อาจมีคำไม่สุภาพขออภัย เรท 15+
88888888888888888888
[ …… เพื่อน หนึ่งคำนี้
ขอบเขตและจุดสิ้นสุด
มันอยู่ที่ไหน…….]
“ เฮ้ย ยยย !!!! ไอ้ พีท ? ”
เสียงร้องตกอกตกใจของไอ้เอิ้น ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย
สงสัยผมกับมันจะเป็นแม่เหล็กต่างขั้วกัน
มันถึงได้ดีดตัวออกห่างผมแทบจะทันทีที่ลืมตาตื่น
“ เออ นั่นชื่อกู ดีใจชิปเป็นตัวเองสักที เห็นเรียกกูเป็นไอ้โน่อยู่ได้ ”
“ ทำไมเป็นนายวะ ”
ไอ้เอิ้นถามผม แล้วเสียงจะแห้งเหี่ยวไปไหนวะเอิ้น
“ ไงผิดหวังมากเลยเหรอครับเพื่อน ที่เป็นกูไม่ใช่ไอ้โน่ ”
ผมพูดประชดทันทีตามความรู้ภายในจิตใจ พลิกตัวเงยหน้าจากที่นอนจ้องตาไอ้เอิ้นอย่างจริงจัง
เล่นหางเสียงกวนอารมณ์คนตรงหน้า
“………………………..”
มันไม่ได้สวนกลับอย่างที่เคยทำ คิดแล้วอยากจะตบกะโหลกตัวเองจริงๆเมื่อเห็นใบหน้าเศร้าๆเหมือนคนแบกโลกไว้ของอีกฝ่าย
“ เออ! ที่เป็นกูเพราะนายโทรหากูเมื่อคืน ให้กูเดาคงกะจะกดเบอร์ไอ้โน่
แต่ดันเมาเลยตาลายกดผิดเป็นเบอร์กู ”
“แล้วนี่เสื้อผ้ากูทำไม!? ”
ไอ้เอิ้นเลิกคิ้วถามก้มลงมองตัวเอง
เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมันสวมแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว จะว่าไปก็เราทั้งคู่นั่นแหละ
“ นายเมาแล้วอ้วกเป็นแมว เลอะเทอะไปหมด กูเลยสงเคราะห์ จำไม่ได้ ”
ไอ้เอิ้นส่ายหน้าไปมาสายตาสับสน ก่อนที่มันจะทำหน้านิ่งๆเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“ พีท…? เมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าวะ ”
“ ทำไม? ”
“ ก็ …แบบว่า ” ไอ้เอิ้นทำสีหน้าลำบากใจกับคำถามท่าทางมันเหมือนมีเรื่องติดใจ
{…ชาด่าดาด้า ช่าดาด้าดา
ได้แต่ฟัง เรื่อง ราวของเธอ
เรื่องเดิมๆ ที่เธอชื่นชอบใคร
เธอแอบ รักใคร...}
หากผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรมันเพลงพระจันทร์ยิ้ม เสียงสายเรียกเข้าของไอ้เอิ้นก็ดังขึ้น
พอได้ยินรู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมา
ไอ้เอิ้นหมุนตัวไปทางเสียงโทรศัพท์ คว้ามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง
“ครับแม่ อยู่บ้านพีท ครับ เดี๋ยวกลับครับ ครับหวัดดีครับ ”
“ ………………”
“ เดี๋ยวกู ต้องกลับบ้าน แม่บอกลุงกับป้าแวะมาหา ขออาบน้ำและยืมเสื้อผ้าหน่อย ”
ไอ้เอิ้นลุกขึ้นจากเตียงหลังวางสายแม่มัน ก่อนทิ้งโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตามเดิม
“ เออ อยู่ในตู้นั่นแหละตามสบายเลย กูจะนอนต่อ ”
ผมว่าก่อนปิดเปลือกตาลง
ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำ
ผมไม่ได้คิดจะนอนอย่างที่บอกมัน สิ่งที่ทำคือนอนนิ่งๆจ้องมองเพดานฝ้า
คิดย้อนหลังในวันแรกของการศึกษาที่ผมย้ายมากลางเทอมตอนอยู่มอสาม
‘ นี่ยืมลิคควิดลบคำผิดหน่อยดิ! ’
เสียงทุ้มที่มาพร้อมรอยยิ้มกว้างเป็นมิตร ทำให้เด็กที่ย้ายมาใหม่อย่างผมรู้สึกดี
ปรกติผมเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองแถมขาดทักษะในการเข้าหาคนอื่นๆ
ผมเลยไม่ค่อยมีเพื่อนจนย้ายมาเรียนที่ ฟ.ด. มันเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้าหาผมก่อน
และดึงผมให้หยุดจากความโดดเดี่ยว นั่นทำให้ไอ้เอิ้นเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดไม่ว่าเรื่องอะไรผมจะนึกถึงมันก่อน
และคิดว่าไอ้เอิ้นก็คงคิดเหมือนผม
จนเมื่อมันเริ่มให้ความสำคัญกับใครบางคนเกินหน้าเกินตา
น่าสมเพชที่ผมคิดว่าผมแค่หวงเพื่อน แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่
ผมเพิ่งรู้ตัว ว่าผมชอบไอ้เอิ้นเกินคำว่าเพื่อนสนิท ชอบมาตลอดตั้งแต่แรก
เพื่อน สำหรับผมกับไอ้เอิ้นคำนี้บางครั้งผมอยากขว้างมันทิ้ง
แต่…. คงทิ้งไม่ได้ถ้าไม่ใช่เพื่อน ผมจะเป็นอะไรได้ในสายตามัน
หลายวันมานี้ไอ้เอิ้นมันซึมอย่างหนัก แทบจะเป็นซอมบี้เหมอลอยตลอด
ไอ้เอิ้นจมอยู่ในโลกของมันไม่ว่าผมจะพูดจะคุยอะไรผมก็ไม่สามารถแทรกผ่านโลกที่มันสร้างขึ้นได้
โน่…. ชื่อนี้กระมัง
ที่ดึงสายตาไอ้เอิ้นได้ในทุกๆที่ มันเฝ้ามองประธานชมรมดนตรี ขณะที่สายตาผมก็ไล่ตามและเฝ้ามองประธานชมรมเชียร์อย่างมัน
ไอ้เอิ้นเจ็บผมเจ็บ ไม่ต่างกัน
เมื่อคืนผมดีใจมากแค่ไหนที่มันโทรมาให้ไปหา ผมอยากอยู่ในสายตามันบ้าง
สุดท้ายก็เป็นผมที่เป็นบ้า
‘ โน่มาหากูจริงๆใช่ไหม กูยังหวังได้ใช่รึเปล่า ได้ไช่หมะโน่ ยังหวัง ’
ผมพยุงไอ้เอิ้นที่เมาพูดเสียงอ้อแอ้พร่ำเพ้อถึงไอ้โน่ไม่ขาด
กว่าจะพามันมาถึงบ้านผมก็ทุลักทุเลเต็มทน
ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้งนึกสัมผัสของไอ้เอิ้นที่มอบให้
ใจมันเจ็บร้าวลึก สัมผัสเร่าร้อนและอบอุ่น เป็นของใครอีกคน
เซ็กส์ที่ผิดพลาด รู้สึกผิดทรมาน แค่ต้องการให้ไอ้เอิ้นมันสมหวัง
เลยไม่ขัดขืนปล่อยให้มันคิดว่าเป็นไอ้โน่ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ ก็ไม่เป็นไร
ผมแกล้งทำเป็นหลับเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าไอ้เอิ้นเดินออกมาจากห้องน้ำ
มันเดินผ่านไปยังตู้เสื้อผ้า
สักพักใหญ่ๆก็ได้ยินเสียงทุ้มๆของมันเรียกชื่อ พร้อมเขย่าตัวผมเบาๆ
