ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่า "จขกท. เป็นอีกคนนึงที่มีความฝัน จบมาอยากมีรถอยากมีบ้าน"
แต่ต้องยอมรับว่าเป็นคนฉลาดน้อยเรียนไม่เก่ง จบมหาลัยธรรมดา เกรดเฉลี่ยไม่เคยรู้จัก A
เคยตั้งเป้าหมาย ณ ยุคนั้น สมัยนั้น ว่ามีรายได้ 300,000 ต่อปี ก็เพียงพอแล้ว
ชีวิตออกจากรั้วมหาลัย เหมือนเดินเข้าสู่สมรภูมิรบ ต้องออกมาพจญโลกภายนอกอันแสนกว้างใหญ่
มาสมัครงานแข่งกับเด็กจบมหาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ
ตอนนั้นยอมรับเลยว่า ชีวิตไม่ใช้แค่เดินเตะฝุ่นแต่คลุกกับฝุนเลย
จำได้ว่าทำงานได้เงินเดือนเท่ากับคนจบ ม.3 นับว่าเป็นช่วงชีวิตติดหล่มจริงๆ
แม้ว่าตัวเราจะคิดแค่ว่าก็ดีกว่าตกงานละ
แต่สิ่งที่ตามมาคือกลุ่มเพื่อน ที่ถูกแบ่งชนชั้นอย่างเห็นได้ชัดกับ กลุ่มที่จบมาออกรถ เที่ยว มีเงิน กับกลุ่มยาจกซดยาดอง
ยิ่งเป็นวันเลี้ยงรุ่นเหมือนงานขี้โม้แห่งชาติเลย
แต่ตอนนั้นยังคิดเสมอว่าตัวเองโชคดี หางานได้ ถึงเงินน้อยก็ชั่งมัน
แต่ก็ได้เพียง 1-2 ปี พอเริ่มมีแฟน ก็อยากมีครอบครัว
และแน่นอนเงินเดือนแค่นี้ อย่าว่าจะซื้อรถ ซื้อบ้าน แม้แต่เงินแต่งก็ยังไม่มีเลย
แถมต้องมาใช้หนี้สินที่ผู้มีพระคุณกู้มาส่งเราเรียน (ตอนใช้คืนทำไมมันเยอะจังฟะ)
มองดูคนอื่นทำไมมันแฮปปี้กันจัง กรี๊ดกร๊าด ซิลฟี่กันสุด ในซองมีใบสีชมพู + ณ สถานที่โรงแรมสุดหรู
บางครั้งก็ต้องทนเสียง โหยหวนจากบ้านใกล้เคียง ประมาณว่า
"ตอนเรียนไม่ยอมเรียนบ้าง" "ดูลูกคนโน้นสิ ดูลูกบ้านนี้สิ" "ดูเขาส่งเงินมาให้พ่อแม่สิ"
ถามว่ามันเป็นแรงพลักดันใหม ตอบเลย "ไม่" ถ้าไปพูดกับนายจ้างเขาจะขึ้นเงินเดือนให้เราหรอ "ไม่" แค่นั้นละ
ช่วงเวลานั้นรายได้และเป้าหมายในชีวิต มันช่างห่างไกลเหลือเกิน
จนอยู่มาวันนึง แฟนเริ่มมี เด็กน้อยสุดแสบอยู่ในท้อง (ปัจจุบันซนมักๆ)
ช่วงนั้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินครบแถบทุกยี้ห้อ ใหนจะเงินแต่ง ห้องก็เช่าเขาอยู่ ชีวิตเรามันแค่นี้จริงๆหรอ
ยอมรับเลยว่ากำลังใจมากจากแฟนล้วนๆ "เราไม่ต้องจัดงานแต่งกันหลอก จดทะเบียนกันก็พอ เอาเงินทำบ้านให้ลูกอยู่เถอะ"
ยอมรับเลยว่า ณ ตอนนั้นทำได้แค่นั้นจริงๆ
บ้านหลังน้อย ส่งรายเดือน ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าน้ำ ค่าไฟ ทุกอย่างเงินเดือนอยู่ได้แค่ 10 วัน ที่เหลือเก็บผัก ตกปลา หาของกินริมทางกลับบ้าน
บอกตามตรงไม่กล้ามองครอบครัวอื่นที่เขาพาลูกมาเดินเล่น ซื้อเสื้อ ซื้อของเล่น
หันกลับมามองลูกนั้งเล่นลังกระดาษ กับเศษของเล่นที่เขาทิ้ง
ตอนนั้นเคยถามแฟนว่า "ลำบากใหมมาคบกับคนอย่างพี่" แฟนผมตอบว่า "ลำบากเราก็ยังอยู่ด้วยกัน"
