สวัสดีค่ะทุกคน
ห่างหายไปจากการรีวิวท่องเที่ยวนานมาก

หลังจากไปญี่ปุ่นมาเมื่อปลายเดือนก่อนนู้น
และกลับมาพร้อมกระทู้ขี้อวด (ขอเอามาอวดอีกทีที่นี่น้า)
[CR]กระทู้ขี้อวด เปิดถุงช็อปปิ้งจากญี่ปุ่น **เครื่องสำอางค์ ตุ๊กตุ่นตุ๊กตา**
http://ppantip.com/topic/33610221

ซึ่งทริปญี่ปุ่นเนี่ยะ เป็นทริปไปดูงานกับทางมหาวิทยาลัย
อิฉันเลยไม่ค่อยอินเท่าไหร่ที่จะมาทำรีวิว
คือไม่มีเวลาซึมซับอ่ะค่ะ เลยไม่ทำ จบเนอะ!

และเมื่อไม่นับญี่ปุ่นที่ไปมาก็เท่ากับว่าอิฉันไม่มีเวลาและโอกาสได้ไปเที่ยว ณ แห่งหนใดเลย
ได้แต่ซุ่มอ่านกระทู้รีวิวของคนนู้นคนนี้ จนในที่สุดก็ทนกิเลสอันหนาหนึบของตัวเองไม่ไหว
เอ่ยปากชวนเพื่อนสาวไปเที่ยวกันเถอะ ไปเที่ยวกันเถอะ
ฉันเบื่อที่จะอ่านกระทู้รีวิวแล้ว ฉันอยากเป็นคนเขียนรีวิวบ้าง(เว้ย)
ออกตัวก่อนว่า จขกท.และเพื่อนสาวเป็นพนักงานออฟฟิศอายุเหยียบๆ แตะๆ เฉี่ยวๆ เลข 3 ค่ะ
ใครบอกว่าแก่มีเรื่องนะคะ!!

**คำเตือน กระทู้นี้อาจมีพิมพ์ผิดบ้าง ภาษาแปลกๆ บ้าง อ่านแล้วไม่เข้าใจบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ**

มาค่ะมาเริ่มกันค่ะ!


ทริปฮ่องกงในครั้งนี้เริ่มมาจาก จขกท. เคยไปเที่ยวฮ่องกงอยู่ประมาณ 2-3 ครั้ง
แต่ไม่เคยได้มีโอกาสไปดิสนีย์แลนด์กับเขาสักที
ก็เลยชวนเพื่อนที่ทำงานไปฮ่องกงกัน ซึ่งทั้งสองสาวก็ตอบตกลงอย่างงงๆ
โดยทั้งสองคนไม่มีรีเควสพิเศษอะไรนอกจากชอปปิ้งและชอปปิ้ง
ครั้งนี้เราใช้เวลาในวันหยุดช่วงวันวิสาขบูชาที่ติดเสาร์-อาทิตย์พอดี
ทำให้เรามีเวลาเที่ยวกัน 3 วัน 2 คืน
และเนื่องจากเราเป็นผู้มีประสบการณ์โชกโชน(?)มากที่สุดในแกงค์
แพลนเที่ยวและการจัดการทั้งหมดจึงตกเป็นหน้าที่ของเราแต่เพียงผู้เดียว
เอาล่ะค่ะ เกริ่นกันมานานพอสมควรแล้ว ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ

1. หาที่พัก
เราเริ่มมองหาที่พักตั้งแต่ช่วงปลายปี 2014
เนื่องด้วยว่าไปกัน 3 คน การหาห้องพักแบบ Triple Room ให้อยู่ในงบและข้อแม้ที่ตั้งกันไว้นั้น
ถือว่าลำบากสำหรับเราพอสมควร และสุดท้ายเราก็มาจบที่ airbnb
ที่กำลังได้รับความนิยม โดยเราจองห้องพักแบบสตูดิโอที่ตั้งอยู่ย่าน Jordan ไป
ซึ่งดูจากในรูปมันไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังดี เป็นเตียงขนาดควีนส์ไซส์ที่นอนได้ 2 คน
แล้วก็มีโซฟาแบบที่ปรับเป็นเตียงได้อีก 1 ซึ่งก็พอดีกับความต้องการของพวกเรา
ราคา 2 คืน ตกอยู่ที่ประมาณ 9,500 บาท ซึ่งสำหรับเราถือว่าโอเคมากค่ะ

