกับรถติดด้วย จึงใช้เวลานานกว่าจะถึงจุดหมาย
บางคนพบเจอกับมนุษย์ป้า มนุษย์ลุง แย่งชิงกันเพื่อจะได้ครอบครองที่นั่งอันเป็นเหมือนสวรรค์ของมนุษย์รถเมล์
อีกทั้งยังต้องเจอกับมนุษย์แชท สังคมก้มหน้าที่ไม่สนไม่แคร์อะไรใดๆทั้งสิ้น แม้เบียดแค่ไหนก็บ่ยั่น ยิ่งได้นั่ง เล่นเย้ยคนยืนซะเลย
ยังไม่รวมถึงกระเป๋ารถเมล์ขาโหดกับวลีเด็ด "ชิดอีกพี่ ชิดอีก ข้างในเข้าได้เข้าเลยพี่ เดินไปหน่อย ให้คนตรงนี้มีที่ยืนบ้าง ส่วนใครยังไม่ได้จ่ายส่งมาเลยจ้า"
สุดท้ายกับลาสบอส "คนขับ"นั่นเอง ถ้าโชคดีเจอขับนุ่มก็ดีไป แต่ถ้าเจอนักขับ F1 เก่าก็เฮกันไป(หรือระทึกเกินไป) จะได้ถึงที่หมายเร็ว(ที่หมายโลกหน้า)
หากได้โหนราวรถเมล์แล้ว ทุกคนจะไม่ยอมห่างเหินจากเสาทั้ง 8 ต้นเป็นแน่ เพราะสะดวกกว่าชูแขนขึ้นโหนราว หลายคนได้ทักษะรูดเสามาจากการจับเสารถเมล์ที่ขับเร็ว เบรกกะทันหัน จึงได้สกิลนี้ไปโดยปริยาย
ที่น่าเบื่อคือมนุษย์สะพายเป้ ไม่รู้ว่าไม่ตั้งใจหรือขี้เกียจเอากระเป๋าไปไว้หน้าตัวเอง กระเป๋าบางคนราวกับแบกลูกระเบิด 10 kg ไว้ พองได้อีก เบียดคนยืนซ้อนเป็นอย่างมาก แต่เขาได้พื้นที่ยืนกว้างไปโดยปริยาย
ล่าสุดของผมตอนเดินทางไปฝึกงาน ขึ้น 134 ขาขึ้น อื้ม คนหรือรังผึ้ง พอขึ้นมาได้ซักพัก ถึงสถานที่ๆคนลงเยอะๆก็รู้สึกว่า "ในที่สุดก็จะได้นั่งซักที"
เข่าขวาหลุดต้นมกราคม ยังไม่ต่อดี) เมื่อเดินไปถึงที่หมายหรือสวรรค์ข้างหน้า มีมือมารมากั้นและทิ้งก้นลงทันที โอเค จบกันครับป้า
รถตู้
ถ้าให้พูดถึงรถตู้ คนขี้เมื่อยจะพออกพอใจกว่ารถเมล์ เพราะ
ยังไงก็ได้นั่ง แต่เดี๋ยวก่อน นั่งในที่นี้ก็มีมาตรฐานของชาวรถตู้เหมือนกันนะ
ขอยืมภาพจากเจ้าของภาพมาให้ทุกคนได้ดูอีกครั้ง
มันคือความจริงที่ทุกคนชาวรถตู้รู้กันที ตัวผมนั้น เนื่องจากมาฝึกถึงสยาม จำต้องนั่งรถเมล์มาลงพันธ์ทิพย์ก่อน แล้วต่อวินมาบุญครอง ก็เข้าคิวซื้อบัตรรถตู้ไป พอถึงเวลา เราก็เฮ จะได้ขึ้นซะที คิวก็โชว์อยู่ NO.4 ยังไงก็ได้ขึ้นไปเลือกที่นั่งคนที่ 4 แต่เจ้ากรรมกลั่นแกล้ง มวลมหาประชาราษฎร์ NO.5-NO.14 มาจากไหนไม่รู้ รวมพลังฝ่าความมั่นคงของคิวขึ้นรถ พังด่าน NO.1-NO.4 เข้ามาอย่างหน้าไม่อายแล้วแทรกตัวขึ้นไปสู่บริเวณสวรรค์เป็นอันดับแรก
ส่วนคนแรงน้อยแต่สกิลความพริ้วไหวเยอะก็เปลี่ยนเส้นทางไปที่ประตู้ข้างคนขับอย่างรวดเร็ว พร้อมปรับแอร์จ่อหน้าผมปลิวไสวเสมือนถ่ายโฆษณายาสระผม
