Friday Collage หรือ มีชื่อไทยๆว่า ฟรายเดย์วิทยาคม -*-
ศูนย์รวมของนักเรียนชายหน้าตาดี (นิยายเค้าว่าหยั่งง้าน) เป็นแหล่งรวมทรัพยากรธรรมชาติพ่อพันธุ์ชั้นดี จึงเหมาะแก่การประมูล แย่งชิง เพื่อทำสัมปทานของสาวๆในกรุงเทพ โดยเฉพาะโรงเรียนหญิงล้วนอย่าง คอนแวนท์ เป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้น ทรัพยากรธรรมชาติแท้ๆ นับวันก็เริ่มหายากมากขึ้นทุกทีๆ
โดยเฉพาะการที่ทรัพยากรเหล่านั้นเกิดปฏิกิริยาฟิวชั่น หลอมรวมกินกันเอง กลายเป็นปัญหาใหญ่หลวงไม่น้อยไปกว่าปัญหาน้ำท่วม กทม. เลยทีเดียวเชียว -__-"
แต่กระนั้น อย่างน้อยๆ ก็ยังมีชายแท้ๆอยู่ 2 คน อาศัยอยู่ในโรงเรียนฟรายเดย์ คนหนึ่งเป็นเลขาสภานักเรียน หล่อ หน้าตาดี มีเป็นแฟนเป็นดาวคอนแวนท์ เนมว่า คุณชายปุณณ์ ภูมิพัฒน์ อีกคนเป็นประธานชมรมดนตรี หัวเกรียน บุคลิกโผงผาง โวยวายเสียงดัง แต่ก็เป็นที่ป๊อบปูล่าห์ในบรรดาสาวๆเช่นกัน ชื่อ โน่
ทั้งสองเป็นเพื่อนต่างห้องกันห่างๆตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งครั้งหนึ่ง เพื่อนโน่ชวนโน่ไปเที่ยวงานวันเกิดที่บ้านปุณณ์ ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จนตอนใกล้จะกลับ โน่ได้อวยพรให้เจ้าภาพวันเกิดอย่างกะทันหัน ไม่ทันตั้งตัว และนั่นก็น่าจะเป็นความทรงจำวัยเด็กเพียงไม่กี่อย่างที่โน่มีกับปุณณ์ เป็นเวลาหลายปีที่สังคม เพื่อน ได้พาทั้งคู่เดินไปตามวิถีทางของตัวเอง .......
จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อไอ้ง่อย เด็กในชมรมดนตรี เผือกพิดงบพลาด เงินค่ากลองที่ชมรมควรได้ 35,000 กลับเหลือแค่ 5,000 บาท ร้อนถึงประธานโน่ ต้องรีบวิ่งแจ้นมาเคลียร์กับประธานนักเรียน (ฟี่) แต่เมื่อมาถึงห้อง โน่กลับได้พบกับเลขาสภาแทน ความสัมพันธ์ห่างๆของทั้งคู่ที่ไม่น่าจะมีอะไรกลับต้องมาเกี่ยวข้อง วุ่นวายมากขึ้น เมื่อโน่ขอร้องให้ปุณณ์ช่วยคุยเรื่องงบ ปุณณ์รับปาก แต่มีข้อแม้ข้อนึง ซึ่งโน่เองคาดไม่ถึง เมื่อปุณณ์ของให้โน่เป็นแฟน (แบบหลอกๆ) กับปุณณ์ เพื่อช่วยปุณณ์เคลียร์ปัญหาที่บ้านแลกเปลี่ยนกัน .... นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่แสนจะวุ่นวายในตัวนิยาย และ ในซีรี่ย์ ซีซั่นที่ 1 ,,,,,,,
ตอนที่ 1 : โน่ ... เป็นแฟนผมดิ !