“ ไอ้ พีท พีท กูกลับบ้านก่อนนะ ”
“ เออๆ กลับดีๆละ”
ผมแกว่งมือไปมาในอากาศปากพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตาอย่างคนง่วงนอนเต็มที่
………………………
เจ็บ…เชี่ยๆ
ผมเริ่มขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ร่างกายไม่อำนวยเดินไปหลังชั้นวางหนังสือ
เมื่อไอ้เอิ้นมันออกจากห้องไปแล้ว
ผมก้มลงเอื้อมมือสอดเข้าไปในชอกแคบๆระหว่างผนังห้องกับชั้นวางหนังสือ
หยิบสิ่งที่ผมซ่อนเอาไว้เมื่อคืนออกมา จะให้แม่ผมและใครในบ้านเห็นไม่ได้
ผ้าปูที่นอนมีคราบเลือดคราบน้ำรักเลอะเปรอะเปื้อนขนาดนี้
ใครเห็นคงเดาได้ไม่อยากว่าเกิดอะไรขึ้น มิตรภาพที่อยากรักษาไว้
ทำให้เมื่อคืนผมต้องข่มความเจ็บปวดตรงที่ถูกล่วงล้ำ
กัดฟันค่อยๆพลิกตัวไอ้เอิ้นที่หลับเป็นตายด้วยความอ่อนเพลีย เปลี่ยนผ้าปูที่นอนจนสำเร็จ
ฉับพลัน! ผมสะดุ้งตกใจสุดตัว เมื่อจู่ๆประตูห้องก็เปิดออก เสียงไอ้เอิ้นโผล่มาพร้อมตัว
“ ไอ้พีท กูลืมเอาเสื้อผ้าเปื้อนอ้วกกูกลับไป สะ ชัก !! ………………”
หลบไม่ทันแล้ว มันขมวดคิ้วมองผ้าปูที่นอนในมือผมอย่างสงสัยผมรีบเอาหลบไว้หลังตัวเอง
และดูเหมือนมันกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง ผมเริ่มกลัวว่ามันจะจำเหตุการเมื่อคืนได้
“ อะไร?! ”
ไอ้เอิ้นสาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวผม มันยื่นมืออ้อมมาด้านหลังผมหวังจะคว้าผ้าปูที่นอน แต่ผมเบี่ยงตัวหลบ
“ ผ้าปูที่นอนมันมีอะไรถึงให้กูดูไม่ได้ ”
“ มันแค่เปื้อน ไม่มีอะไรน่าดูจะดูไปทำไมหวะ ”
“พีท ! นายกับกูเป็นเพื่อนกันมานานแค่ไหน อย่ามาโกหกกู ”
ผมยืนกำผ้าปูที่นอนแน่น หัวใจกำลังถูกบีบอัด
ไอ้เอิ้นพูดเสียงหนักก็จริงแต่ผมรู้ว่าอาการมันไม่ปรกติ ไอ้เอิ้นกำลังตัวสั่น ผมไม่อยากให้มันรู้สึกผิดแบบนี้
มันเจ็บเรื่องไอ้โน่มามาก ผมไม่อยากให้มันเจ็บปวดหรือทรมานไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะยิ่งมันเจ็บ ผมจะเจ็บมากกว่า
“ พีทเรื่องเมื่อคืน ถึงมันจะเลือนรางแต่กูพอจะจำได้ว่า..”
“ เพื่อน คำนี้บางทีขอบเขตมันก็กว้าง จนหาจุดสิ้นสุดไม่ได้
เพราะสำหรับนาย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้น กูคงเป็นได้แค่เพื่อนสนิท
ดังนั้นช่วยลืมไปเหอะ ”
ผมพูดตัดบท ก่อนที่ไอ้เอิ้นจะทันได้พูดจบ ให้มันเป็นแบบนี้ดีแล้ว
888888888888888888888888
อยากได้จบแบบนี้หรือสมหวัง ขอเข้ามาได้เนาะ
fic สั้นๆ เอิ้น & พีท หน่วงแรง
88888888888888888888
[ …… เพื่อน หนึ่งคำนี้
ขอบเขตและจุดสิ้นสุด
มันอยู่ที่ไหน…….]