2. ตั๋วเครื่องบิน
หลังจากได้ที่พักแล้ว เราก็มาตามหาตั๋วเครื่องบิน
ซึ่งก็มาตกลงปลงใจกับฮ่องกงแอร์ไลน์ที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้ใช้บริการ
เวลาถือว่าโอเคพอสมควร และอยู่ในงบประมาณ แต่หลังจากจองไปแล้วก็มีโปรออกมาค่ะ
แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราสวย เรารวย เราไม่แคร์โปร #สร้างภาพชีวิตดีแต่กระเป๋าแบน
#หน้าชื่นอกตรม #ร้องไห้หนักมาก T^T

3. วางแผนการท่องเที่ยว
จริงๆ แล้วเราทำแผนเที่ยวก่อนได้ที่พักอีกค่ะ คือทำเป็นอย่างแรกเลยหลังจากที่เพื่อนๆ คอนเฟิร์มว่าไปชัวร์
แล้วพอได้ที่พัก ก็เอามาปรับอีกทีนึง แต่ขอบอกว่าเปลี่ยนทุกวัน
เพราะพอว่างก็ไปดูรีวิวคนนู้น ไปอ่านรีวิวคนนั้น
แล้วก็อยากไป “กิน” นู่น นี่ นั่น ขอบอกว่า 3 วันนี่มันไม่พอกินจริงๆ ค่ะ
แต่ในที่สุดแผนก็เสร็จสมบูรณ์ก่อนเดินทาง 1 วันถ้วน
และต้องบอกว่าเป็นแผนท่องเที่ยวที่ทำออกมาแล้วภูมิใจมากที่สุดในสามโลก
ไม่ใช่อะไรนะคะ แต่เราว่าเราทำออกมาแล้วมันสวยมากอ่ะ 555
ปกติคนอื่นจะใช้ Excel ในการทำแผนใช่มั้ยคะ
แต่เราใช้ Photoshop จ้า ทำเอง ชมตัวเอง ภูมิใจเอง และดูเหมือนจะได้ใช้เอง
เพราะแม่นางทั้งสองร่วมทริปในแบบทัวร์ลูกเป็ด คือตามเราอย่างเดียว
แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ มันคือความสุขของเราที่ได้ยัดเยียดอะไรสวยๆ งามๆ (คิดเอาเอง) ให้เพื่อน

**ข้อมูลทั้งหมดมาจากการรวบรวมตามอ่านรีวิวของทุกคนใน Pantip, Hongkong Fanclub, เพจเซียนฮ่องกง, เพจพี่แป๋ว และกูรูฮ่องกงอีกหลายๆ ท่านค่ะ เราและเพื่อนขอกราบแนบอกงามๆ ตรงนี้หนึ่งที เพราะมีพวกคุณ พวกเราถึงมีความสุขกับการเที่ยวมากมายขนาดนี้ ^^ ขอบคุณมากนะค้า
โดยแผนเที่ยวในรอบนี้ขอบอกว่าเน้นกินอย่างเดียว แต่ไม่เน้นอาหารจีนนะคะ
เราเน้นที่เราอยากกินค่ะ แผนเที่ยวก็ตามนี้เลยค่ะ
*พิมพ์ผิดบ้าง และรูปไม่ตรงกับเนื้อหาโปรดเขาใจนะคะ
เพราะแก้จนถึงวินาทีสุดท้าย เลยขี้เกียจหารูปแว้วว*


4.เตรียมตัว
ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมเราก็ซื้อตั๋วฮ่องกงดิสนีย์แลนด์, นอนปิง, และซิมส์การ์ดโทรศัพท์เก็บไว้
*ตอนซื้อดูวันหมดอายุของบัตรด้วยนะคะว่าอยู่ถึงช่วงที่เราไปพอดีมั้ย*
ซึ่งบัตรนอนปิงนั้นเราได้รับการสนับสนุนจาก คุณ inzagies มา 2 ใบ
กราบขอพระคุณแนบอกมา ณ ที่นี้ค่ะ
และโหลดแอพ MTR ไปให้พร้อม หน้าตาแบบนี้ค่ะ


*ข้อมูลจาก http://www.mtr.com.hk/en/customer/services/mtr_mobile.html

หลังจากนั้นก็ไปแลกเงินเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งพวกเราเป็นคนที่ทำอะไรล่วงหน้าค่ะ
ชอบเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ เราก็เลยไปแลกเงินที่ “สนามบิน” ก่อนบินค่ะ
เห็นมะคะ แลกก่อนบินตั้ง 3 ชั่วโมงนะคุณ 555