ปฐมบทแห่งการเริ่มต้นควรจะเป็นเรื่องที่น่าจดจำ แต่สำหรับการเปิดตัวด้วยฉากปาร์ตี้วันเกิดของปุณณ์ (ตอนโต ?) กลายเป็นฝันร้ายของแฟนนิยายและผู้ชมโดยรวม การ Introduce เรื่องของทีมเขียนบทและผู้กำกับไม่ได้สร้างความประทับใจเลยแม้แต่น้อย ด้วยจะหวะเรื่องที่ล่องลอย ไร้จุดหมายยาวนานร่วมๆ 20 นาที ก่อนที่เนื้อเรื่องจะเริ่มเดินในช่วง 10 นาที ให้หลังไปแล้ว
หลังจากช่วงเวลาที่น่าเบื่อผ่านไป การปรากฏตัวอย่างมีเสน่ห์ของตัวละคร "โน่" (รับบทโดย กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง) ทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสนไม่น้อย (ว่าจะดูต่อดีหรือไม่ ?) การแสดงของกัปตันเรียกสติให้ผู้ชมกลับมาโฟกัสที่เนื้อเรื่องได้อย่างจริงๆจังๆครั้งแรก เป็นการสร้างความประทับใจแบบ First Impression ได้ไม่น้อย แม้ว่าคู่หูร่วมจอ ไวท์ รับบท ปุณณ์ จะออกอาการตะกุกตะกักอยู่ไม่น้อย ... แม้ภาพรวมจะดูไม่น่าประทับใจ แต่ฉากท้ายเรื่องก็ทำให้เรายังพอมีความหวังเล็กๆที่จะติดตามดูต่อไปในตอนหน้า ,,,,,,,
ตอนที่ 2 : ก็แป้งบอกว่า อยากเจอแฟนพี่ไม่ใช่เหรอ !
ความหวังเล็กๆของผู้ชมในตอนก่อน ถูกจุดประกายอีกครั้ง เมื่อตอนที่ 2 เราได้พบกับเรื่องราวปุณณ์โน่ที่เดินหน้าไปพร้อมๆกับเส้นเรื่องรองๆ ทั้งแก๊งค์คอนแวนท์ และคม แม้ว่าการใส่เรื่องรองๆจะถูกวางพล็อตให้น่าสนใจแค่ไหน แต่ปัญหาคือเส้นเรื่องรองไม่ได้เกี่ยวของกับเส้นเรื่องหลักเลย (ไม่ส่งผลต่อการดำเนินเรื่องกันและกัน) ทำให้ผู้ชมอาจจะรู้สึกว่ากำลังดูหนังคนละเรื่องสลับกันอยู่ หรือคิดในแง่ดีคือมีโฆษณากั้นอยู่ 55
ขณะที่เนื้อเรื่องปุณณ์กับโน่ในตอนนี้ มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ฉากสนทนาริมสระอาจจะดูยาวเหยียด แต่ทั้งคู่ก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีโดยเฉพาะกัปตัน ขณะที่ไวท์ยังดูเกร็งๆติดๆขัดๆบ้าง แต่ไฮไลท์ของตอนนี้อยู่ที่ฉากในบ้าน โดยเฉพาะฉากนั่งเบียดกัน ขาใหญ่ ร้อน เปิดแอร์ เป็นฉากที่น่าจดจำของผู้ชมทุกๆคน ที่ดูแล้วรู้สึกสนุก ลื่นไหล เป็นธรรมชาติ , ในตอนนี้เราได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เปลี่ยนจากเพื่อนห่างๆมาเป็นเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากขึ้น ซึ่งมาถูกทางแล้วหลังจากโดนถล่มเละในตอนแรก
ตอนที่ 3 : จริงๆ ไม่ต้องมาส่งก็ได้นะ ใกล้แค่นี้เอง,,,,,, แป้งไม่ยอมนิหว่า ทำไงได้วะ แฟนทั้งคน !