“ เฮ้ย ยยย !!!! ไอ้ พีท ? ”
เสียงร้องตกอกตกใจของไอ้เอิ้น ปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาขยี้ตาอย่างงัวเงีย
สงสัยผมกับมันจะเป็นแม่เหล็กต่างขั้วกัน
มันถึงได้ดีดตัวออกห่างผมแทบจะทันทีที่ลืมตาตื่น
“ เออ นั่นชื่อกู ดีใจชิปเป็นตัวเองสักที เห็นเรียกกูเป็นไอ้โน่อยู่ได้ ”
“ ทำไมเป็นนายวะ ”
ไอ้เอิ้นถามผม แล้วเสียงจะแห้งเหี่ยวไปไหนวะเอิ้น
“ ไงผิดหวังมากเลยเหรอครับเพื่อน ที่เป็นกูไม่ใช่ไอ้โน่ ”
ผมพูดประชดทันทีตามความรู้ภายในจิตใจ พลิกตัวเงยหน้าจากที่นอนจ้องตาไอ้เอิ้นอย่างจริงจัง
เล่นหางเสียงกวนอารมณ์คนตรงหน้า
“………………………..”
มันไม่ได้สวนกลับอย่างที่เคยทำ คิดแล้วอยากจะตบกะโหลกตัวเองจริงๆเมื่อเห็นใบหน้าเศร้าๆเหมือนคนแบกโลกไว้ของอีกฝ่าย
“ เออ! ที่เป็นกูเพราะนายโทรหากูเมื่อคืน ให้กูเดาคงกะจะกดเบอร์ไอ้โน่
แต่ดันเมาเลยตาลายกดผิดเป็นเบอร์กู ”
“แล้วนี่เสื้อผ้ากูทำไม!? ”
ไอ้เอิ้นเลิกคิ้วถามก้มลงมองตัวเอง
เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมันสวมแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว จะว่าไปก็เราทั้งคู่นั่นแหละ
“ นายเมาแล้วอ้วกเป็นแมว เลอะเทอะไปหมด กูเลยสงเคราะห์ จำไม่ได้ ”
ไอ้เอิ้นส่ายหน้าไปมาสายตาสับสน ก่อนที่มันจะทำหน้านิ่งๆเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“ พีท…? เมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าวะ ”
“ ทำไม? ”
“ ก็ …แบบว่า ” ไอ้เอิ้นทำสีหน้าลำบากใจกับคำถามท่าทางมันเหมือนมีเรื่องติดใจ
{…ชาด่าดาด้า ช่าดาด้าดา
ได้แต่ฟัง เรื่อง ราวของเธอ
เรื่องเดิมๆ ที่เธอชื่นชอบใคร
เธอแอบ รักใคร...}
หากผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรมันเพลงพระจันทร์ยิ้ม เสียงสายเรียกเข้าของไอ้เอิ้นก็ดังขึ้น
พอได้ยินรู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมา
ไอ้เอิ้นหมุนตัวไปทางเสียงโทรศัพท์ คว้ามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง
“ครับแม่ อยู่บ้านพีท ครับ เดี๋ยวกลับครับ ครับหวัดดีครับ ”
“ ………………”
“ เดี๋ยวกู ต้องกลับบ้าน แม่บอกลุงกับป้าแวะมาหา ขออาบน้ำและยืมเสื้อผ้าหน่อย ”
ไอ้เอิ้นลุกขึ้นจากเตียงหลังวางสายแม่มัน ก่อนทิ้งโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตามเดิม
“ เออ อยู่ในตู้นั่นแหละตามสบายเลย กูจะนอนต่อ ”
ผมว่าก่อนปิดเปลือกตาลง
ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำ
ผมไม่ได้คิดจะนอนอย่างที่บอกมัน สิ่งที่ทำคือนอนนิ่งๆจ้องมองเพดานฝ้า
คิดย้อนหลังในวันแรกของการศึกษาที่ผมย้ายมากลางเทอมตอนอยู่มอสาม
‘ นี่ยืมลิคควิดลบคำผิดหน่อยดิ! ’
เสียงทุ้มที่มาพร้อมรอยยิ้มกว้างเป็นมิตร ทำให้เด็กที่ย้ายมาใหม่อย่างผมรู้สึกดี
ปรกติผมเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองแถมขาดทักษะในการเข้าหาคนอื่นๆ
ผมเลยไม่ค่อยมีเพื่อนจนย้ายมาเรียนที่ ฟ.ด. มันเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้าหาผมก่อน
และดึงผมให้หยุดจากความโดดเดี่ยว นั่นทำให้ไอ้เอิ้นเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดไม่ว่าเรื่องอะไรผมจะนึกถึงมันก่อน
และคิดว่าไอ้เอิ้นก็คงคิดเหมือนผม
จนเมื่อมันเริ่มให้ความสำคัญกับใครบางคนเกินหน้าเกินตา
น่าสมเพชที่ผมคิดว่าผมแค่หวงเพื่อน แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่
ผมเพิ่งรู้ตัว ว่าผมชอบไอ้เอิ้นเกินคำว่าเพื่อนสนิท ชอบมาตลอดตั้งแต่แรก
เพื่อน สำหรับผมกับไอ้เอิ้นคำนี้บางครั้งผมอยากขว้างมันทิ้ง
แต่…. คงทิ้งไม่ได้ถ้าไม่ใช่เพื่อน ผมจะเป็นอะไรได้ในสายตามัน
หลายวันมานี้ไอ้เอิ้นมันซึมอย่างหนัก แทบจะเป็นซอมบี้เหมอลอยตลอด
ไอ้เอิ้นจมอยู่ในโลกของมันไม่ว่าผมจะพูดจะคุยอะไรผมก็ไม่สามารถแทรกผ่านโลกที่มันสร้างขึ้นได้
โน่…. ชื่อนี้กระมัง
ที่ดึงสายตาไอ้เอิ้นได้ในทุกๆที่ มันเฝ้ามองประธานชมรมดนตรี ขณะที่สายตาผมก็ไล่ตามและเฝ้ามองประธานชมรมเชียร์อย่างมัน
ไอ้เอิ้นเจ็บผมเจ็บ ไม่ต่างกัน
เมื่อคืนผมดีใจมากแค่ไหนที่มันโทรมาให้ไปหา ผมอยากอยู่ในสายตามันบ้าง
สุดท้ายก็เป็นผมที่เป็นบ้า
‘ โน่มาหากูจริงๆใช่ไหม กูยังหวังได้ใช่รึเปล่า ได้ไช่หมะโน่ ยังหวัง ’
ผมพยุงไอ้เอิ้นที่เมาพูดเสียงอ้อแอ้พร่ำเพ้อถึงไอ้โน่ไม่ขาด
กว่าจะพามันมาถึงบ้านผมก็ทุลักทุเลเต็มทน
ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้งนึกสัมผัสของไอ้เอิ้นที่มอบให้
ใจมันเจ็บร้าวลึก สัมผัสเร่าร้อนและอบอุ่น เป็นของใครอีกคน
เซ็กส์ที่ผิดพลาด รู้สึกผิดทรมาน แค่ต้องการให้ไอ้เอิ้นมันสมหวัง
เลยไม่ขัดขืนปล่อยให้มันคิดว่าเป็นไอ้โน่ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ ก็ไม่เป็นไร
ผมแกล้งทำเป็นหลับเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าไอ้เอิ้นเดินออกมาจากห้องน้ำ
มันเดินผ่านไปยังตู้เสื้อผ้า
