สวัสดี ตอนนี้กำลังเรียนอยู่คณะนิติ กำลังจะขึ้นปีสามแล้ว อยู่ ม. ไหน อุ๊บไว้ล่ะกันเนอะ เราน่ะเป็นคนที่ ขี้สงสาร โดยเฉพาะน้องหมา น้องแมว เจอที่ไหนน้ำตาจะไหล สงสารจับจิต แต่อีกมุมหนึ่งที่ไม่ใช่ด้านนี้คือ เราจะเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง เพื่อนๆ จะให้เราเป็นผู้นำตลอด (ที่จริงฉันก็อยากเป็นผู้ตามบ้างนะแก) เราเคยเข้าร่วมโต้วาทีเกี่ยวกับกฏหมายแข่งกับรุ่นพี่ที่คณะปีสี่ด้วย (ตอนนั้นเราแค่ปีสอง) ก็แพ้ไประเบียบ ฮ่าๆ ก็ลงครั้งแรกเนอะ ได้ชมเชยไป ถือสะว่าหาประสบการณ์ไป สนุกๆ ความจริงเราเรียนอีกสาขาหนึ่งของนิตินะ เราอยากทำงานที่ทัณฑสถาน เพราะอยากเรียนตามลุง ลุงเป็นผุ้คุมเรือนจำ แต่ตอนนี้เกษียญล่ะ เราจึงชอบไปขอหนังสือลุงมาอ่านบ่อยๆ ขอทีเป็นหลายๆ เล่ม ครอบครัวเราฐานะปานกลาง พ่อก็มีโรคประจำตัวบ้าง แม่นี้เป็นคนที่ชอบแซวเราว่า ป่านนี้แฟนสักคนยังไม่เห็นมีมา (แม่ก็แซวไปงั้น รู้ว่าเราไม่ค่อยสนเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ) ก็เราเป็นพวกโลกส่วนตัวสู๊งสูง ปนกับเราเป็นคนที่ ฮาเฮ ตลก เราจึงมีแต่เพื่อนผู้ชาย ทอม บ้างแหละ (เอาความเป็นจริงผู้หญิงตลกก้เป้นได้แค่เพื่อนแหละ ฟงแฟน เพื่อนเคยบอกว่า ตลกไปไม่ดีๆ เกินงาม โอเคเพื่อนกุซึ้ง) เห็นตลกๆ บ้าๆ แบบนี้ เรามีโรคเครียดอยู่น่ะ ไมเกรน เป็นช่วงสามเดือนก่อนสอบ ต้องไปหาหมอที่ รพ. คลีนิคบ้าง ถามว่ามีคนมาจีบไหม ก็มีนะ รุ่นพี่ที่คณะนี้แหละ แต่แบบเรารู้ทันจนเกินงามเลย เผ่นไปล่ะ อิอิ ก็เราเจอมาหมดแล้วนิ หยอดบ้างล่ะ สปอตหรูใส่บ้างหละ โหดๆ บ้างล่ะ ขี้เล่น รูปหล่อ นักกีฬา บลาๆ ไม่ผ่านสักราย ก็บอกแล้วว่าเราไม่สนไง ฮ่าๆ เราชอบฟังเพลง ชิลๆ เพื่อนสมัยมัธยมเรามักชอบมาว่า ว่าเราไปเรียนนิติ หรือ เราไปติดคุกอยู่ ชอบอยู่กับเพื่อนมากเกินไป ถ้าเพื่อนมีแฟนหมดจะทำยังไง เราก็เฮ้อ ปิดหู ขี้เกียจฟังมัน
วันแรกของ(ซาร่า) และขวดเจลล้างมือ
เราน่ะ รักหมา แมว บ้านเราก็ใกล้วัดไม่แปลกที่จะมีคนเอามาทิ้งแถวๆวัด วันหนึ่ง แม่เราไปซื้อกับข้าวในตอนเช้า พอกลับมาถึงบ้าน ก็บ่นๆ ว่า ใครไม่รู้ใจร้ายใจดำเอาหมามาทิ้ง ที่ร้านเจ๊ น. (นามสมมติ) ร้านนี้แกขายไก่ย่าง กลิ่นนี้ฟุ้งๆ อุ๊ย พูดแล้วหิว โฮ๊ะๆ เราเลยบึ้งรถ(จักรยาน) ก็มันใกล้บ้านเนอะ มองหาเป้าหมาย หนูน้อยสี่ขา หางยาว หูตูบ และก็เจอ ว่ะฮ่าา สมาชิกใหม่ของบ้าน เรานี้รีบจอดรถ แล้วเดินหมายจะอุ้มกลับบ้าน เจ้ น. พอดีเห็นเราก็บอกว่า "มาเอามาหรอ มาเอาไปเลย สงสารมัน เจ๊อยากเลี้ยงแต่เจ้อยู่ห้องเช่า คงไม่สะดวก" เราก็รับคำว่าจะเอาไปแล้วนะ แต่จะอุ้มแล้ว เราเห็นกลุ่มหมู่คนที่รอซื้อของคนหนึ่งในร้าน เดินออกมาหาเรา แล้วบอกว่า "จะเอาหมาจรไปเลี้ยงหรอ อยู่ข้างทางแบบนี้ พวกเชื้อโรคเยอะนะ ก่อนจะจับน่ะ แป๊บนะ " เรานางก็ ขยุกขยิกในกระเป๋าเป้หลัง (ที่เรียกว่านางเพราะ สำอางไง เป็นพวกต้านโลก ฮ่าๆ โรคส่วนตัวสูงไม่พอ ยัง ต้านโลกอีก เออ เริ่ดไปอี๊ก) นางก็บอกหยิบออกมาจากกระเป๋าโดราเอม่อน (น่าน เก๋ไปอี๊ก) ได้เจลล้างมือออกมา นางบอกให้เรายื่นมือออก เราก็ยื่นออกไป ให้เราแบมือ นางก็บีบหยดลงไป ( ฮ่า น้องๆ อนุบาลค่ะ มาลองท่าล้างมือที่ถูกวิธีกันค่ะ) เรากำลังจะถูกมือล่ะ แต่ไม่ทัน นางบีบเสร็จนางถูของนางแล้วค่ะ คือ ถุมือให้ เอ่อ รังเกียจเราบ้างน่ะ บางครั้งเรายังรังเกียจตัวเราเลย แฮร่ ตึ๊งๆ โป๊ะๆ โอเคผ่าน พอทำความสะอาดมือเราเสร็จ นางก็ยกให้เราทั้งขวดเลย บอกอีกด้วยนะว่า เอาไว้ใช้ ก่อนจะหยิบจับอะไรก็ใช้ก่อน พอทำโน้นนี่เสร็จก็สามารถใช้อีกได้ เราก็รับแบบ งง ๆ เราก็จะพยายามจะคืนนะ แต่นางก็ยิ้ม แล้วบอกว่า เราอยากให้ (หน้ายิ้ม) โอ้โห้ วันนั้นเราอุ้มซาร่ากลับบ้าน พร้อมกับมีของสัมนาคุณด้วยจาก ว่าที่คุณหมอ (เราตั้งชื่อมันแล้วแหละ)
ช่วงนั้นเราก็ไม่เจอ ว่าที่คุณหมอแล้วแหละ เพราะเรายุ่งกับการเตรียมจะสอบ นศ นิติ คงรู้ๆ กันอยู่ว่าหนักขนาดไหน หรือคณะอื่นอาจหนักเหมือนกันเนอะ คือเป็นปกติเลยว่า เราเป็นโรคไมเกรนอยู่แล้ว การสอบสามสี่ชั่วโมงนี้ก็ทำเราปวดหัวมากเหมือนกัน ที่คณะเราจัดนอกตารางที่สอบวิชาอื่นที่นอกเหนือคณะอยู่แล้ว มักจะสอบของคณะเองช่วงเย็นๆ สี่โมงถึงทุ่มครึ่ง วันที่มีสอบเราก็สอบเสร็จทุ่มครึ่ง ออกคนสุดท้าย พร้อมอาจารย์ เลยทีเดียว ตอนนั้นก็ปวดมากอ่ะ แทบจะระเบิดล่ะ ตุ๊บๆ ข้างในหัว เลยแวะร้านขายยาแถวบ้าน ซื้อเสร็จจะได้เข้าบ้านสะเลย พอถึงร้านผลักประตูเข้าร้าน พรืดๆ หน้าเรานี้ เหวอ นิดนึงส์ ก็ทำไมเจ้าของร้านเปลี่ยนไป๋ ก็เป็น นางน่ะสิ (แสงไฟในร้านสว่างไม่สู้สีผิวนางจริงๆ คนอะไร๊ขาวเว่อร์ ทำเอาคนผิวสีน้อยใจสะ ) โอเคผ่านไป เราเลยถามว่า "มาทำอะไรน่ะ ร้านเธอหรอ" นางตอบว่า " เปล่าร้านน้าเรา เราอยู่แค่ปีสามจะมีร้านได้ยังไง เรามาช่วยน้า มาเล่นด้วยไรงี้ มีไร ไม่สบายหรอ" เรานี่คิดในใจ ทำไมชีวิตมันดี๊ดีขนาดนั้นว่ะ แวดวงครอบครับต้องเป็นหมอแน่ๆ เลย เพอเฟ็กซ์ มิน่าผิวพรรณดีสะ ยังมิวายเขม่นสีผิว อิอิ เราก็เลยตอบไปว่า "ใช่ เราปวดไมเกรนน่ะ " นางก็เลยไปเรียกน้ามาขายยาให้เรา และนางก็เดินไปหลังร้าน เราก็ซื้อยาเสร็จว่าจะกลับบ้านล่ะ นางก็เดินออกมาจากในร้าน ยื่นวิตามิน ให้ เราก็ถาม ให้เราหรอ แต่เราไม่มีเงินจ่ายหรอกนะ เหลือเงิน ไม่กี่บาทเอง แต่นางก็ ยิ้ม แล้ว บอกว่า "เราให้ ไม่คิดเงินนะ " เรานี่ยิ้มเลย ของฟรี ฮ่าๆ ไม่ค่อยจะงกเลยท่านผู้โช้ม
และหลังจากวันนั้นเราก็เจอกันบ้าง ไม่เจอบ้าง แต่เราก็เริ่มจะพูดคุยมากขึ้น อีกอย่างเราก็เป็นพวกเฟรนลี่ด้วยเลยสนิทได้เร็ว เราก็มีมาเจอกันและบ่นๆ เรื่องเรียน สิ่งที่พบในชีวิตประจำวันบ้าง มันดีนะที่เราได้มีใครสักคนได้พูดคุยกันบ้าง และเราก็เป็นเพื่อนที่ชีวิตค่อนข้างยุ่งกันทั้งคู่ ฮ่าๆ แต่ก็มีช่วงเวลาหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามัน ดีอ่ะ มันอธิบายไม่ถูก ช่วงนั้นพ่อเราป่วย ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ รพ. เรารอหน้าห้องผ่าตัด ตั้งแต่สี่โมงเช้าถึงสี่โมงเย็น ในใจภาวนาว่าพ่อต้องไม่เป้นไรมาก หมอก็ออกมาบอก ไตพ่อข้างหนึ่งมันใช้ไม่ได้แล้ว จะให้ตัดเลยดีไหม เราน้ำตาจะไหล กอดแม่ ปลอบใจกันยกใหญ่ เราก็นั่งรอพ่อต่อไปหน้าห้องผ่าตัด นางก็โผล่มานะ นางก็มา รพ. ตาม นศ แพทย์ แหละ มาเจอเรา นั่งดราม่า นางก็เดินกลับไปซื้อกาแฟมาให้แม่ และ เรา คือ นางก็จับมือเรา ให้กำลังใจ บอกเสมอๆ ว่า หมอที่นี้เก่ง ๆ อย่าห่วงๆ นาทีนั้นเราก็เชื่อนางนะ (มันสะกดจิตเราแน่ๆ) จากเหตุการณ์วันนั้นเราก็คิดว่า ถึงนางจะเพี้ยนๆ เว่อร์ๆ กับการเป็นคนอนามัยจัดของนาง แต่นางก็น่ารักในแบบ คุณหมอๆ น่ะ
ส่งท้าย ถึงแม้ว่าตอนนี้เวลาจะผ่านไปแค่ไหน สถานะจะเปลี่ยนอะไรก็ช่างแต่ การมีเพื่อนเป็น ที่ดี ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนหนึ่งเลยนะ
ใครมีเพื่อนเป็นคนอนามัยจัดแบบนี้ สุขภาพแบบนี้ มาแชร์ด้วยน๊า
ใครเคยมี นศ. แพทย์ มาทำพฤติกรรมแปลกๆใส่บ้างไหม?