สุดท้าย เราดูทรงแล้ว เอาวะ อย่างน้อยก็ได้นั่งตรงประตูที่สุดท้าย แต่เจ้ากรรม V.2 มีนางหนึ่งไม่ยอมขึ้นไปข้างใน แต่รอผมเข้าไปก่อน ! เพื่อที่ตนจะได้นั่งหน้าประตูเสียเอง มันเป็นอย่างนี้ไปแล้วสินะ
พอนั่งได้ซักพัก มนุษย์ป้านางหนึ่งเปิดวิทยุ FM จากมือถือเสียงดังราวโทรโข่งหมู่บ้านขึ้นมา ชาวรถตู้ระอาแต่มีวิธีรับมือไว้ล่วงหน้า โดยหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงกันเสียงวิทยุป้า มนุษย์ลุงข้างๆไอออกมาอย่างรุ่นแรง ปากเปิดไม่ปิดด้วยมือซักกะนิด คิดว่าอย่างเป็นซอมบี้แพร่เชื้อแก่ผู้ร่วมทางเป็นแน่
นั่งได้พักใหญ่ๆ หนุ่มข้างๆหลับลึก หัวโอนเอนไปมา เออดี เดี๋ยวนี้เอาเบาะพิงหัวออกหมดอีกรถตู้ เอนไม่พอ เอนมาทางไหล่ผมอีก ยังไม่พอขณะรถเลี้ยว หัวพลิกมาหน้าแทบจะชนกัน ปากก็หวอ น้ำลายไหลเยิ้มทีเดียว
แต่ก็นั่นแหละ
ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป...
เพื่อนๆเจอแบบไหนในแต่ละวัน แบบระอาแค่ไหน มาแชร์กันครับ
ชวนเล่า(บ่น)ประสบการณ์การขึ้นรถเมล์และรถตู้ในแต่ละวันของทุกคน
รถเมล์
ทุกๆเช้า บางสายถึงกับต้องเบียดกันขึ้นและอัดเป็นปลากระป๋อง ล้นจนมาถึงบันไดทางขึ้นเลยทีเดียว มันเบียดแบบทรมาณทรกรรมมกว่ารถไฟฟ้ามากมายนัก เพราะต้องผจญกับรถติดด้วย จึงใช้เวลานานกว่าจะถึงจุดหมาย
บางคนพบเจอกับมนุษย์ป้า มนุษย์ลุง แย่งชิงกันเพื่อจะได้ครอบครองที่นั่งอันเป็นเหมือนสวรรค์ของมนุษย์รถเมล์
อีกทั้งยังต้องเจอกับมนุษย์แชท สังคมก้มหน้าที่ไม่สนไม่แคร์อะไรใดๆทั้งสิ้น แม้เบียดแค่ไหนก็บ่ยั่น ยิ่งได้นั่ง เล่นเย้ยคนยืนซะเลย
ยังไม่รวมถึงกระเป๋ารถเมล์ขาโหดกับวลีเด็ด "ชิดอีกพี่ ชิดอีก ข้างในเข้าได้เข้าเลยพี่ เดินไปหน่อย ให้คนตรงนี้มีที่ยืนบ้าง ส่วนใครยังไม่ได้จ่ายส่งมาเลยจ้า"
สุดท้ายกับลาสบอส "คนขับ"นั่นเอง ถ้าโชคดีเจอขับนุ่มก็ดีไป แต่ถ้าเจอนักขับ F1 เก่าก็เฮกันไป(หรือระทึกเกินไป) จะได้ถึงที่หมายเร็ว(ที่หมายโลกหน้า)
หากได้โหนราวรถเมล์แล้ว ทุกคนจะไม่ยอมห่างเหินจากเสาทั้ง 8 ต้นเป็นแน่ เพราะสะดวกกว่าชูแขนขึ้นโหนราว หลายคนได้ทักษะรูดเสามาจากการจับเสารถเมล์ที่ขับเร็ว เบรกกะทันหัน จึงได้สกิลนี้ไปโดยปริยาย