ฉากจิ้น นอนกอดกันในผ้าห่ม (ท้ายตอนที่ 2 ) และ ฉากล้างรถในตำนาน กลายเป็นฉากที่ถูกพูดถึงในวงกว้างโดยเฉพาะระดับความฟิน กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการขายฉากจิ้นฟินจิกหมอนแบบ ชช. แบบที่ละครหลายเรื่องนำไปทำตาม นี่เป็นฉากขายที่ต้องยกเครดิตให้กับผู้กำกับที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะเมื่อผู้ชมได้ยินเสียงเมโลดี้ ดึม ดึม ดึม ก็จะนึกถึงความฟินคู่ปุณณ์โน่แบบทันที (พูดไปก็เหมือนกับการใช้ ทฤษฏีจิตวิทยาการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบคลาสสิก , สุนัข ได้ยินเสียงกระดิ่ง น้ำลายไหล 555)
ฉากบนโต๊ะอาหาร และ ฉากล้างรถ ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่เริ่มเข้าใกล้กันมาขึ้น การทิ้งท้ายฉากจบที่ปุณณ์มาส่งโน่ที่บ้าน ด้วยภาพสโลว์โมชั่นตัดสลับให้ทั้งคู่อมยิ้มนั่งคิดถึงกัน ดูจะเป็นฉากที่ตีความเกินเลยจากในนิยายพอสมควร เพราะความคิดของโน่ตอนนั้น แทบจะไม่ได้คิดอะไรกับปุณณ์มากกว่าเพื่อนเลย แต่ก็ยังถือว่าพอให้อภัยได้ เพราะการแสดงที่ลื่นไหลของทั้งคู่ยังคงช่วยพยุงเรื่องราวที่ไม่ค่อยเน้นอะไรในตอนนี้ได้เยอะ
ตอนที่ 4 : เลิกคิดมากเถอะน่ะ ..... สัญญานะ
ผลกระทบหลังการเล่นแชมพูล้างรถ ทำให้คุณชายปุณณ์ถึงกับล้มหมื่นนอนเสื่อ ร้อนให้ประธานโน่ต้องมาช่วยดูแล take care (ทั้งทีจริงๆแล้ว โมเมโดดเรียนมาเล่นเกมส์บ้านปุณณ์มากกว่า) จนกลายมาเป็นฉากจิ้นทายาและฮีทเตอร์ในตำนาน ซึ่งผู้กำกับก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวังอีกครั้ง แต่ที่น่าตำหนิที่สุดในตอนนี้คือ คุณภาพงานสร้าง การถ่ายภาพสว่างจ้า การอัดเสียง ตัดต่อเสียงที่ย่ำแย่ คืออัดไอโฟนยังชัดกว่าเลย สาบาน กลายเป็นสิ่งที่ลดทอนอารมณืในภาพรวมลงอย่างน่าเสียดาย
ผู้เขียนเห็นว่าฉากที่ดีที่สุดในตอนนี้อยู่ในตอนที่อัดเสียงได้แย่ที่สุด นั่นคือ ตอนที่โน่นอนคุยกับปุณณ์เถียงกันว่าใครผิด ไม่ผิด ที่ทำให้ปุณณ์ป่วย (ฉากนี้ไม่มีในนิยาย) ปิดท้ายด้วยการที่ปุณณ์ยื่นนิ้วก้อยทำสัญญากับโน่ให้เลิกคิดมาก ตามด้วยการตบเหม่งอีกหนึ่งป้าบ
การแสดงของกัปตันในฉากนี้ถือเป็นการแสดงฉากดราม่าเล็กๆครั้งแรกในเรื่อง ซึ่งเค้าสามารถถ่ายทอดผ่านสายตาออกมาได้ดีมากๆ ชนิดที่ไม่ต้องพูดก็รู้คำตอบ นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้เห็นพลังทางการแสดงของกัปตันในฉากดราม่า และเชื่อว่าเค้าเป็นนักแสดงที่มีศักยภาพที่จะแสดงอารมณ์ซับซ้อนได้ดี ถ้าบทอำนวย ภาพรวมในตอนนี้ คะแนนจะต่ำเนื่องเราหักความไม่ปราณีตด้านโปรดักชั่น ,,,
ตอนที่ 5 : เดี๋ยวกุไปหยิบยาก่อนนะ เดี๋ยวเมิงไม่หาย
หลังจากเซ็งอารมณ์กับโปรดักชั่นในตอนที่ 4 , มาถึงตอนที่ 5 โปรดักชั่นกลับทำได้ปราณีตขึ้น O_0 คือปรับอารมณ์แทบไม่ทัน (ทีมงานทีมเดียวกันป่าววะ 55, มาทราบทีหลังว่า ตอน 4 ส่วนใหญ่ถ่ายทำวันแรก ความไม่พร้อมมีเยอะ)
ครึ่งแรก ใช้เวลาหมดไปกับการเล่าเรื่องจี๊ด แก๊งเจ๊บี และ การติดตามปุณณ์ที่ยังไม่เป็นลมล้มพับเสียที ทำให้ขาดความกระชับ ความต่อเนื่องของสถานการณ์พอสมควร , ช่วงครึ่งหลัง ฉากฮีทเตอร์เรียกความฟินได้ถูกจังหวะ และอบอุ่นจริงๆ , ฉากโน่ทำโจ๊กกับพี่เลี้ยงอาจจะดูยืดยาว แต่ก็สนุกดีไม่น่าเบื่อเท่าไหร่ บทสนทนาระหว่างโน่กับพี่แอนเรื่องให้เปิดใจ (ทำโจ๊ก) ก็ถือเป็นมุกที่เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี , ส่วนฉากสุดท้าย ตอนที่ทั้งคู่นั่งเล่นเกมและป้อนโจ๊ก ก็เป็นฉากหนึ่งที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจ ทั้งคู่ดูสับสนกับบทบาทที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างคำว่าเพื่อนและเกินเพื่อน
เสียงเพลงคอรัส ... เธอทำให้ฉันรู้ว่าความอบอุ่นมันเป็นอย่างไร ... ถูกใส่เข้ามาถูกที่ถูกเวลา แม้จะเป็นฉากสั้นๆ แต่การถ่ายทอดด้วยท่าทีเรียบง่าย ซื่อๆ ก็ทำให้อารมณ์ของซีรี่ย์เปลี่ยนไปในทางที่สับสนขึ้น ซีเรียสขึ้นได้ทันที ...
