รีวิวภาคจบของ Chamonix ของผม รีวิว part นี้จะเน้นเรื่องราวและรูปของโลกที่อยู่บนความสูง 3777 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
จุดสูงสุดบนโลกตั้งแต่ตัวผมเคยไปยืนมา โดยจุดหมายปลายทางคือที่
Aiguille du Midi (อ่านอย่างไรฟร่ะ) ซึ่งเป็นจุดชมวิว Mont Blanc ที่ใกล้และสวยงามที่สุด



สำหรับการเดินทางขึ้นมานั้นต้องนั่ง Cable Car จากเมือง Chamonix ซึ่งอ่านได่จากรีวิวภาคแรกที่
http://ppantip.com/topic/33789754

พวกเราสามคนได้ตั๋วหมายเลข 5 นั่นคือขึ้นรอบที่ 5 ครับ


ราคาสำหรับการขึ้นกระเช้า จะอยู่ที่ประมาณ 50Euro ต่อคนซึ่งเป็นราคาสำหรับขึ้น Aiguille du Midi ครั้งเดียวแบบไปกลับ
สำหรับวันที่อากาศเปิด จะขึ้นไปดูถ้ำน้ำแข็งได้ โดยใช้อีกกระเช้านึง ก็สามารถเพิ่มตังค์ซื้อแบบเหมาได้ แพงกว่า 10 Euro

ระหว่างรอขึ้นกระเช้า เสียดายเวลา กว่าจะเคลียร์ระบบเคเบิลคาร์ได้ ใช้เวลาไปประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง
เวลายิ่งมีน้อยอยู่ T_T




ลอยลงมาแล้ว กว้างใหญ่มาก จุได้ประมาณ 50 คน พยายามอยู่ริมเพื่อสัมผัสความเสียวให้ได้มากที่สุด


กระเช้าขึ้นเร็วมากๆ เสียวโว้ยๆๆๆๆๆๆ  ด้านล่างคือ Chamonix นั่นเอง


วิวหนาวๆระหว่างทางครับ สังเกตุดีดีจะเห็นคนโดดร่มทางขวามือของรูป เจ๋งมากกกกๆๆ


การนั่ง Cable Car จะต้องแวะเปลี่ยน 1 ครั้ง โดยชั้นที่แวะเปลี่ยนจะมีเนินออกไปเดินชมวิว
และมี ski track สำหรับนักสกีค่อดเท่ห์ทั้งหลาย เก๊าอยากเล่นเป็นบ้าง แต่ด้วยความรีบมาก กลัวแดดหมด เลยไปต่อทันที
และพวกเราก็ขึ้นกระเช้าต่ออีก Level ซึ่งเป็นจุดสูงสุดซึ่งเป็นที่ตั้งของ Aiguille du Midi

ลองดูกันว่า มันสูงและชันขนาดไหน


และเราก็มาถึงข้างบนกันแล้ว จะบอกว่าหนาวมากและสวยมากกกกกกกกกกกกกกก




มันโชคดีมากด้วยล่ะ ที่ฟ้าเปิดพอดี ทุกอย่างมันสวย มันชัด มันใช่อ่ะ!


มองลงไปที่ Chamonix เบื้องล่าง สวยงามมากๆจามมุมนี้


จริงๆแล้วมันจะมีอีกจุดที่อยากไป คือ ห้องกระจกที่ยื่นออกไปจากยอดภูเขาด้วย
แต่ช่วงที่ไปมันปิดพอดีเสียดายๆ จะเปิด June 2015 (ตะเตือนไตรอบสอง)

ถ้าใครได้ขึ้นมา คำแนะนำคือ เก็บความรู้สึกดีๆเหล่านี้เอาไว้ ถ่ายรูปเร็วๆแล้วมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวด้วยตาเปล่า


แล้วก็อย่าลืมสูดหายใจลึกๆตลอดเวลา อย่ารีบเร่งเพราะ อากาศน้อยมากๆ
ที่ชี้อยู่ คือยอดเขา Mont Blanc อันโด่งดัง