วันแรกของ(ซาร่า) และขวดเจลล้างมือ
เราน่ะ รักหมา แมว บ้านเราก็ใกล้วัดไม่แปลกที่จะมีคนเอามาทิ้งแถวๆวัด วันหนึ่ง แม่เราไปซื้อกับข้าวในตอนเช้า พอกลับมาถึงบ้าน ก็บ่นๆ ว่า ใครไม่รู้ใจร้ายใจดำเอาหมามาทิ้ง ที่ร้านเจ๊ น. (นามสมมติ) ร้านนี้แกขายไก่ย่าง กลิ่นนี้ฟุ้งๆ อุ๊ย พูดแล้วหิว โฮ๊ะๆ เราเลยบึ้งรถ(จักรยาน) ก็มันใกล้บ้านเนอะ มองหาเป้าหมาย หนูน้อยสี่ขา หางยาว หูตูบ และก็เจอ ว่ะฮ่าา สมาชิกใหม่ของบ้าน เรานี้รีบจอดรถ แล้วเดินหมายจะอุ้มกลับบ้าน เจ้ น. พอดีเห็นเราก็บอกว่า "มาเอามาหรอ มาเอาไปเลย สงสารมัน เจ๊อยากเลี้ยงแต่เจ้อยู่ห้องเช่า คงไม่สะดวก" เราก็รับคำว่าจะเอาไปแล้วนะ แต่จะอุ้มแล้ว เราเห็นกลุ่มหมู่คนที่รอซื้อของคนหนึ่งในร้าน เดินออกมาหาเรา แล้วบอกว่า "จะเอาหมาจรไปเลี้ยงหรอ อยู่ข้างทางแบบนี้ พวกเชื้อโรคเยอะนะ ก่อนจะจับน่ะ แป๊บนะ " เรานางก็ ขยุกขยิกในกระเป๋าเป้หลัง (ที่เรียกว่านางเพราะ สำอางไง เป็นพวกต้านโลก ฮ่าๆ โรคส่วนตัวสูงไม่พอ ยัง ต้านโลกอีก เออ เริ่ดไปอี๊ก) นางก็บอกหยิบออกมาจากกระเป๋าโดราเอม่อน (น่าน เก๋ไปอี๊ก) ได้เจลล้างมือออกมา นางบอกให้เรายื่นมือออก เราก็ยื่นออกไป ให้เราแบมือ นางก็บีบหยดลงไป ( ฮ่า น้องๆ อนุบาลค่ะ มาลองท่าล้างมือที่ถูกวิธีกันค่ะ) เรากำลังจะถูกมือล่ะ แต่ไม่ทัน นางบีบเสร็จนางถูของนางแล้วค่ะ คือ ถุมือให้ เอ่อ รังเกียจเราบ้างน่ะ บางครั้งเรายังรังเกียจตัวเราเลย แฮร่ ตึ๊งๆ โป๊ะๆ โอเคผ่าน พอทำความสะอาดมือเราเสร็จ นางก็ยกให้เราทั้งขวดเลย บอกอีกด้วยนะว่า เอาไว้ใช้ ก่อนจะหยิบจับอะไรก็ใช้ก่อน พอทำโน้นนี่เสร็จก็สามารถใช้อีกได้ เราก็รับแบบ งง ๆ เราก็จะพยายามจะคืนนะ แต่นางก็ยิ้ม แล้วบอกว่า เราอยากให้ (หน้ายิ้ม) โอ้โห้ วันนั้นเราอุ้มซาร่ากลับบ้าน พร้อมกับมีของสัมนาคุณด้วยจาก ว่าที่คุณหมอ (เราตั้งชื่อมันแล้วแหละ)
ช่วงนั้นเราก็ไม่เจอ ว่าที่คุณหมอแล้วแหละ เพราะเรายุ่งกับการเตรียมจะสอบ นศ นิติ คงรู้ๆ กันอยู่ว่าหนักขนาดไหน หรือคณะอื่นอาจหนักเหมือนกันเนอะ คือเป็นปกติเลยว่า เราเป็นโรคไมเกรนอยู่แล้ว การสอบสามสี่ชั่วโมงนี้ก็ทำเราปวดหัวมากเหมือนกัน ที่คณะเราจัดนอกตารางที่สอบวิชาอื่นที่นอกเหนือคณะอยู่แล้ว มักจะสอบของคณะเองช่วงเย็นๆ สี่โมงถึงทุ่มครึ่ง วันที่มีสอบเราก็สอบเสร็จทุ่มครึ่ง ออกคนสุดท้าย พร้อมอาจารย์ เลยทีเดียว ตอนนั้นก็ปวดมากอ่ะ แทบจะระเบิดล่ะ ตุ๊บๆ ข้างในหัว เลยแวะร้านขายยาแถวบ้าน