โชคดีที่ผมเองแต่เด็ก ไม่กิน ไม่เที่ยว ช่วยกันทำงานเก็บตั้ง ส่งลูกเรียน
ยอมรับเลยว่ากว่าจะผ่านพ้นมาไม่ใช้เรื่องง่าย นั้นคือชีวิตจริงๆที่ไปเจอนอกมหาลัย
*********************************************************
จาก ตอนนั้นมาตอนนี้บาง ผ่านมา 10 ปีแล้วมั่ง ตอนนี้รายได้ต่อปีเลย 300,000 ไปไกลแล้ว (แต่ยังไม่พอใช้เลย
)
บ้านหลังใหญ่ขึ้นนิดนึง มีรถ มีทีวี(อันนี้ภูมิใจมาก) มีเงินซื้อของเล่นให้ลูก เริ่มหาเพื่อนๆ ที่หายสาบสูญไป
และสิ่งที่ผมรู้ความจริงคือทุกคนก็เหมือนๆผม ไม่ได้โชคดีมีเงิน มีงานดีๆ มีอนาคตดีซักเท่าไร
-หลายคนกู้เงินก้อนโตมาลงทุนแล้วเจ้ง
-หลายคนกู้เงินมาแต่งงานใหญ่โต
-หลายคนปัจุบันยังเดินเตะฝุ่น
-หลายคนรวยได้เพราะหาสามีรวย และผู้ชายหลายคนทำงานไม่เคยคิดจะเก็บเงิน
-หลายคนกลับไปช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่บ้าน
ซึ้งผมเองเจอเด็กทุกวันนี้ ก็ยังเหมือนเดิมจบมาหรูหราดูดี ต้องมีโน้นใช้นี้ เปลี่ยนมือถือเหมือนมันราคา 5 บาท
มองหาเสียแก่ๆ ผัวฝรั่งมีเงิน ออกมอไซค์หลักแสน แต่งรถหลายหมื่น ขับโชบสาวไปมา
จึงอยากจะบอกถึงน้องๆว่า ถ้าบ้านรวยอยู่แล้ว หรือมีเงิน มีงานทำไม่ต้องแบมือขอพ่อแม่ก็ทำไปเถอะ
แต่ถ้าไม่ใช้ ขอให้ใช้เวลาที่มีค่าสร้างตัวเอง สร้างฐานนะ สร้างครอบครัวแล้วของที่อยากได้ "มันจะมาหาเอง ซักวันนึง"
ฝากถึงเด็กจบใหม่ ชีวิตนั้นมันง่ายเลย
แต่ต้องยอมรับว่าเป็นคนฉลาดน้อยเรียนไม่เก่ง จบมหาลัยธรรมดา เกรดเฉลี่ยไม่เคยรู้จัก A
เคยตั้งเป้าหมาย ณ ยุคนั้น สมัยนั้น ว่ามีรายได้ 300,000 ต่อปี ก็เพียงพอแล้ว
ชีวิตออกจากรั้วมหาลัย เหมือนเดินเข้าสู่สมรภูมิรบ ต้องออกมาพจญโลกภายนอกอันแสนกว้างใหญ่
มาสมัครงานแข่งกับเด็กจบมหาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ
ตอนนั้นยอมรับเลยว่า ชีวิตไม่ใช้แค่เดินเตะฝุ่นแต่คลุกกับฝุนเลย
จำได้ว่าทำงานได้เงินเดือนเท่ากับคนจบ ม.3 นับว่าเป็นช่วงชีวิตติดหล่มจริงๆ
แม้ว่าตัวเราจะคิดแค่ว่าก็ดีกว่าตกงานละ
แต่สิ่งที่ตามมาคือกลุ่มเพื่อน ที่ถูกแบ่งชนชั้นอย่างเห็นได้ชัดกับ กลุ่มที่จบมาออกรถ เที่ยว มีเงิน กับกลุ่มยาจกซดยาดอง
ยิ่งเป็นวันเลี้ยงรุ่นเหมือนงานขี้โม้แห่งชาติเลย
แต่ตอนนั้นยังคิดเสมอว่าตัวเองโชคดี หางานได้ ถึงเงินน้อยก็ชั่งมัน
แต่ก็ได้เพียง 1-2 ปี พอเริ่มมีแฟน ก็อยากมีครอบครัว
และแน่นอนเงินเดือนแค่นี้ อย่าว่าจะซื้อรถ ซื้อบ้าน แม้แต่เงินแต่งก็ยังไม่มีเลย
แถมต้องมาใช้หนี้สินที่ผู้มีพระคุณกู้มาส่งเราเรียน (ตอนใช้คืนทำไมมันเยอะจังฟะ)
มองดูคนอื่นทำไมมันแฮปปี้กันจัง กรี๊ดกร๊าด ซิลฟี่กันสุด ในซองมีใบสีชมพู + ณ สถานที่โรงแรมสุดหรู
