ลั้นลา เที่ยวเบรเมน เบอร์ลิน ฮัมบูร์ก เสน่ห์แห่งเยอรมันตอนเหนือ แถมด้วยเอมเมน เมืองน่ารักและเงียบสงบแห่งเนเธอร์แลนด์(2)

11/6/57เตรียมตัวออกเดินทางกันแต่เช้าตรุ่ เพราะต้องเผื่อเวลานั่งรถ 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงด้วย เพื่อนเตรียมแซนวิชและน้ำดื่มใส่กระเป๋าไปด้วยเนื่องจากราคาอาหารและน้ำดื่มที่ Berlin นั้นแพงมาก(จริงๆแพงทุกที่) และที่ขาดไม่ได้คือร่มกันฝนคนละอัน ตอนเช้าท้องฟ้าครื้มแต่ฝนยังไม่ตก เราเดินมารอรถ Bus ที่ริมถนนซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ ห่างจากที่พักประมาณ 500 เมตร สักพักรถก็มาจอดเป็นรถ Bus สีเขียวเหมือนรถ ป.1 บ้านเราเลยครับ แต่มีคนขับแค่คนเดียวไม่มีกระเป๋ารถ เขามีแค่เครื่องยิงบาร์โค้ดอันเดียว ใครจะขึ้นรถก็เอาเครื่องนี้ยิงที่ตั๋วซึ่งต้องจองและ Print มาจากบ้านแค่นี้ก็เรียบร้อย ประมาณ 6 โมงเช้ารถก็ออกเดินทางมุ่งสู่ Berlin ซึ่งปัจจุบันอยู่ในฐานะเมืองหลวงของเยอรมัน และเป็นเมืองหลวงของเยอรมันตะวันออกก่อนการรวมประเทศด้วย เมืองนี้อุดมไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมยุคเรเนอร์ซองส์ อยู่ห่างจากเบรเมนไปทางตะวันออกราว 450 กิโลเมตร

รถวิ่งผ่านอุโมงค์มุ่งหน้าสู่เบอร์ลิน


สภาพภายในรถ Bus โดยสาร(ที่นั่งกว้างกว่าเมืองไทยมาก)

เรามีแผนไปหลายที่แต่ต้องขึ้นอยุ่กับเวลาและอากาศว่าจะอำนวยแค่ไหน รถวิ่งออกจากเมืองเบรเมนผ่านท้องทุ่งชนบท บรรยากาศดีมากๆ ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเป็นระยะ สองข้างทางมีป่าสนอยู่ทั่วไป น่าแปลกที่ประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างเยอรมันกลับอนุรักษ์พื้นที่สีเขียวเอาไว้ได้อย่างดี 4 ชั่วโมงโดยประมารรถ Bus ก็พาเรามาถึง Berlin (แต่เป็นชานเมือง) ลงจากรถและต้องนั่งรถไฟต่อเข้าไปใจกลางเมืองผ่านประมาณ 3 สถานี(ถ้าจำไม่ผิด) เพื่อนซื้อตั๋วจากร้านมินิมาร์ทข้างสถานีนั่นเอง เป็นตั๋วรายวันแบบเหมาจ่ายราคาค่อนข้างแพงแต่ก็สะดวกกว่าการซื้อเป็นเที่ยว ก่อนขึ้นรถก็เอาตั๋วไป Validate ที่ตู้ข้างชานชลา รถไฟมาตรงเวลาที่จอบอกเป๊ะ ตอนที่นั่งบนรถไฟสังเกตเห็นว่าที่นั่งและตุ้โดยสารจะกว้างกว่าที่บ้านเรา และสามารถเอารถจักรยานขึ้นไปได้(จ่ายเพิ่ม) อีกอย่างที่เราเห็นเมื่อมาถึงที่นี่คือลวดลายที่พ่นบนกำแพงและผนังต่างๆ เต็มไปหมด เพื่อนบอกว่าถ้าเป็นของสาธารณะสามารถทำได้แต่ต้องเป็นอะไรที่สุภาพทั้งภาพ และข้อความ

เสาอากาศสถานีโทรทัศน์ในกรุงเบอร์ลินอยุ่ใกล้กับอาคารนิทรรศการของเมือง(ไม่มีรูป)


สถานีรถไฟที่จะพาเราเข้าสู่ใจกลางกรุงเบอร์ลิน


ตั๋วรถไฟและตู้ Validate ข้างชานชลา


มอนิเตอร์บอกเวลามาถึงของรถไฟแต่ละขบวน

เรามาลงที่สถานีรถไฟหลักของนคร Berlin หรือ Berlin Hauptbahnhof  เป็นโครงเหล็กขนาดใหญ่มากๆ ด้านนอกทั้งหมดเป็นกระจก มี 5 ชั้นมีรถไฟวิ่งเข้าออกวันละหลายร้อยขบวน

