ควรหมดเวลาได้หรือยังกับ วีนกะเทย มช.

สวัสดีค่ะ  ก่อนอื่นนะคะ ต้องบอกก่อนว่าดิชั้นเป็นเพศหญิง ที่ออกแนวทอมนะคะ และมีเพื่อนที่เป็นเกย์ควีนเยอะมาก
และกะเทยบ้างประปราย
    จาก  http://board.postjung.com/887940.html
จะเห็นได้ว่า case นี้เป็นเพียง case ตัวอย่าง ที่บางคนอาจบอกว่าการที่น้องเค้าไม่เลือกเรียนที่นี่ก็เพราะมีรุ่นพี่บางคนที่โพสไปแบบนั้นรึปล่าว
ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงเราก็ไม่อาจทราบได้  แต่จะบอกว่าจากข่าวนี้เอง ดิชั้นได้นึกไปตอนสมัยเรียนปี 1 แล้วเพื่อนดิชั้นสมัย ม.ปลายที่เป็นเกย์ควีน
ได้โควต้าติดที่ มช.  (แต่ดิชั้นอยู่จุฬานะคะ)  ตอนปี 1 นางโทรมาร้องไห้กับดิชั้นบ่อยมาก เพราะ วีนกะเทยนี่แหละค่ะ
คือจะบอกก่อนว่า   เพื่อดิชั้นเป็นเกย์ ออกสาว แต่ไม่แรด เป็นแนวน้องวอคนตามข่าวนี้เลย แต่ไม่ถึงกับแต่งหญิง ยังออกแนวแมนเล็กน้อย
หน้าตาดีมาก ผิวขาวเพราะเป็นสาวเหนือ (เหมือนกัน) เป็นที่หมายปองของพวกเกย์รุกอยู่ร่ำไป
     นางเล่าว่า ใครที่เป็นกะเทยหรือเกย์ต้องเข้าวีนทั้งหมด  ใครแอ๊บได้จะโดนไล่จิก ไล่ตาม pressure ประมาณว่า ถ้าเมิงไม่เข้า
เมิงอยู่ไม่ได้เลยแหละมหาลัยนี้  จะเดินหน้ามอหลังมอ ถ้าเจออิกลุ่มรุ่นพี่กะเทยต้องหลบสายตา  ต้องเดินหนี ต้องทำหูทวนลม
ห้ามตอบโต้ สารพัดที่พวกกะเทยชั้นต่ำพวกนี้จะทำอย่างคนไร้การศึกษา  ถ้าใครสู้มัน มันก็จะเรียกพรรคพวกรุ่นแม่ (คือคนที่
เรียนมากกว่า 4 ปีอ่ะค่ะ บางคนยังวนเวียนเป็นสัมภเวสีอยู่แถวมอ) มาทำร้ายด้วยการตบ ตี  แต่แปลกมากเลยนะคะว่าทำไมถึงไม่มี
ใครกล้าเอาเรื่อง  หรือเอาเรื่องแล้วจะโดนดีหลังก็ไม่รู้นะคะ
      ประมาณว่าใครเป็นเกย์ ถ้าจะแอ๊บต้องแอ๊บตลอดสี่ปีนะ ห้ามมาแตกสาวเอาตอนระหว่างเรียน (คือมีงี้ด้วย)  นางเล่าให้ฟังไปน้ำตาไหลไป
ว่าโดนรังแกสารพัด  ส่วนใหญ่ก็เป็นกะเทยแถวภาคเหนือนั่นแหละค่ะ ที่มันจะมารวมกันเป็นทีมที่แกร่งกล้าตามรังแกคนอื่น
     ดิชั้นไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องวอ (คนที่เป็นข่าว) เลยไม่เลือกที่จะเรียน มช. ทั้งๆที่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ดิชั้นคิดว่าลึกๆ
น้องเค้าก็คงรู้แหละ (ดิชั้นว่าทุกๆคนที่อยู่ มช. เค้าก็รู้)  ว่าใครเป็นกะเทยหรือเกย์ก็จะโดนหมด  ตบ ตี ถีบ ด่า จิกกัดหน้ามอ โดนสารพัด
ทุกอย่างที่มันจะทำต่ำๆใส่ได้  แต่ชั้นปีสองแล้วจะสบาย เพราะเป็นเจ๊ได้แล้ว ปีหนึ่งก็รับกรรมต่อไป
     รู้สึกสงสารคนเป็นเกย์ควีน หรือ กะเทยที่ใฝ่ดีหลายๆคนจัง  ที่ต้องเข้ามหาวิทยาลัยนี้แล้วโดนทารุณกรรมต่างๆมากมาย
มิน่ากะเทยแถวโรงเรียนภาคเหนือเค้าจึงหนีมามหาลัยแถวภาคกลางหมด
     ไม่รู้มหาวิทยาลัยนี้เค้าบริหารกันยังไงนะคะ  ปล่อยให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับนักศึกษามาเป็นเวลานานได้อย่างไร
หรือผู้บริหารก็ทราบแต่ไม่ทำอะไร เพราะผู้บริหารก็เคยเข้าวีนกะเทยหรือปล่าว ????
    