บางครั้งก็ต้องทนเสียง โหยหวนจากบ้านใกล้เคียง ประมาณว่า
"ตอนเรียนไม่ยอมเรียนบ้าง" "ดูลูกคนโน้นสิ ดูลูกบ้านนี้สิ" "ดูเขาส่งเงินมาให้พ่อแม่สิ"
ถามว่ามันเป็นแรงพลักดันใหม ตอบเลย "ไม่" ถ้าไปพูดกับนายจ้างเขาจะขึ้นเงินเดือนให้เราหรอ "ไม่" แค่นั้นละ
ช่วงเวลานั้นรายได้และเป้าหมายในชีวิต มันช่างห่างไกลเหลือเกิน
จนอยู่มาวันนึง แฟนเริ่มมี เด็กน้อยสุดแสบอยู่ในท้อง (ปัจจุบันซนมักๆ)
ช่วงนั้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินครบแถบทุกยี้ห้อ ใหนจะเงินแต่ง ห้องก็เช่าเขาอยู่ ชีวิตเรามันแค่นี้จริงๆหรอ
ยอมรับเลยว่ากำลังใจมากจากแฟนล้วนๆ "เราไม่ต้องจัดงานแต่งกันหลอก จดทะเบียนกันก็พอ เอาเงินทำบ้านให้ลูกอยู่เถอะ"
ยอมรับเลยว่า ณ ตอนนั้นทำได้แค่นั้นจริงๆ
บ้านหลังน้อย ส่งรายเดือน ค่านม ค่าผ้าอ้อม ค่าน้ำ ค่าไฟ ทุกอย่างเงินเดือนอยู่ได้แค่ 10 วัน ที่เหลือเก็บผัก ตกปลา หาของกินริมทางกลับบ้าน
บอกตามตรงไม่กล้ามองครอบครัวอื่นที่เขาพาลูกมาเดินเล่น ซื้อเสื้อ ซื้อของเล่น
หันกลับมามองลูกนั้งเล่นลังกระดาษ กับเศษของเล่นที่เขาทิ้ง
ตอนนั้นเคยถามแฟนว่า "ลำบากใหมมาคบกับคนอย่างพี่" แฟนผมตอบว่า "ลำบากเราก็ยังอยู่ด้วยกัน"
โชคดีที่ผมเองแต่เด็ก ไม่กิน ไม่เที่ยว ช่วยกันทำงานเก็บตั้ง ส่งลูกเรียน
ยอมรับเลยว่ากว่าจะผ่านพ้นมาไม่ใช้เรื่องง่าย นั้นคือชีวิตจริงๆที่ไปเจอนอกมหาลัย
*********************************************************
จาก ตอนนั้นมาตอนนี้บาง ผ่านมา 10 ปีแล้วมั่ง ตอนนี้รายได้ต่อปีเลย 300,000 ไปไกลแล้ว (แต่ยังไม่พอใช้เลย )
บ้านหลังใหญ่ขึ้นนิดนึง มีรถ มีทีวี(อันนี้ภูมิใจมาก) มีเงินซื้อของเล่นให้ลูก เริ่มหาเพื่อนๆ ที่หายสาบสูญไป
และสิ่งที่ผมรู้ความจริงคือทุกคนก็เหมือนๆผม ไม่ได้โชคดีมีเงิน มีงานดีๆ มีอนาคตดีซักเท่าไร
-หลายคนกู้เงินก้อนโตมาลงทุนแล้วเจ้ง
-หลายคนกู้เงินมาแต่งงานใหญ่โต
-หลายคนปัจุบันยังเดินเตะฝุ่น
-หลายคนรวยได้เพราะหาสามีรวย และผู้ชายหลายคนทำงานไม่เคยคิดจะเก็บเงิน
-หลายคนกลับไปช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่บ้าน
ซึ้งผมเองเจอเด็กทุกวันนี้ ก็ยังเหมือนเดิมจบมาหรูหราดูดี ต้องมีโน้นใช้นี้ เปลี่ยนมือถือเหมือนมันราคา 5 บาท
มองหาเสียแก่ๆ ผัวฝรั่งมีเงิน ออกมอไซค์หลักแสน แต่งรถหลายหมื่น ขับโชบสาวไปมา
จึงอยากจะบอกถึงน้องๆว่า ถ้าบ้านรวยอยู่แล้ว หรือมีเงิน มีงานทำไม่ต้องแบมือขอพ่อแม่ก็ทำไปเถอะ
แต่ถ้าไม่ใช้ ขอให้ใช้เวลาที่มีค่าสร้างตัวเอง สร้างฐานนะ สร้างครอบครัวแล้วของที่อยากได้ "มันจะมาหาเอง ซักวันนึง"