จนถึง ณ ตอนนี้ ค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายไปมีค่าห้อง+ค่าตั๋วเครื่องบิน+ตั๋วท่องเที่ยวต่างๆ
ตกคนละประมาณ 15,000 บาท ค่ะ

**อุปกรณ์ถ่ายรูป**
iPhone 6+
iPhone 5S

30 พฤษภาคม 2015
ออกเดินทาง
แผนการคณะทัวร์ลูกเป็ด
สุวรรณภูมิ – เข้าที่พัก – กินติ่มซำ – ชอปปิ้ง – จิบชากับมูมิน – กินข้าวเย็นที่ Full House
เนื่องจากไฟล์ทเราออกประมาณ 08.25 เราจึงนัดกับเพื่อนสาวเจอกัน 6 โมงครึ่ง ณ คอนโด
โดยไม่ลืมทำออนไลน์เช็คอินไปก่อน
ซึ่งทำให้รู้ว่าการทำออนไลน์เช็คอินของฮ่องกงแอร์ไลน์นั้นไซร้ หาเลือกที่นั่งได้ไม่
(แปลเป็นไทยว่า เลือกที่นั่งไม่ได้จ้า #วัยรุ่นเซ็งมากมาย)

เราขับรถไปจอดไว้ที่สนามบิน ซึ่ง 3 วัน ก็ 750 บาท
ค่าทางด่วนไป-กลับอีกประมาณ 200 ก็ตกคนละ 300 กว่าบาท
ซึ่งเราว่ามันก็โอเคกว่าการแยกกันนั่งแท็กซี่ตอนขากลับ พอสมควรเนอะ

เป็นครั้งแรกค่ะที่เราใช้บริการฮ่องกงแอร์ไลน์
สาวอวบระยะสุดท้าย สูง 168 อย่างเรานั่งได้
โดยไม่รู้สึกอึดอัด

เวลาเดินทางไม่ได้มากมายอันใดค่ะ
ประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ค่ะ
พอเมื่อยนิดหน่อย แต่เราถึกเราจึงโอเค
ตัดกลับมาบนเครื่องบิน

พี่แอร์คนงามมาเสริ์ฟอาหารเช้าให้ค่ะ


ทานเสร็จก็มาดู Cinderella ต่อ
พอก่อนเครื่องลงพี่แอร์ก็เอาใบตม.มาแจกจ่ายให้ต่างด้าว
ต่างด้าวก็เขียนบัตรขาเข้าให้เรียบร้อย
พอถึงฉากที่พี่ซินทำรองเท้าแก้วตก ก็ถึงพอดี
แหม่...หนังกำลังพีคเชียว

เราถึงสนามบินสนามบินเช็คแลปก๊อกประมาณเที่ยงกว่าๆ ก็ออกมาที่ตม. รอรับกระเป๋า
ทั้งหมดทั้งมวลใช้เวลาราวๆ 15 นาที ทันใจวัยรุ่นพอสมควร

หลังจากได้กระเป๋าแล้ว เรามีภารกิจเอา Voucher ของ Hong Kong Disneyland ที่ซื้อมาจากเมืองไทย
มาเปลี่ยนเป็นบัตรจริง ซึ่งตรงนี้ต้องออก Arrival Hall A นะคะ
ขั้นตอนการรับบัตร
-    ยื่น Voucher
-    ยิ้มสวย
-    รับบัตรจริง
-    ยิ้มสวยแล้วจากมาค่ะ

เรียบร้อยแล้วเราก็มองหาที่ซื้อบัตรปลาหมึกกับบัตร Airport Express กันต่อ
ซึ่งเราเจอประมาณ 3 เคาน์เตอร์ ตามนี้ค่ะ
1.    พอรับกระเป๋าออกมา เดินผ่านมาทาง Custom Hall จะมีเคาน์เตอร์เล็กๆ 1 เคาน์เตอร์ ตรงนี้คนจะเยอะมาก เพราะส่วนใหญ่ทุกคนจะมาซื้อกันตรงนี้
2.    ออกมาจาก Custom Hall มาตรง Arrival Hall จะมีเคาน์เตอร์ใหญ่ๆ อีก 1 เคาน์เตอร์
*ตรงนี้มีแบบที่เป็นตู้ขายอัตโนมัติด้วยค่ะ*
3.    พอเดินเลยมาตามป้าย Train to City (Airport Express) จะมีอีก 1 เคาน์เตอร์ ซึ่งตรงนี้ไม่มีคนเลย
เราก็มาซื้อตรงนี้แหล่ะค่ะ รวดเร็วทันใจอีกเช่นเคย