     ปล.1  ดิชั้นไม่ได้ว่ากะเทย มช. ทุกคนจะเป็นแบบนี้นะคะ กะเทยดีๆเค้ามีอีกมาก ที่รักดี รักการเรียน มาเรียนเพื่ออนาคตจริงๆ
ไม่ใช่มาเรียนเพื่อมารวมกลุ่ม หรือแสดงอำนาจบารมีให้คนกราบไหว้เวลาเดินหน้ามอหลังมอหรือในวอร์มอัพ ให้รุ่นน้องเกรงกลัว
เวลาทำกิจกรรมก็จะได้โดดเด่นกว่าคนอื่น (ทั้งที่การเรียนห่วยแตก หรือบางคนเปอร์ไปแล้วก็มี)
     ปล.2 อย่ามาอ้างว่า ถ้าไม่มีพวกชั้นกิจกรรมมหาวิทยาลัยจะมีสีสันเหรอ  ดิชั้นบอกเลยนะคะ มีกะเทยทุกที่มีสีสันค่ะ
แต่ประเด็นไม่ได้บอกว่า มีสีสันหรือไม่มีสีสันอย่าหลงประเด็น  ประเด็นคือ กิจกรรมวีนกะเทยของพวกหล่อน มันเป็นการทารุณกรรม
รุ่นน้อง ไม่ต่างอะไรจากการรับน้องโหดๆของพวกช่างกล ทั้งๆที่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีมีชื่อเสียง และน่าจะมีแต่คนที่เป็นปัญญาชนอยู่
     ปล.3 ยอมรับว่าการมีวีนกะเทย อาจทำให้กะเทยหลายๆคนรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  แต่หล่อนลืมไปหรือปล่าว
ว่ามันไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงก็ได้  ที่จุฬาการรับน้องปี 1 ก็มีตั้งเยอะแยะเรายังรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย เพราะที่จุฬาก็มีกะเทย
มีเกย์เยอะไม่แพ้ มช. หรอกค่ะ  แต่เค้าไม่เห็นต้องใช้ความรุนแรง บังคับ ขุ่มขู่ เหมือนกะเทย มช. เลย
     ปล.4 ถ้ามีวีนกะเทย  จะส่งผลเสียต่อ  มช. ดังนี้
1. คนที่เป็นเกย์ควีนที่ไม่อยากแสดงตัวมากนัก จะโดนบังคับ ข่มขู่ ให้ทำอะไรที่ตัวเองไม่ชอบ เช่นแต่งหญิง บลาๆๆๆ
(ดิชั้นเข้าใจหัวอก เพราะเคยถูกพ่อบังคับไม่ให้เป็นทอมตอนเด็ก 5555) ซึ่งจะทำให้เกย์หลายๆคน  ซิ่ว ไปเรียนที่อื่น
เงินจะเข้า มช. น้องลง  และหลายๆคนที่เก่ง  มีความสามารถ ฉลาด (กว่าอิรุ่นพี่กะเทยที่โดนรีไทร์ออกไป ที่ยังมาเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนใน ม.)
ก็จะไปเรียนที่อื่นหมด
2. ภาพลักษณ์ของ มช.  จะเสียเพราะกะเทยบางกลุ่มเท่านั้น
3. กะเทยที่อยูแถวโรงเรียนทางภาคเหนือ จะหนีมาเรียนทางภาคกลางหรือที่อื่นหมด ส่งผลเสียลูกโซ่ คือ อยู่ไกลบ้าน
เสียค่าใช้จ่ายมาก  บางคนพ่อแม่เค้ายากจน แต่ก็ต้องยอมมาเรียนไกลๆ หนีวีนกะเทย มช.