สักพักใหญ่ๆก็ได้ยินเสียงทุ้มๆของมันเรียกชื่อ พร้อมเขย่าตัวผมเบาๆ
“ ไอ้ พีท พีท กูกลับบ้านก่อนนะ ”
“ เออๆ กลับดีๆละ”
ผมแกว่งมือไปมาในอากาศปากพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตาอย่างคนง่วงนอนเต็มที่
………………………
เจ็บ…เชี่ยๆ
ผมเริ่มขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ร่างกายไม่อำนวยเดินไปหลังชั้นวางหนังสือ
เมื่อไอ้เอิ้นมันออกจากห้องไปแล้ว
ผมก้มลงเอื้อมมือสอดเข้าไปในชอกแคบๆระหว่างผนังห้องกับชั้นวางหนังสือ
หยิบสิ่งที่ผมซ่อนเอาไว้เมื่อคืนออกมา จะให้แม่ผมและใครในบ้านเห็นไม่ได้
ผ้าปูที่นอนมีคราบเลือดคราบน้ำรักเลอะเปรอะเปื้อนขนาดนี้
ใครเห็นคงเดาได้ไม่อยากว่าเกิดอะไรขึ้น มิตรภาพที่อยากรักษาไว้
ทำให้เมื่อคืนผมต้องข่มความเจ็บปวดตรงที่ถูกล่วงล้ำ
กัดฟันค่อยๆพลิกตัวไอ้เอิ้นที่หลับเป็นตายด้วยความอ่อนเพลีย เปลี่ยนผ้าปูที่นอนจนสำเร็จ
ฉับพลัน! ผมสะดุ้งตกใจสุดตัว เมื่อจู่ๆประตูห้องก็เปิดออก เสียงไอ้เอิ้นโผล่มาพร้อมตัว
“ ไอ้พีท กูลืมเอาเสื้อผ้าเปื้อนอ้วกกูกลับไป สะ ชัก !! ………………”
หลบไม่ทันแล้ว มันขมวดคิ้วมองผ้าปูที่นอนในมือผมอย่างสงสัยผมรีบเอาหลบไว้หลังตัวเอง
และดูเหมือนมันกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง ผมเริ่มกลัวว่ามันจะจำเหตุการเมื่อคืนได้
“ อะไร?! ”
ไอ้เอิ้นสาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวผม มันยื่นมืออ้อมมาด้านหลังผมหวังจะคว้าผ้าปูที่นอน แต่ผมเบี่ยงตัวหลบ
“ ผ้าปูที่นอนมันมีอะไรถึงให้กูดูไม่ได้ ”
“ มันแค่เปื้อน ไม่มีอะไรน่าดูจะดูไปทำไมหวะ ”
“พีท ! นายกับกูเป็นเพื่อนกันมานานแค่ไหน อย่ามาโกหกกู ”
ผมยืนกำผ้าปูที่นอนแน่น หัวใจกำลังถูกบีบอัด
ไอ้เอิ้นพูดเสียงหนักก็จริงแต่ผมรู้ว่าอาการมันไม่ปรกติ ไอ้เอิ้นกำลังตัวสั่น ผมไม่อยากให้มันรู้สึกผิดแบบนี้
มันเจ็บเรื่องไอ้โน่มามาก ผมไม่อยากให้มันเจ็บปวดหรือทรมานไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะยิ่งมันเจ็บ ผมจะเจ็บมากกว่า
“ พีทเรื่องเมื่อคืน ถึงมันจะเลือนรางแต่กูพอจะจำได้ว่า..”
“ เพื่อน คำนี้บางทีขอบเขตมันก็กว้าง จนหาจุดสิ้นสุดไม่ได้
เพราะสำหรับนาย ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้น กูคงเป็นได้แค่เพื่อนสนิท
ดังนั้นช่วยลืมไปเหอะ ”
ผมพูดตัดบท ก่อนที่ไอ้เอิ้นจะทันได้พูดจบ ให้มันเป็นแบบนี้ดีแล้ว
888888888888888888888888
อยากได้จบแบบนี้หรือสมหวัง ขอเข้ามาได้เนาะ