ตอนที่ 6 : อือ หวัดดี
อารมณ์หน่วงของซีรี่ย์ที่เกิดขึ้นในตอนก่อนหน้า กลับกลายเป็นสิ่งที่หน่วงอารมณ์คนดูแทน สืบเนื่องมาจากการเล่าเรื่องในส่วนคู่หลักที่ไม่ค่อยมีความคืบหน้าเท่าที่ควร จะมีแค่ก็ฉากเมินกัน ทำตัวห่างเหินกัน และจบลงแค่นั้น ประกอบกับเนื้อเรื่องในส่วนอื่นๆที่ดูร่าเริงเกินเหตุ (เจ๊บี, น้องแป้งกับเพื่อน) ถูกใส่เข้ามาประมาณว่าถมให้เต็มเวลาฉาย ทำให้ตอนนี้เป็นตอนที่ไม่มีอะไรมาก และคะแนนก็น้อยตามลงไปด้วย เป็นรองแค่ตอนที่ 1
ตอนที่ 7 : แล้ว.. วันนี้เมิงเมินกุทำไม
หลังจากผิดหวังจากตอนที่แล้ว แต่ซีนหน่วงในตอนนี้กลับทำได้ดีกว่าเดิมแทบจะเรียกว่าว่าหน้ามือหลังมือเลย
ฉากสาดน้ำ โน่ร้องได้กระเเดะมาก, บทสนทนา เมิงเมินกุทำไม ไม่ได้คำตอบอะไรจากปุณณ์นอกจากการหันหลังเดินจากไป , ฉากที่ดีอีกฉากหนึ่งก็คือตอนที่โน่หลอกถาม (ปรึกษาเรื่องปุณณ์) กับยูริ เป็นซีนหนึ่งที่ทั้งกัปตันและพาร์อายเล่นบทสนทนายาวๆได้ราบรื่น เป็นธรรมชาติ แม้ว่าการบันทึกเสียงจะเข้าขั้นโคม่า -*-
ฉากรองสุดท้าย และ ฉากสุดท้าย ที่สยาม เป็นฉากเอ็มวีรวด 2 เพลงติด เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทั้งเพลงและฉากสโลว์โมชั่นถูกใส่เข้ามาอย่างถูกที่ถูกเวลา
ฉากจับมือที่ร้านหนังสือ และเพลง "ขอร้อง" เสียงของกัปตัน เข้ากับสถานกาณ์แบบพอดีเป๊ะๆ และในฉากนี้เอง เราได้เห็นความสามารถการใช้สายตาเพื่อสื่อสารของน้องไวท์ ที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองโน่ที่กำลังเดินจากไป เป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของไวท์ หลังถูกตำหนิมาโดยตลอดเกือบทุกตอน ..