       ปล.5 แชร์กันเบาๆนะคะ   คริๆ จุ๊บๆ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ง่ายๆ ครับ ถ้า กะเทยที่จบ มช. และเห็นด้วยกับระบบของกะเทยวีน
ต่อแต่นี้ไปบริษัทผม ไม่รับเข้าทำงานครับ
เหตุผลตรงๆ คือ ทัศนคติที่ยอมรับการกดขี่คน ไม่เป็นผลดีต่อบริษัท


แม้นว่า ผมจะจบมช. มาก็ตาม
ความคิดเห็นที่ 16
นึกย้อนไปเมื่อปี 2553

เป็น Freshman แหละ เอาง่าย ๆ
รู้เรื่องวีนมาพอสมควร แต่ก็ตัดสินใจเรียนที่ ม.ช.
เพื่อนที่เป็นสาว ที่ตัดสินใจมาเรียนด้วยกันนางก็กลัว ๆ เกร็ง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามที่ได้ยินได้ฟังมาหรือเปล่า
พอเริ่มมีกิจกรรมรับน้องตามแต่ละคณะที่นักศึกษาสังกัดอยู่ คณะเราก็เช่นกัน
รุ่นพี่คณะที่สังกัดชมรมวีนก็มาถามว่าจะเข้าหรือไม่ ? สาว ๆ ทั้งรุ่นตอนนั้นกลัวค่ะ ตอบตามจริง
สั่นหัวกันไม่หวาดไม่ไหว สรุปว่า เราก็เป็นหนึ่งในสาว ๆ ที่ไม่ได้สังกัดชมรมวีน

ช่วงแรกก็มีกระทบกระทั่งบ้าง การเดินตามทางเดินแล้วจะไม่เจอนี่เป็นไปไม่ได้ ยกเว้นแต่ขับรถมาเรียน จอดระแล้วเดินเข้าเรียนเลย พอเลิกเรียนก็กลับบ้านเลย นี่จะไม่เจอ (แต่อย่างว่า ที่เที่ยวอื่น หรือสถานที่อื่น ๆ อย่างไรก็เจอพวกนางได้ค่ะ ไม่น้องห่วง)
นั่งทานข้าวตามโรงอาหารเอย ห้องสมุดเอย นั่งทำการบ้านเอย เจอหมดค่ะ แต่บริบทมันก็แตกต่างกันไปแหละว่าพวกนาง ๆ จะทำอะไรให้เรารู้สึกแย่ได้บ้าง ยอมรับนะคะว่าแรก ๆ ก็ใจแป้ว โอ้โห พูดขนาดนี้ไม่เอารถมาชนกูให้ตายเลยล่ะ  แต่ก็ด้วยการนึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่ ผู้มีพระคุณสูงสุดไว้ตลอดเวลา
พร้อมท่องถาคาข่มใจ(ตัวเอง)ไว้ว่า "ห้ามมีเรื่อง ไม่งั้นขึ้นตึกหน้า" ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ กล้ำกรายมานะคะ
ปกติสุข ไร้รอยขีดข่วนใด ๆ และยิ่งบริบทที่ใกล้จบการศึกษา พวกเขาไม่มาสนใจแล้วค่ะ ว่าคุณจะเข้าหรือไม่เข้า
อีกอย่างคือ เพื่อนสาวที่คบกันมาหรือรู้จักกันมาก่อนที่จะเข้าเรียนที่ ม.ช. แล้วพวกนางสังกัดชมรมวีน นาง ๆ ทั้งหลายก็ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับเรานะ อาจจะเป็นเพราะ เพื่อนเหล่านี้แยกแยะออกว่า อะไรคืออะไร เลยทำให้ไม่ได้รู้สึกว่า การไม่สังกัดชมรม จะถูกริดรอนสิทธิ์หรือถูกปิดกั้นการแสดงออกแต่อย่างใด เพราะส่วนตัว ไม่ได้เป็นคนที่มีลักษณะทางกายภาพที่ อรชร อ้อนแอ้น หรือมีความคิดที่จะผ่าตัดแปลงเพศ เลยไม่ได้เสียดายที่ไม่ได้แต่งหญิงหรือไม่ได้ทำอะไรอื่น ๆ สักเท่าไหร่

