จากวันก่อนเราเปิดกล่องน้ำหอมจากแคนาดา มาวันนี้เปลี่ยนบรรยากาศนะคะ เป็นน้ำหอมแบบไทยๆ ชื่อเก๋ไก๋ ว่า ละอองสยาม
นิยามถึงดอกไม้ไทย ในความทรงจำต่างๆ และการตีความหมายใหม่ในบางกลิ่นค่ะ เราได้ข่าวจากเพื่อนๆในเฟสบุคเนี่ยแหละ อดรนทนไม่ได้ คันๆ เลยตามไปซื้อมาเชยชม
แจกแจงก่อนว่า ขวดที่เราซื้อมาเป็นขนาด 10 มล เป็นขวดขนาดกลาง พกพาสะดวกนะคะ ใจจริงชอบขวดใหญ่มาก แต่ว่างบสอยไม่พอ อยากได้ทุกกลิ่นมารีวิว เลยต้องเอาขวดเล็กมาแทนน่ะค่ะ
เริ่มกันเลยดีกว่า อยากเล่าแล้วล่ะค่ะ
ขวดแรก กลิ่นลีลาวดี
แบรนด์นิยามไว้ว่า
กลิ่นหอมสดใสของดอกลีลาวดีที่อบอวลกับแป้งหอมไทย ผสมผสานกันอย่างเข้ากันให้กลิ่นหอมนุ่ม ช่วยทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย ด้วยกลิ่นสรรพคุณตามธรรมชาติของดอกลีลาวดีเอง ปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้ง และไม้จันทร์หอม ที่จะช่วยตรึงกลิ่นหอมของดอกไม้ได้อย่างยาวนานตลอดวัน สร้างเสน่ห์น่าค้นหาตามเอกลักษณ์สยามโบราณได้อย่างไม่เหมือนใคร
กลิ่นเปิด : แป้งไทย , พิมเสน
กลิ่นหลัก : ดอกลีลาวดี
กลิ่นท้าย : น้ำผึ้ง , น้ำมันมัสก์ , ไม้จันทร์หอม
กลิ่นลีลาวดี หรือดอกลั่นทมขวดนี้ ออกโทนเย็น ใช้แล้วโล่งจมูก เหมือนนั่งอยู่ใต้ต้นลั่นทมยามเย็นค่ะ กลิ่นท้ายๆเริ่มออกแป้งติดผิวมากขึ้น เราได้กลิ่นไม้หอมจางๆกันน้ำผึ้งเคล้ามา พาลให้นึกถึงสาวน้อยเรียบร้อย นั่งอ่านหนังสืออยู่ในบ้านค่ะ
ขวดถัดมา น้อง ชมนาด
นิยามจากแบรนด์
กลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้แห่งยามเย็นอย่างชมนาด ความพิเศษคือจะหอมฟุ้งกว่าดอกไม้ชนิดอื่นๆ ในเวลาพลบค่ำหรือกลางคืน ผสานผสานกับกลิ่นใบเตย และแตงไทยอย่างกลมกล่อม ตรึงความหอมยาวนานด้วยน้ำมันไวท์มัสก์ ผสมผสานกับไม้จันทร์หอมอย่างลงตัว ให้คุณกลายเป็นคนที่พิเศษที่สุดในยามค่ำคืนแสนโรแมนติก
กลิ่นเปิด : ลูกแพร์, แตงไทย
กลิ่นหลัก : ดอกชมนาด, ใบเตย
กลิ่นท้าย : น้ำมันไวท์มัสก์, ไม้จันทร์หอม
กลิ่นชมนาด เป็นกลิ่นที่ทำออกมาแล้วเราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพราะกลิ่นดอกชมนาดที่เราคุ้นเคย จะเป็นกลิ่นคล้ายๆใบเตย ผสมกับข้าวหอมมะลิค่ะ ซึ่งให้อารมณ์แบบเย็นๆเรื่อยๆ เอื่อยๆ อยากพักผ่อน แต่พอมาอยู่ในมือของ ละอองสยาม การตีความก็เปลี่ยนไป เค้าได้เติมกลิ่นลูกแพร์และแตงไทยเข้าไป เพื่อเพิ่มให้กลิ่นมีความอ่อนวัย และสนุกสนานมากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้ดีนะคะ กลิ่นนี้เราชอบเป็นอันดับสองเลยค่ะ ใช้ง่าย ไม่เฝือเหมือนกลิ่นอื่นๆ
กลิ่นถัดมาค่ะ ลูกพีชลูกแพร์
นิยามจากแบรนด์
กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวแสนน่ารักของลูกพืช เคล้าคลึงกับกลิ่นหอมละมุนของลูกแพร์ ให้อารมณ์ของฤดูร้อนที่แสนสดใส ตัดด้วยกลิ่นมะนาวเหลือง และส้มโอจางๆ จัดเต็มโทนกลิ่นแนวผลไม้ทั้งฤดูกาลเลยทีเดียว ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นของอำพันทะเล ที่จะช่วยตรึงกลิ่นหลักให้หอมอยู่ทนทานตลอดทั้งวัน
กลิ่นเปิด : มะนาวเหลือง, ส้มโอ
กลิ่นหลัก : ลูกพีช, ลูกแพร์
กลิ่นท้าย : อำพันทะเล, กำยาน
กลิ่นนี้ เราบอกตามจริงเลยว่า ไม่ถูกจริตเราเลยค่ะ แต่มีหลายๆคนชอบมากเลย อาจเป็นเพราะเราไม่ถนัดกลิ่นแนวนี้ ใครที่เป็นแฟนของน้ำหอมตระกูลผลไม้นี้ คงตกหลุมรักได้ไม่ยาก เพราะเปิดกลิ่นแนวซีตรัส และความหอมฉ่ำจากพีชและแพร์ แล้วทิ้งกลิ่นนวลเนียนของอำพันทะเลไว้
กลิ่นโปรดอีกตัวค่ะ ชามะลิ
นิยามว่า
กลิ่นหอมหวานแสนกลมกล่อมของใบชายามเช้า และดอกมะลิไทยที่แสนละมุน ผสมผสานด้วยกลิ่นเปรี้ยวอ่อนๆ ของมะนาวไทย ที่ให้อารมณ์น้ำปรุงสมัยโบราณ สร้างความสดชื่นในยามรุ่งอรุณของวันได้เป็นอย่างดี ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมหวานของวนิลา และไม้จันทร์หอม ที่จะช่วยประคองความหอมของคุณได้ถึงพลบค่ำเลยทีเดียว
กลิ่นเปิด : มะนาวเขียว
กลิ่นหลัก : ชาแดง, ชาขาว, ดอกมะลิ
กลิ่นท้าย : กำยาน, วนิลา, ไม้จันทร์หอม
แวบแรกที่นึก เราคิดถึงชาจีนยอดมะลิ กลิ่นขื่นๆเขียวๆในแบบที่เราชอบค่ะ แต่พอได้ดมแล้วต้องเปลี่ยนความคิดไปเลย กลิ่นที่เราสัมผัสได้จากขวดนี้ คือกลิ่นชานมค่ะ แบบชานมค่ะ แบบหอมชาปนดอกมะลิจางๆอุ่นๆ ใครชอบกลิ่นชา เราแนะนำกลิ่นนี้เลยค่ะ
มาถึงตัวสุดรัก จากไลน์นี้ พลับพลึง
นิยามว่า
กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้มงคลอย่างพลับพลึง ที่โบราณมีความเชื่อที่ว่าจะปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปได้ ลักษณะของกลิ่นเป็นกลิ่นดอกไม้ที่มีความสดชื่น ให้อารมณ์ผ่อนคลายสบายๆ มีสรรพคุณที่ช่วยลดอาการปวดเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ผสมกลมกล่อมกับกลิ่นเปิดที่แสนสดใสอย่างราสเบอร์รี่อย่างลงตัว ก่อนจะหอมตราตรึงทั้งวันด้วยกลิ่นท้ายอย่าง วนิลาและมัสก์ที่ให้ความรู้สึกสะอาดแสนสบาย
กลิ่นเปิด : ราสเบอร์รี่
กลิ่นหลัก : ดอกพลับพลึง
กลิ่นท้าย : วนิลา, น้ำมันมัสก์, ไม้จันทร์หอม
กลิ่นนี้ใช้บ่อยมากค่ะ กลิ่นออกหอม เย็น สะอาด เจ้าราสเบอรี่ที่ใส่มาช่วยดึงกลิ่นให้ดอกพลับพลึงเด่นมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้สดชื่นจนโดดเกินไป พราะมีวานิลลา มาดึงกลิ่นให้หอมอ่อนละมุนมากขึ้น ช้แล้วรู้สึกว่าอากาศรอบๆตวดูเย็นลงเลย ยืนยันอีกครั้งว่าชอบมากค่ะ
น้ำหอมทุกกลิ่นของละอองสยาม เป็น oil base นะคะ ความคงทนจะมากกว่าน้ำหอมธรรมดาทั่วไป แต่ว่าเราไม่แนะนำให้ฉีดหนักๆลงเสื้อผ้า ไม่อย่างนั้น ชุดสวยๆอาจจะเป็นด่างได้ ถ้าเป็นไปได้ ให้ฉีดลงบนผิว ก่อนสวมเสื้อผ้า หรือไม่ก็ฉีดแบบห่างตัวหน่อยนะคะ