Berlin Hauptbahnhof

จากสถานีรถไฟเราเดินเท้าเพื่อไปเที่ยวยังสถานที่สำคัญต่างๆ โดยมีเพื่อนเป็นคนอธิบายความเป็นมาของแต่ละสถานที่ถูกบ้างผิดบ้าง ฮ่าฮ่าฮ่า เราเริ่มต้นที่จัตุรัสอเล็กซานดราซึ่งเป็นลานกว้างในวันเสาร์จะมีตลาดและเนืองแน่นไปด้วยผู้คนแต่วันที่เราไปไม่มีตลาดคนจึงไม่เยอะเท่าไหร่ ด้านข้างมีนาฬิกาหน้าตาประหลาดที่สามารถบอกเวลาของแต่ละเมืองทั่วโลก มีภาพอยุ่ด้านล่างนะครับ (เราพยายามหา Bangkok อยุ่ตั้งนานกว่าจะเจอ)และจากตรงนี้มองเห็นหอไข่มุกแห่งเบอร์ลิน (Fat Tire Bike Tours Berlin) ได้ชัดเจน เสียดายวันนั้นท้องฟ้าครื้มฝน

จัตุรัสอเล็กซานดรา หอไข่มุกและนาฬิกา


อาคารที่อยุ่ถัดจากจัตุรัสไม่รู้ว่าคืออะไรแต่สีแปลกกว่าตึกแถวนั้น

จากจัตุรัสเราเดินลงใต้ผ่านสี่แยกและลานน้ำพุเทพเจ้าเนปจุนและที่อยุ่ติดกันคือ St.Marienkirche ซึ่งเป็นโบสถ์แห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นหลังสงครามสงบชาวเมืองหาก้อนอิฐเท่าที่มีในตอนนั้นมาสร้างตัวโบสถ์จึงมีหลายสีอย่างที่เห็นปัจจุบัน

จากจุดนี้เรามุ่งหน้าสู่ Berliner Dome มหาวิหารขนาดใหญ่และเป็นสัญลักษณ์ประจำกรุงเบอร์ลิน คือเราตั้งใจแต่แรกแล้วว่ายังไงก็ต้องเข้าไปดูข้างในให้จงได้แม้ว่าพอได้เห็นราคาตั๋วเข้าชมแล้วอึ้งเล็กน้อยก็ตาม (7 ยูโรต่อคน) แต่พอได้เข้าไปชมข้างในแล้วเรียกว่าคุ้มค่าตั๋วครับ สวยงามอลังการงานสร้างสมกับเป็นวิหารหลวงของเมืองอย่างแท้จริง มหาวิหารแห่งเบอร์ลิน เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมที่สำคัญมากมายรวมถึงเป็นที่เก็บพระบรมศพ พระศพของกษัตริย์ พระราชินี มกุฏราชกุมาร และสมาชิกราชวงศ์ซึ่งจัดเก็บไว้ด้านล่างของวิหารอีกด้วย

ตั๋วเข้าชมภายใน Berliner Dome


ด้านนอกของมหาวิหารแห่งเบอร์ลิน(มุมกล้องไม่ดีเลยครับต้องถ่ายไกลกว่านี้)


ระเบียงมุขด้านตะวันออกของวิหารที่เห็นด้านข้างคือพระศพของกษัตริย์และพระราชินี


ระเบียงมุขด้านตะวันตกของวิหาร


บริเวณกึ่งกลางของวิหารและหันหน้าขึ้นทิศเหนือ

จากชั้นล่างเราเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังชั้นสองของวิหารและยังมีบันไดเวียนเล็กๆขึ้นสู่ยอดโดมได้อีกด้วย จากด้านบนเรามองเห็นวิวโดยรอบของกรุงเบอร์ลินได้ทั้ง 360 องศา

รูปปั้นของสถาปนิคผู้ออกแบบมหาวิหารแห่งเบอร์ลิน


บันไดเวียนขึ้นสู่ยอดโดม(ซ้าย)และทางเดินด้านในของโดม(ขวา)เพื่อออกสู่ระเบียงด้านนอก


หอไข่มุกเมื่อมองจากด้านบนของมหาวิหารเบอร์ลิน(ซ้าย)และ Zeughaus Historical Museum(ขวา)


นางฟ้า 1 ใน 8 ของมหาวิหารเบอร์ลินทำจากทองแดง(ซ้าย)และวิวของเบอร์ลินเบื้องล่าง(ขวา)


Alte Nationalgalerie(ซ้าย) และ Altes Museum (ขวา)

ช่วงที่ขึ้นไปด้านบนมหาวิหารไม่นานนักก็มีฝนโปรยปรายลงมาอีกแล้วจึงต้องลงมาด้านล่างเนื่องจากพื้นด้านบนค่อนข้างลื่น มีนักท่องเที่ยวแขกขาวคนหนึ่งลื่นล้มดีที่มีเพื่อนจับไว้ทันจึงไม่บาดเจ็บ เราเดินลงมาทางบันไดเวียนลงด้านล่างซึ่งเป็นส่วนเก็บพระศพของสมาชิกราชวงศ์ เขาห้ามส่งเสียงดังคล้ายกับเพื่อเป็นการถวายความเครพ อากาศเย็นแปลกๆ อ้อ เขาห้ามถ่ายรูปครับเลยไม่มีภาพมาฝากจากนั้นก็เดินออกมาด้านนอก เราแวะทานอาหารเที่ยงที่เตรียมมากันที่สวนสาธารณะข้างมหาวิหารนั่นเอง เสร็จแล้วเรามุ่งหน้าลงใต้เพื่อไปยังประตูชัยแห่งเบอร์ลิน ถ้าใครมาเบอร์ลินแล้วไม่ไปถ่ายรูปจุดนี้ถือว่ายังมาไม่ถึงเบอร์ลิน ผ่านมหาวิทยาลัย Humboldt และอนุสาวรีย์อะไรไม่ทราบ(ถามเพื่อนแล้วบอกไม่รู้เหมือนกัน..อ้าว)

ไหนๆก็มาแล้วไม่มีรูปลงเลยมันก็แปลกๆเนอะ


ถึงแล้วครับประตูชัยแห่งเบอร์ลินหรือ Brandenburg Gate

จาก Brandenburg gate เราเข้าไปจิบกาแฟให้ร่างกายอบอุ่นสักนิดที่ร้านทางด้านขวาของประตูก่อนเดินทางกันต่อช่วงนี้แบตมือถือของเราหมดจึงให้เพื่อนถ่ายให้ เราไปต่อที่อาคารรัฐสภาแห่งเยอรมัน ต้องบอกว่าใหญ่โตไม่แพ้มหาวิหารแห่งเบอร์ลินและนี่เป็นอีกที่ซึ่งเราตั้งใจว่าจะเข้าไปชมด้านใน คืออยากจะขึ้นไปโดมแก้วด้านบน เพราะสามารถมองลงมาเห็นห้องประชุมของรัฐสภาได้ด้วย แต่เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ มีการตรวจรักษาความปลอดภัยอย่างสูงสุดคนที่จะเข้าชมด้านในต้องจองคิว ซื้อบัตร ถ่ายสำเนา Passport ให้เจ้าหน้าที่และมีการประทับตราลงใน Passport ด้วย(เข้าได้ในวันถัดไปและไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในวันและเวลาราชการ) เราไม่ได้จองคิวไว้จึงไม่สามารถเข้าได้ ได้แต่ชมความยิ่งใหญ่ของอาคารอยุ่ภายนอกอย่างเดียว......น่าเสียดาย

ที่กางร่มเพราะฝนตกนะครับ กลัวจะเป็นหวัด

มาถึงตอนนี้เวลาเกือบ 6 โมงเย็นเราจึงจำใจต้องกลับเพราะต้องเผื่อเวลานั่งรถกลับอีก 4 ชั่วโมงเราเดินทางกลับไปยังสถานีรถไฟหลักของเบอร์ลินอีกครั้งเพื่อเดินทางกลับระหว่างทางแวะถ่ายรูปทำเนียบนายกรัฐมนตรีแองเจล่า เมเคลแห่งเยอรมันเป็นที่ระลึกอีกหนึ่งที่

ด้านหลังคือทำเนียมนายกรัฐมนตรีของเยอรมัน

เราขึ้นรถไฟกลับไปยังสถานีต้นทางก่อนที่จะกลับเราแวะไปกินอาหารเติมพลังที่ร้านอาหารอิตาเลียน(วันหยุดหาอาหารกินค่อนข้างยาก) เราสั่งสปาเกตตี้ไข่ ได้เยอะกินไม่หมด(อาจเพราะรสชาติไม่ถูกปากด้วย) เพื่อนสั่งพิชซ่ากินเสร็จเราเดินกลับให้อาหารย่อยสักพัก เรารอรถ Bus ที่เรามาเมื่อตอนเช้าที่ท่ารถ นานพอสมควรกว่ารถจะมา

ท่ารถที่จะพากเรากลับเมืองเบรเมน

วันนั้นเรากลับมาถึงที่พักตอน 4 ทุ่มครึ่งเหนื่อยมากๆอีกเช่นกัน เสร็จอาบน้ำเข้านอนหลับเป็นตายเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่