โดยส่วนตัว"เพื่อนและรุ่นพี่ที่เราให้ความนับถือ"ที่สังกัดชมรมวีน น่ารักทุกคนค่ะ
อาจจะมีบ้าง ที่ยังมีกริยาที่กักขฬะ ดังเช่นที่ทุกท่านติดตามจนเป็นกระแสโด่งดัง ณ ขณะนี้
แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกับการใช้ชีวิตของเราแต่อย่างใด ดังนั้นเลยไม่สนใจค่ะ บ้างครั้งการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแห่วนี้ อาจจะเจอะเจอกับบางคนที่เคยจิกกัดกันบ้าง แรกก็ก็อยากเปรี้ยวค่ะ นึกในใจ ขับรถตามหักลงข้างทางดีไหมเอ่ย ? พาไปเที่ยวป่าซักคืนดีไหมเอ่ย ? ตอนนี้ก็มองเป็อากาศธาตุแล้วค่ะ ไม่เอาจิตไปจับก็สบายดี

พูดในเรื่องของกิจกรรม เราเองทำกิจกรรมค่ะ อาจจะไม่มากเท่าตัวใหญ่ ๆ ที่ทำกันเช่น สโมสรนักศึกษาประจำคณะและมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ได้น้อยจนเพื่อน พี่ น้อง จำหน้าคาดตาไม่ได้ ขอเล่าหน่อย Sport Day ร้อนค่ะ ยืนกลางแดด ยิ้มอยู่นั่นแหละ แต่ก็สนุกดีค่ะ เพื่อน ๆ บนแสตนด์ นี่ร้อนกว่าเรา เขายังไม่บ่นเลย สนุก ๆ
เอาจริง ๆ เรื่องชมรมวีน ก็ไม่ได้มีผลมากมายอะไร ที่จะทำให้เรา ๆ ท่าน ๆ ทำหรือไม่ทำกิจกรรมนะ มันอยู่ที่การตัดสินใจของเราค่ะ
มีบ้าง เช่น การไปซ้อมกีฬาหรือแข่งกีฬาระหว่างคณะ แล้วชมรมวีนจะเข้ามากระแนะกระแหนบ้าง แต่ก็ไม่มีการถึงเนื้อถึงตัวนะคะ เพราะเราไม่ได้สังกัดชมรม พวกเขาทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้หรอกค่ะ


ตอนนี้จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีแล้วกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่เดิมนี่แหละค่ะ
อยู่มานานละ พลอยให้เห็นความพลวัตรและการผลิตซ้ำมานักต่อนัก ถึงแม้ว่ารายละเอียดในแต่ละปีจะแตกต่างกัน
แต่วีนก็วีน ใครใคร่เข้า จงเข้าค่ะ แต่ก็ยอมรับสภาพนะคะ เพราะหนูเลือกเอง ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา
ส่วนถ้าใครจะไม่เข้า ก็จงมั่นคงกับการตัดสินใจค่ะ เหตุผลล้านแปดที่จะถูกยกมาประโคมสองรูหูของหนู เช่น หล่อนไม่เข้าเพื่อนหล่อนโดนตบนะ ! หล่อนอยู่ไม่ได้แน่คอยดู ! สุดท้ายแล้วถ้าหนู ๆ เลือกที่จะไม่เข้าไปให้พวกเขาโขลกสับ หนูก็ลอยตัวเหนืออำนาจพวกนี้ค่ะ