ที่น่าเบื่อคือมนุษย์สะพายเป้ ไม่รู้ว่าไม่ตั้งใจหรือขี้เกียจเอากระเป๋าไปไว้หน้าตัวเอง กระเป๋าบางคนราวกับแบกลูกระเบิด 10 kg ไว้ พองได้อีก เบียดคนยืนซ้อนเป็นอย่างมาก แต่เขาได้พื้นที่ยืนกว้างไปโดยปริยาย
ล่าสุดของผมตอนเดินทางไปฝึกงาน ขึ้น 134 ขาขึ้น อื้ม คนหรือรังผึ้ง พอขึ้นมาได้ซักพัก ถึงสถานที่ๆคนลงเยอะๆก็รู้สึกว่า "ในที่สุดก็จะได้นั่งซักที"เข่าขวาหลุดต้นมกราคม ยังไม่ต่อดี) เมื่อเดินไปถึงที่หมายหรือสวรรค์ข้างหน้า มีมือมารมากั้นและทิ้งก้นลงทันที โอเค จบกันครับป้า
รถตู้
ถ้าให้พูดถึงรถตู้ คนขี้เมื่อยจะพออกพอใจกว่ารถเมล์ เพราะยังไงก็ได้นั่ง แต่เดี๋ยวก่อน นั่งในที่นี้ก็มีมาตรฐานของชาวรถตู้เหมือนกันนะ
ขอยืมภาพจากเจ้าของภาพมาให้ทุกคนได้ดูอีกครั้ง
มันคือความจริงที่ทุกคนชาวรถตู้รู้กันที ตัวผมนั้น เนื่องจากมาฝึกถึงสยาม จำต้องนั่งรถเมล์มาลงพันธ์ทิพย์ก่อน แล้วต่อวินมาบุญครอง ก็เข้าคิวซื้อบัตรรถตู้ไป พอถึงเวลา เราก็เฮ จะได้ขึ้นซะที คิวก็โชว์อยู่ NO.4 ยังไงก็ได้ขึ้นไปเลือกที่นั่งคนที่ 4 แต่เจ้ากรรมกลั่นแกล้ง มวลมหาประชาราษฎร์ NO.5-NO.14 มาจากไหนไม่รู้ รวมพลังฝ่าความมั่นคงของคิวขึ้นรถ พังด่าน NO.1-NO.4 เข้ามาอย่างหน้าไม่อายแล้วแทรกตัวขึ้นไปสู่บริเวณสวรรค์เป็นอันดับแรก
ส่วนคนแรงน้อยแต่สกิลความพริ้วไหวเยอะก็เปลี่ยนเส้นทางไปที่ประตู้ข้างคนขับอย่างรวดเร็ว พร้อมปรับแอร์จ่อหน้าผมปลิวไสวเสมือนถ่ายโฆษณายาสระผม
สุดท้าย เราดูทรงแล้ว เอาวะ อย่างน้อยก็ได้นั่งตรงประตูที่สุดท้าย แต่เจ้ากรรม V.2 มีนางหนึ่งไม่ยอมขึ้นไปข้างใน แต่รอผมเข้าไปก่อน ! เพื่อที่ตนจะได้นั่งหน้าประตูเสียเอง มันเป็นอย่างนี้ไปแล้วสินะ
พอนั่งได้ซักพัก มนุษย์ป้านางหนึ่งเปิดวิทยุ FM จากมือถือเสียงดังราวโทรโข่งหมู่บ้านขึ้นมา ชาวรถตู้ระอาแต่มีวิธีรับมือไว้ล่วงหน้า โดยหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงกันเสียงวิทยุป้า มนุษย์ลุงข้างๆไอออกมาอย่างรุ่นแรง ปากเปิดไม่ปิดด้วยมือซักกะนิด คิดว่าอย่างเป็นซอมบี้แพร่เชื้อแก่ผู้ร่วมทางเป็นแน่
นั่งได้พักใหญ่ๆ หนุ่มข้างๆหลับลึก หัวโอนเอนไปมา เออดี เดี๋ยวนี้เอาเบาะพิงหัวออกหมดอีกรถตู้ เอนไม่พอ เอนมาทางไหล่ผมอีก ยังไม่พอขณะรถเลี้ยว หัวพลิกมาหน้าแทบจะชนกัน ปากก็หวอ น้ำลายไหลเยิ้มทีเดียว
แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป...
เพื่อนๆเจอแบบไหนในแต่ละวัน แบบระอาแค่ไหน มาแชร์กันครับ