บรรยากาศบนเขาอีกหน่อย


มีถ้ำนำแข็งเล็กๆด้วย


ปาหิมะเล่นกันแบบน่ารักๆ (บอกตัวเอง)


สวยสะพรึง


มุมกว้างๆ แบบสวยๆ อ่านเจอมาว่า ถ้าฟ้าเปิดสุดๆ สามารถมองเห็น Matterhorn ของฝั่งสวิสได้เลย


และแล้วก็ถึงอีกจุดพีคของการขึ้นมาบนนี้ นั่นคือ ร้านอาหาร Le 3842 ( 3824 เมตรจากน้ำทะเล)
ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนยอดของ Aiguille du Midi


ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ จะได้ทานอาหารกับวิวแบบนี้ได้อีกที่ไหน


ยังไงก็อยากให้โทรมาจองล่วงหน้า อันนี้จองก่อนประมาณ 3 วัน โชคดีมีโต๊ะว่าง
การจองต้องโทรจองอย่างเดียว +33 4 5055 8223 ไม่รับอีเมล์ (เวลาโทรคำนวณ time Zone ดีๆนะครับ)
ซึ่งต้องจองถึงจะมีที่นะครับ เพราะมีเพียง 6 โต๊ะ 1 พนักงานเสริฟ 1 Chef 1 cashier

พนักงานเสริฟมา present เมนู ใหญ่ปายยยยยย


อาหารจะขายเป็น Set Menu หลักๆ จะมี 3 แบบ คือ
- Starter + Main
- Main + Dessert
- Starter + Main +Dessert
ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราสั่งแบบเต็มครับ! 5555+ อยากลองทุกอย่าง จะได้รู้

ลองมาดูหน้าตาอาหารกัน เริ่มที่ Starter




อย่าลืมสั่ง เบียร์Mont Blanc ด้วยนะครับ นุ่มลิ้นมากๆๆ


ต่อไปเป็น main dish จิงๆอื่มตั้งแต่ Starter แล้ว ชีสมาเต็มมาก


เบ็ดเสร็จโดนไปทั้งสิ้น 160.80 euro T T
เอาน่ะ คงไม่ได้มากินกันบนยอดเขางี้บ่อยๆ เนาะะะะะ


ซึ่งช่วงที่กินเสร็จประมาณ 3 โมงเย็น ซึ่งก็ตรงตามพยากรณ์เป๊ะ เมฆมา ฝนมา พายุหิมะเข้า
จะบอกว่า ถ้าฟ้าปิด อย่าขึ้นมาเลยครับมันไม่เห็นอะไรเลยยยยยยยจริงๆ หนาวด้วย ไม่โอเคเลย เสียดายตัง
มันขาวไปหมด เหมือนยืนอยุ่ในสตูดิโอสีขาว ไม่เห็นอะไรเลย

แล้วก็นั่งกระเช้ากันลงมา แบบมีความสุข โดยแวะชมวิวตรงที่เปลี่ยนกระเช้า
ซึ่งจะมีคาเฟ่เล็กๆ ไว้จิบกาแฟ


แว๊บถ่ายรูปกันแป็ปนึง


อย่างที่บอก ลมแรงมากพิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ หิมะชนแก้มเจ็บเหมือนกันแฮะ


กลับมาด้านล่างก็ไปเดินเล่นในเมืองอีกแปร๊ปนึง ฝนก็ตกปอยๆ หาไรทานก่อนจะกลับไปนอนสลบที่ห้อง

เตรียมตัวบินไปบาซโลนาต่อวันรุ่งขึ้น สรุป ถ้ามาฝรั่งเศสแต่อยากหาเมืองสวยๆนอกปารีส ก็แนะนำเลยครับ กับ Chamonix
พกตังค์มาอย่างเดียวไม่พอ ต้องพกดวงมาด้วยนะครับ ถ้ามาแล้วฟ้าปิดนี่ชีวิตเปลี่ยน บอกเลอ
ปิดท้ายด้วยรูป 3 คน พร้อมคำลาที่ว่า "It could not be a great trip without great companions and a bit of luck"


ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านมาทั้ง 2 รีวิวครับ