ส่วนฉากปิดท้ายด้วยเพลง "ยังทำไม่ได้" ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าจดจำ ด้วยการถ่ายภาพสยามตอนกลางคืนที่สวยงามที่สุดฉากหนึ่งในซีรี่ย์ (ตากล้องคนเดียวกันหรือป่าววะ 55)
เสียดายอยู่อย่างก็คือฉากโน่ตะโกนในห้องน้ำ ดูจะประหลาด และกัปตันก็แสดงได้ไม่ถึงอารมณ์อีกด้วย ,,, ตอนนี้คะแนนจะเยอะที่สุดในบรรดา 7 ตอนที่ผ่านมาละ แต่ยังไม่ใช่ที่สุด ... หึหึ
LOVE SICK the Series : 1st Season Full Review (ทำเอาไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้เอามาลงสักที เพราะกระแสมาม่าช่วงก่อน -*-)
Friday Collage หรือ มีชื่อไทยๆว่า ฟรายเดย์วิทยาคม -*-
ศูนย์รวมของนักเรียนชายหน้าตาดี (นิยายเค้าว่าหยั่งง้าน) เป็นแหล่งรวมทรัพยากรธรรมชาติพ่อพันธุ์ชั้นดี จึงเหมาะแก่การประมูล แย่งชิง เพื่อทำสัมปทานของสาวๆในกรุงเทพ โดยเฉพาะโรงเรียนหญิงล้วนอย่าง คอนแวนท์ เป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้น ทรัพยากรธรรมชาติแท้ๆ นับวันก็เริ่มหายากมากขึ้นทุกทีๆ
โดยเฉพาะการที่ทรัพยากรเหล่านั้นเกิดปฏิกิริยาฟิวชั่น หลอมรวมกินกันเอง กลายเป็นปัญหาใหญ่หลวงไม่น้อยไปกว่าปัญหาน้ำท่วม กทม. เลยทีเดียวเชียว -__-"
แต่กระนั้น อย่างน้อยๆ ก็ยังมีชายแท้ๆอยู่ 2 คน อาศัยอยู่ในโรงเรียนฟรายเดย์ คนหนึ่งเป็นเลขาสภานักเรียน หล่อ หน้าตาดี มีเป็นแฟนเป็นดาวคอนแวนท์ เนมว่า คุณชายปุณณ์ ภูมิพัฒน์ อีกคนเป็นประธานชมรมดนตรี หัวเกรียน บุคลิกโผงผาง โวยวายเสียงดัง แต่ก็เป็นที่ป๊อบปูล่าห์ในบรรดาสาวๆเช่นกัน ชื่อ โน่
ทั้งสองเป็นเพื่อนต่างห้องกันห่างๆตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งครั้งหนึ่ง เพื่อนโน่ชวนโน่ไปเที่ยวงานวันเกิดที่บ้านปุณณ์ ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จนตอนใกล้จะกลับ โน่ได้อวยพรให้เจ้าภาพวันเกิดอย่างกะทันหัน ไม่ทันตั้งตัว และนั่นก็น่าจะเป็นความทรงจำวัยเด็กเพียงไม่กี่อย่างที่โน่มีกับปุณณ์ เป็นเวลาหลายปีที่สังคม เพื่อน ได้พาทั้งคู่เดินไปตามวิถีทางของตัวเอง .......
จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อไอ้ง่อย เด็กในชมรมดนตรี เผือกพิดงบพลาด เงินค่ากลองที่ชมรมควรได้ 35,000 กลับเหลือแค่ 5,000 บาท ร้อนถึงประธานโน่ ต้องรีบวิ่งแจ้นมาเคลียร์กับประธานนักเรียน (ฟี่) แต่เมื่อมาถึงห้อง โน่กลับได้พบกับเลขาสภาแทน ความสัมพันธ์ห่างๆของทั้งคู่ที่ไม่น่าจะมีอะไรกลับต้องมาเกี่ยวข้อง วุ่นวายมากขึ้น เมื่อโน่ขอร้องให้ปุณณ์ช่วยคุยเรื่องงบ ปุณณ์รับปาก แต่มีข้อแม้ข้อนึง ซึ่งโน่เองคาดไม่ถึง เมื่อปุณณ์ของให้โน่เป็นแฟน (แบบหลอกๆ) กับปุณณ์ เพื่อช่วยปุณณ์เคลียร์ปัญหาที่บ้านแลกเปลี่ยนกัน .... นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่แสนจะวุ่นวายในตัวนิยาย และ ในซีรี่ย์ ซีซั่นที่ 1 ,,,,,,,
ตอนที่ 1 : โน่ ... เป็นแฟนผมดิ !