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า คนที่ตัดสินใจเข้าวีน ย่อมมีเหตุผลในการกระทำของเขาเหล่านั้นค่ะ คนที่ไม่เข้าก็เช่นกัน
แต่ด้วยบริบทของเวลาที่เปลี่ยนไป สภาพสังคมจึงเปลี่ยนแปลง ถ้าวีนอยากจะอยู่โดยยั่งยืน คงจะค้องมีการรับมือกับปัญหานี้อย่างจริงจังค่ะ
ความคิดเห็นที่ 12
จริงๆ อาจารย์ มช. ควรจะใส่ใจปัญหาแบบนี้กันได้แล้วนะ
ไม่ใช่จะทำแต่แค่หน้าที่สอนหนังสือ เอาแต่วิชาการ แต่ไม่ใส่ใจดูแลลูกศิษย์อย่างเต็มที่
มช. เนี่ยขึ้นชื่อเรื่องรับน้อง ไม่ใช่แค่กลุ่มวีน ยังมีกลุ่มอื่นๆอีก ที่เถื่อนไม่แพ้กัน แต่อาจารย์ก็ยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
มีเด็กเข้ามาเรียน มช. แล้วก็ลาออกไปหลายคนก็เพราะปัญหาแบบนี้ล่ะ อาจารย์เรียกพวกรุ่นพี่มาตักเตือน
แต่พวกรุ่นพี่เนี่ยตัวดี เสี้ยมให้รุ่นน้องแอนตี้รุ่นเดียวกันกับคนที่ไม่ร่วมกิจกรรมรับน้อง ไม่ให้คบ ยุยง สารพัด
ถ้าข้าพเจ้าเป็น อาจารย์ มช. จะเอาให้เด็ดขาด(ถ้ามีอำนาจ) ให้ยกเลิกการรับน้องแบบทารุณ เช่น ซ้อมเชียร์ ทำร้ายร่างกาย ละเมิดสิทธิ ถ้ารุ่นพี่หน้าไหนทำ สั่งพักการเรียนโดยไม่มีการอุทธรณ์ ถ้าจะอาจารย์อยากแก้จริงๆ ต้องใส่ในให้มากขึ้น เปิดพื้นที่ให้เด็กปี 1 ได้เข้ามาร้องเรียนให้ง่ายขึ้น เพราะทุกวันนี้ การศึกษาไทยย่ำแย่ เพราะอาจารย์ห่างเหินเด็ก ตัวใครตัวมันจนเกินไป

เข้าไปอ่าน กะเทยรุ่นพี่กลุ่ม วีน ตัวสร้างเรื่อง น่าจะ ปี 3 VS กับ น้องวอ มศว. เพิ่งขึ้น ปี 2
พวกรุ่นพี่วิน พอรู้ข่าว ก็ขู่สารพัด (จริงหรือไม่จริง) แต่ก็แสดงสติปัญญากันต่ำต้อย แทนที่จะยินดีกับน้อง กับแสดงกริยาต่ำทรามมากๆ
แต่ น้องวอ ตัดสินใจไม่ได้ไปเรียนที่ มช. กลับมีกล่าวขอบคุณอาจารย์ รุ่นพี่ ไม่แสดงทัศนคติลบ เลย อันนี้ขอชื่นชมน้องมากๆๆ
จะเห็นได้ว่า การเป็นผู้อาวุโสกว่า 1 ปี แต่วุฒิภาวะคนชั้นปีน้อยกว่า กลับมีทัศนคติที่ดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่