ซื้อเสร็จจะได้เข้าบ้านสะเลย พอถึงร้านผลักประตูเข้าร้าน พรืดๆ หน้าเรานี้ เหวอ นิดนึงส์ ก็ทำไมเจ้าของร้านเปลี่ยนไป๋ ก็เป็น นางน่ะสิ (แสงไฟในร้านสว่างไม่สู้สีผิวนางจริงๆ คนอะไร๊ขาวเว่อร์ ทำเอาคนผิวสีน้อยใจสะ ) โอเคผ่านไป เราเลยถามว่า "มาทำอะไรน่ะ ร้านเธอหรอ" นางตอบว่า " เปล่าร้านน้าเรา เราอยู่แค่ปีสามจะมีร้านได้ยังไง เรามาช่วยน้า มาเล่นด้วยไรงี้ มีไร ไม่สบายหรอ" เรานี่คิดในใจ ทำไมชีวิตมันดี๊ดีขนาดนั้นว่ะ แวดวงครอบครับต้องเป็นหมอแน่ๆ เลย เพอเฟ็กซ์ มิน่าผิวพรรณดีสะ ยังมิวายเขม่นสีผิว อิอิ เราก็เลยตอบไปว่า "ใช่ เราปวดไมเกรนน่ะ " นางก็เลยไปเรียกน้ามาขายยาให้เรา และนางก็เดินไปหลังร้าน เราก็ซื้อยาเสร็จว่าจะกลับบ้านล่ะ นางก็เดินออกมาจากในร้าน ยื่นวิตามิน ให้ เราก็ถาม ให้เราหรอ แต่เราไม่มีเงินจ่ายหรอกนะ เหลือเงิน ไม่กี่บาทเอง แต่นางก็ ยิ้ม แล้ว บอกว่า "เราให้ ไม่คิดเงินนะ " เรานี่ยิ้มเลย ของฟรี ฮ่าๆ ไม่ค่อยจะงกเลยท่านผู้โช้ม
และหลังจากวันนั้นเราก็เจอกันบ้าง ไม่เจอบ้าง แต่เราก็เริ่มจะพูดคุยมากขึ้น อีกอย่างเราก็เป็นพวกเฟรนลี่ด้วยเลยสนิทได้เร็ว เราก็มีมาเจอกันและบ่นๆ เรื่องเรียน สิ่งที่พบในชีวิตประจำวันบ้าง มันดีนะที่เราได้มีใครสักคนได้พูดคุยกันบ้าง และเราก็เป็นเพื่อนที่ชีวิตค่อนข้างยุ่งกันทั้งคู่ ฮ่าๆ แต่ก็มีช่วงเวลาหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามัน ดีอ่ะ มันอธิบายไม่ถูก ช่วงนั้นพ่อเราป่วย ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ รพ. เรารอหน้าห้องผ่าตัด ตั้งแต่สี่โมงเช้าถึงสี่โมงเย็น ในใจภาวนาว่าพ่อต้องไม่เป้นไรมาก หมอก็ออกมาบอก ไตพ่อข้างหนึ่งมันใช้ไม่ได้แล้ว จะให้ตัดเลยดีไหม เราน้ำตาจะไหล กอดแม่ ปลอบใจกันยกใหญ่ เราก็นั่งรอพ่อต่อไปหน้าห้องผ่าตัด นางก็โผล่มานะ นางก็มา รพ. ตาม นศ แพทย์ แหละ มาเจอเรา นั่งดราม่า นางก็เดินกลับไปซื้อกาแฟมาให้แม่ และ เรา คือ นางก็จับมือเรา ให้กำลังใจ บอกเสมอๆ ว่า หมอที่นี้เก่ง ๆ อย่าห่วงๆ นาทีนั้นเราก็เชื่อนางนะ (มันสะกดจิตเราแน่ๆ) จากเหตุการณ์วันนั้นเราก็คิดว่า ถึงนางจะเพี้ยนๆ เว่อร์ๆ กับการเป็นคนอนามัยจัดของนาง แต่นางก็น่ารักในแบบ คุณหมอๆ น่ะ
ส่งท้าย ถึงแม้ว่าตอนนี้เวลาจะผ่านไปแค่ไหน สถานะจะเปลี่ยนอะไรก็ช่างแต่ การมีเพื่อนเป็น ที่ดี ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนหนึ่งเลยนะ
ใครมีเพื่อนเป็นคนอนามัยจัดแบบนี้ สุขภาพแบบนี้ มาแชร์ด้วยน๊า