ปฐมบทแห่งการเริ่มต้นควรจะเป็นเรื่องที่น่าจดจำ แต่สำหรับการเปิดตัวด้วยฉากปาร์ตี้วันเกิดของปุณณ์ (ตอนโต ?) กลายเป็นฝันร้ายของแฟนนิยายและผู้ชมโดยรวม การ Introduce เรื่องของทีมเขียนบทและผู้กำกับไม่ได้สร้างความประทับใจเลยแม้แต่น้อย ด้วยจะหวะเรื่องที่ล่องลอย ไร้จุดหมายยาวนานร่วมๆ 20 นาที ก่อนที่เนื้อเรื่องจะเริ่มเดินในช่วง 10 นาที ให้หลังไปแล้ว
หลังจากช่วงเวลาที่น่าเบื่อผ่านไป การปรากฏตัวอย่างมีเสน่ห์ของตัวละคร "โน่" (รับบทโดย กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง) ทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสนไม่น้อย (ว่าจะดูต่อดีหรือไม่ ?) การแสดงของกัปตันเรียกสติให้ผู้ชมกลับมาโฟกัสที่เนื้อเรื่องได้อย่างจริงๆจังๆครั้งแรก เป็นการสร้างความประทับใจแบบ First Impression ได้ไม่น้อย แม้ว่าคู่หูร่วมจอ ไวท์ รับบท ปุณณ์ จะออกอาการตะกุกตะกักอยู่ไม่น้อย ... แม้ภาพรวมจะดูไม่น่าประทับใจ แต่ฉากท้ายเรื่องก็ทำให้เรายังพอมีความหวังเล็กๆที่จะติดตามดูต่อไปในตอนหน้า ,,,,,,,
ตอนที่ 2 : ก็แป้งบอกว่า อยากเจอแฟนพี่ไม่ใช่เหรอ !
ความหวังเล็กๆของผู้ชมในตอนก่อน ถูกจุดประกายอีกครั้ง เมื่อตอนที่ 2 เราได้พบกับเรื่องราวปุณณ์โน่ที่เดินหน้าไปพร้อมๆกับเส้นเรื่องรองๆ ทั้งแก๊งค์คอนแวนท์ และคม แม้ว่าการใส่เรื่องรองๆจะถูกวางพล็อตให้น่าสนใจแค่ไหน แต่ปัญหาคือเส้นเรื่องรองไม่ได้เกี่ยวของกับเส้นเรื่องหลักเลย (ไม่ส่งผลต่อการดำเนินเรื่องกันและกัน) ทำให้ผู้ชมอาจจะรู้สึกว่ากำลังดูหนังคนละเรื่องสลับกันอยู่ หรือคิดในแง่ดีคือมีโฆษณากั้นอยู่ 55
ขณะที่เนื้อเรื่องปุณณ์กับโน่ในตอนนี้ มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ฉากสนทนาริมสระอาจจะดูยาวเหยียด แต่ทั้งคู่ก็ถ่ายทอดออกมาได้ดีโดยเฉพาะกัปตัน ขณะที่ไวท์ยังดูเกร็งๆติดๆขัดๆบ้าง แต่ไฮไลท์ของตอนนี้อยู่ที่ฉากในบ้าน โดยเฉพาะฉากนั่งเบียดกัน ขาใหญ่ ร้อน เปิดแอร์ เป็นฉากที่น่าจดจำของผู้ชมทุกๆคน ที่ดูแล้วรู้สึกสนุก ลื่นไหล เป็นธรรมชาติ , ในตอนนี้เราได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เปลี่ยนจากเพื่อนห่างๆมาเป็นเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากขึ้น ซึ่งมาถูกทางแล้วหลังจากโดนถล่มเละในตอนแรก
ตอนที่ 3 : จริงๆ ไม่ต้องมาส่งก็ได้นะ ใกล้แค่นี้เอง,,,,,, แป้งไม่ยอมนิหว่า ทำไงได้วะ แฟนทั้งคน !