ค่าบัตรปลาหมึกเริ่มต้นอยู่ที่ 150 เหรียญ
ค่าบัตร Airport Express ไปลงสถานี Kowloon ตั๊วกรุ๊ป 3 คน ราคา 190 เหรียญ (ตกคนละ 63.4 เหรียญ)


ในรถไฟมีป้ายบอกว่ากำลังจะถึงสถานีไหน


นั่งดูวิวเพลินๆ ก็ถึงสถานีเกาลูนค่ะ ประมาณ 20 กว่านาทีได้
เสร็จแล้วก็นั่ง Shuttle Bus Free ไปลงที่โรงแรม BP International เพราะเรานัดเจ้าของบ้านไว้ตรงนั้น
Shuttle Bus ตรงนี้มีหลายสายนะคะ ซึ่งจอดถึงหน้าโรงแรมเลย สะดวกดีค่ะ
ข้อมูลลองดูตามเว็บด้านล่างเลยนะคะ
http://www.mtr.com.hk/en/customer/services/complom_free_bus.html

ส่วนสาวสวยอย่างเราๆ นั้นนั่งสาย K4 สวยๆ ค่ะ


ใช้เวลาไม่นานก็ถึงโรงแรม แล้วเจ้าของบ้านก็พาเราไปที่ห้องพัก
เดินจากโรงแรมประมาณ 10 นาที สะดวกสบายดีค่ะ
มีสถานี MTR ใกล้ๆ คือ Jordan Exit C2
พักผ่อนหย่อนใจ เติมเครื่องสำอางค์กันสักครู่ แล้วก็ออกมาหาของกินกันค่ะ

เป้าหมายของเราในวันนี้คือ DIN TAI FUNG ค่ะ
สาขาที่เรามากินอยู่ที่ห้าง Silvercord วิธีการเดินทางก็
นั่งรถไฟใต้ดินมา 1 สถานีค่ะ มาลงที่สถานี Tsim Sha Tsui Exit A1
แล้วเดินมาตามถนน Haiphong พอสุดถนน ห้างจะอยู่ซ้ายมือเลยค่ะ

ถึงห้างแล้ว ขึ้นไปเลยที่ชั้น 3 ปกติสาขานี้ต้องรอคิวพอสมควร
แต่เราโชดีค่ะ ไม่ต้องรอคิว ได้หม่ำเลย แหม่ นอกจากจะสวยแล้วยังโชคดีอีกต่างหาก


ไป 3 คน สั่งมาทั้งหมด 6 จาน เบาๆ ค่ะ เบาๆ
เสี่ยว หลง เป่า


ไก่แช่เหล้า


ขนมจีบกุ้ง


เกี๊ยวซ่า


เกี๊ยวกุ้งคลุกซอสเผ็ด


และหนังไก่อะไรสักอย่าง จำไม่ได้ แหะๆ


ขอบอกว่าทุกอย่างอร่อยหมดค่ะ ยกเว้นเจ้าหนังไก่อันสุดท้าย
มันแข็งไปหน่อยนึง
มื้อนี้สนนราคา 600 เหรียญ เกินงบมาไม่เยอะค่ะ เท่าตัวเลย
สงสัยจะหิวโซ 555

อิ่มหนำสำราญ กระเป๋าเบาหวิวก็ออกช็อปกันต่อค่ะ
เราเดินช็อปกันใน Harbour City นานพอสมควร
ไม่ใช่ว่ามีเงินนะ ห้างมันใหญ่มากกก เดินจนงง 555
จุดมุ่งหมายต่อไปคือ Moomin Cafe ที่อยู่ฝั่ง Ocean Terminal ของห้าง

แวะถ่ายรูป 1 ที


แวะซื้อ Lush สักหน่อย




มาถึงหน้าร้านแล้วมีคิวเยอะอยู่พอสมควรค่ะ


รอได้สักพัก แต่เกิดอาการขี้เกียจ เลยถ่ายรูปแล้วไปต่อ


ไปไหนน่ะเหรอคะ? ก็ไปกินต่อไงคะคุณขา 555

-- มาค่ะ มาค่ะ ไปกินกันต่อค่ะ --