ฉากจิ้น นอนกอดกันในผ้าห่ม (ท้ายตอนที่ 2 ) และ ฉากล้างรถในตำนาน กลายเป็นฉากที่ถูกพูดถึงในวงกว้างโดยเฉพาะระดับความฟิน กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการขายฉากจิ้นฟินจิกหมอนแบบ ชช. แบบที่ละครหลายเรื่องนำไปทำตาม นี่เป็นฉากขายที่ต้องยกเครดิตให้กับผู้กำกับที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะเมื่อผู้ชมได้ยินเสียงเมโลดี้ ดึม ดึม ดึม ก็จะนึกถึงความฟินคู่ปุณณ์โน่แบบทันที (พูดไปก็เหมือนกับการใช้ ทฤษฏีจิตวิทยาการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบคลาสสิก , สุนัข ได้ยินเสียงกระดิ่ง น้ำลายไหล 555)
ฉากบนโต๊ะอาหาร และ ฉากล้างรถ ทำให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่เริ่มเข้าใกล้กันมาขึ้น การทิ้งท้ายฉากจบที่ปุณณ์มาส่งโน่ที่บ้าน ด้วยภาพสโลว์โมชั่นตัดสลับให้ทั้งคู่อมยิ้มนั่งคิดถึงกัน ดูจะเป็นฉากที่ตีความเกินเลยจากในนิยายพอสมควร เพราะความคิดของโน่ตอนนั้น แทบจะไม่ได้คิดอะไรกับปุณณ์มากกว่าเพื่อนเลย แต่ก็ยังถือว่าพอให้อภัยได้ เพราะการแสดงที่ลื่นไหลของทั้งคู่ยังคงช่วยพยุงเรื่องราวที่ไม่ค่อยเน้นอะไรในตอนนี้ได้เยอะ
ตอนที่ 4 : เลิกคิดมากเถอะน่ะ ..... สัญญานะ
ผลกระทบหลังการเล่นแชมพูล้างรถ ทำให้คุณชายปุณณ์ถึงกับล้มหมื่นนอนเสื่อ ร้อนให้ประธานโน่ต้องมาช่วยดูแล take care (ทั้งทีจริงๆแล้ว โมเมโดดเรียนมาเล่นเกมส์บ้านปุณณ์มากกว่า) จนกลายมาเป็นฉากจิ้นทายาและฮีทเตอร์ในตำนาน ซึ่งผู้กำกับก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวังอีกครั้ง แต่ที่น่าตำหนิที่สุดในตอนนี้คือ คุณภาพงานสร้าง การถ่ายภาพสว่างจ้า การอัดเสียง ตัดต่อเสียงที่ย่ำแย่ คืออัดไอโฟนยังชัดกว่าเลย สาบาน กลายเป็นสิ่งที่ลดทอนอารมณืในภาพรวมลงอย่างน่าเสียดาย
ผู้เขียนเห็นว่าฉากที่ดีที่สุดในตอนนี้อยู่ในตอนที่อัดเสียงได้แย่ที่สุด นั่นคือ ตอนที่โน่นอนคุยกับปุณณ์เถียงกันว่าใครผิด ไม่ผิด ที่ทำให้ปุณณ์ป่วย (ฉากนี้ไม่มีในนิยาย) ปิดท้ายด้วยการที่ปุณณ์ยื่นนิ้วก้อยทำสัญญากับโน่ให้เลิกคิดมาก ตามด้วยการตบเหม่งอีกหนึ่งป้าบ
การแสดงของกัปตันในฉากนี้ถือเป็นการแสดงฉากดราม่าเล็กๆครั้งแรกในเรื่อง ซึ่งเค้าสามารถถ่ายทอดผ่านสายตาออกมาได้ดีมากๆ ชนิดที่ไม่ต้องพูดก็รู้คำตอบ นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้เห็นพลังทางการแสดงของกัปตันในฉากดราม่า และเชื่อว่าเค้าเป็นนักแสดงที่มีศักยภาพที่จะแสดงอารมณ์ซับซ้อนได้ดี ถ้าบทอำนวย ภาพรวมในตอนนี้ คะแนนจะต่ำเนื่องเราหักความไม่ปราณีตด้านโปรดักชั่น ,,,
ตอนที่ 5 : เดี๋ยวกุไปหยิบยาก่อนนะ เดี๋ยวเมิงไม่หาย
หลังจากเซ็งอารมณ์กับโปรดักชั่นในตอนที่ 4 , มาถึงตอนที่ 5 โปรดักชั่นกลับทำได้ปราณีตขึ้น O_0 คือปรับอารมณ์แทบไม่ทัน (ทีมงานทีมเดียวกันป่าววะ 55, มาทราบทีหลังว่า ตอน 4 ส่วนใหญ่ถ่ายทำวันแรก ความไม่พร้อมมีเยอะ)
ครึ่งแรก ใช้เวลาหมดไปกับการเล่าเรื่องจี๊ด แก๊งเจ๊บี และ การติดตามปุณณ์ที่ยังไม่เป็นลมล้มพับเสียที ทำให้ขาดความกระชับ ความต่อเนื่องของสถานการณ์พอสมควร , ช่วงครึ่งหลัง ฉากฮีทเตอร์เรียกความฟินได้ถูกจังหวะ และอบอุ่นจริงๆ , ฉากโน่ทำโจ๊กกับพี่เลี้ยงอาจจะดูยืดยาว แต่ก็สนุกดีไม่น่าเบื่อเท่าไหร่ บทสนทนาระหว่างโน่กับพี่แอนเรื่องให้เปิดใจ (ทำโจ๊ก) ก็ถือเป็นมุกที่เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี , ส่วนฉากสุดท้าย ตอนที่ทั้งคู่นั่งเล่นเกมและป้อนโจ๊ก ก็เป็นฉากหนึ่งที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจ ทั้งคู่ดูสับสนกับบทบาทที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างคำว่าเพื่อนและเกินเพื่อน
เสียงเพลงคอรัส ... เธอทำให้ฉันรู้ว่าความอบอุ่นมันเป็นอย่างไร ... ถูกใส่เข้ามาถูกที่ถูกเวลา แม้จะเป็นฉากสั้นๆ แต่การถ่ายทอดด้วยท่าทีเรียบง่าย ซื่อๆ ก็ทำให้อารมณ์ของซีรี่ย์เปลี่ยนไปในทางที่สับสนขึ้น ซีเรียสขึ้นได้ทันที ...
ตอนที่ 6 : อือ หวัดดี
อารมณ์หน่วงของซีรี่ย์ที่เกิดขึ้นในตอนก่อนหน้า กลับกลายเป็นสิ่งที่หน่วงอารมณ์คนดูแทน สืบเนื่องมาจากการเล่าเรื่องในส่วนคู่หลักที่ไม่ค่อยมีความคืบหน้าเท่าที่ควร จะมีแค่ก็ฉากเมินกัน ทำตัวห่างเหินกัน และจบลงแค่นั้น ประกอบกับเนื้อเรื่องในส่วนอื่นๆที่ดูร่าเริงเกินเหตุ (เจ๊บี, น้องแป้งกับเพื่อน) ถูกใส่เข้ามาประมาณว่าถมให้เต็มเวลาฉาย ทำให้ตอนนี้เป็นตอนที่ไม่มีอะไรมาก และคะแนนก็น้อยตามลงไปด้วย เป็นรองแค่ตอนที่ 1
ตอนที่ 7 : แล้ว.. วันนี้เมิงเมินกุทำไม
หลังจากผิดหวังจากตอนที่แล้ว แต่ซีนหน่วงในตอนนี้กลับทำได้ดีกว่าเดิมแทบจะเรียกว่าว่าหน้ามือหลังมือเลย
ฉากสาดน้ำ โน่ร้องได้กระเเดะมาก, บทสนทนา เมิงเมินกุทำไม ไม่ได้คำตอบอะไรจากปุณณ์นอกจากการหันหลังเดินจากไป , ฉากที่ดีอีกฉากหนึ่งก็คือตอนที่โน่หลอกถาม (ปรึกษาเรื่องปุณณ์) กับยูริ เป็นซีนหนึ่งที่ทั้งกัปตันและพาร์อายเล่นบทสนทนายาวๆได้ราบรื่น เป็นธรรมชาติ แม้ว่าการบันทึกเสียงจะเข้าขั้นโคม่า -*-
ฉากรองสุดท้าย และ ฉากสุดท้าย ที่สยาม เป็นฉากเอ็มวีรวด 2 เพลงติด เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทั้งเพลงและฉากสโลว์โมชั่นถูกใส่เข้ามาอย่างถูกที่ถูกเวลา
ฉากจับมือที่ร้านหนังสือ และเพลง "ขอร้อง" เสียงของกัปตัน เข้ากับสถานกาณ์แบบพอดีเป๊ะๆ และในฉากนี้เอง เราได้เห็นความสามารถการใช้สายตาเพื่อสื่อสารของน้องไวท์ ที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองโน่ที่กำลังเดินจากไป เป็นหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของไวท์ หลังถูกตำหนิมาโดยตลอดเกือบทุกตอน ..
ส่วนฉากปิดท้ายด้วยเพลง "ยังทำไม่ได้" ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าจดจำ ด้วยการถ่ายภาพสยามตอนกลางคืนที่สวยงามที่สุดฉากหนึ่งในซีรี่ย์ (ตากล้องคนเดียวกันหรือป่าววะ 55)
เสียดายอยู่อย่างก็คือฉากโน่ตะโกนในห้องน้ำ ดูจะประหลาด และกัปตันก็แสดงได้ไม่ถึงอารมณ์อีกด้วย ,,, ตอนนี้คะแนนจะเยอะที่สุดในบรรดา 7 ตอนที่ผ่านมาละ แต่ยังไม่ใช่ที่สุด ... หึหึ