ในเรื่องของความคงทน ยกนิ้วให้เลยค่ะ อยู่บนผิวเราได้มากกว่าแปดชั่วโมง แถมกลิ่นก็ตีฟุ้งเรื่อยๆ ชื่นใจนัก ยิ่งอากาศเย็น ยิ่งหอมค่ะ
ราคา ค่อนข้างเป็นมิตรกับกระเป๋าตังนะคะ ราคาก็ตามนี้เลย ขนาดที่เรามีเป็นแบบ 10 มล. ค่ะ
ขนาดทดลอง 3 มล. ราคา 69 บาท
รุ่น Limited 10 มล. ราคา 269 บาท (จัดจำหน่ายจนกว่าสินค้าจะหมด)
ขนาดเล็ก 25 มล. ราคา 369 บาท
ขนาดใหญ่ 40 มล. ราคา 690 บาท
หาซื้อได้ที่ไหน
ไปที่เพจเค้าโลดเลยค่ะ เสิร์จหาคำว่า La Ong Siam Perfume นะคะ เดี๋ยวก็เจอ
ได้ข่าวว่าเค้ามีสองกลิ่นออกมาใหม่ เรายังไม่มีโอกาสได้ลอง ใครลองแล้ว ส่งข่าวบ้างนะคะ
[CR] เมื่อ gift1801 เปิดกล่องน้ำหอม ละอองสยาม ยามเมื่อฝนโปรยปราย
นิยามถึงดอกไม้ไทย ในความทรงจำต่างๆ และการตีความหมายใหม่ในบางกลิ่นค่ะ เราได้ข่าวจากเพื่อนๆในเฟสบุคเนี่ยแหละ อดรนทนไม่ได้ คันๆ เลยตามไปซื้อมาเชยชม
แจกแจงก่อนว่า ขวดที่เราซื้อมาเป็นขนาด 10 มล เป็นขวดขนาดกลาง พกพาสะดวกนะคะ ใจจริงชอบขวดใหญ่มาก แต่ว่างบสอยไม่พอ อยากได้ทุกกลิ่นมารีวิว เลยต้องเอาขวดเล็กมาแทนน่ะค่ะ
เริ่มกันเลยดีกว่า อยากเล่าแล้วล่ะค่ะ
ขวดแรก กลิ่นลีลาวดี
แบรนด์นิยามไว้ว่า
กลิ่นหอมสดใสของดอกลีลาวดีที่อบอวลกับแป้งหอมไทย ผสมผสานกันอย่างเข้ากันให้กลิ่นหอมนุ่ม ช่วยทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย ด้วยกลิ่นสรรพคุณตามธรรมชาติของดอกลีลาวดีเอง ปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้ง และไม้จันทร์หอม ที่จะช่วยตรึงกลิ่นหอมของดอกไม้ได้อย่างยาวนานตลอดวัน สร้างเสน่ห์น่าค้นหาตามเอกลักษณ์สยามโบราณได้อย่างไม่เหมือนใคร
กลิ่นเปิด : แป้งไทย , พิมเสน
กลิ่นหลัก : ดอกลีลาวดี
กลิ่นท้าย : น้ำผึ้ง , น้ำมันมัสก์ , ไม้จันทร์หอม
กลิ่นลีลาวดี หรือดอกลั่นทมขวดนี้ ออกโทนเย็น ใช้แล้วโล่งจมูก เหมือนนั่งอยู่ใต้ต้นลั่นทมยามเย็นค่ะ กลิ่นท้ายๆเริ่มออกแป้งติดผิวมากขึ้น เราได้กลิ่นไม้หอมจางๆกันน้ำผึ้งเคล้ามา พาลให้นึกถึงสาวน้อยเรียบร้อย นั่งอ่านหนังสืออยู่ในบ้านค่ะ
ขวดถัดมา น้อง ชมนาด
นิยามจากแบรนด์
กลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้แห่งยามเย็นอย่างชมนาด ความพิเศษคือจะหอมฟุ้งกว่าดอกไม้ชนิดอื่นๆ ในเวลาพลบค่ำหรือกลางคืน ผสานผสานกับกลิ่นใบเตย และแตงไทยอย่างกลมกล่อม ตรึงความหอมยาวนานด้วยน้ำมันไวท์มัสก์ ผสมผสานกับไม้จันทร์หอมอย่างลงตัว ให้คุณกลายเป็นคนที่พิเศษที่สุดในยามค่ำคืนแสนโรแมนติก
กลิ่นเปิด : ลูกแพร์, แตงไทย
กลิ่นหลัก : ดอกชมนาด, ใบเตย
กลิ่นท้าย : น้ำมันไวท์มัสก์, ไม้จันทร์หอม
กลิ่นชมนาด เป็นกลิ่นที่ทำออกมาแล้วเราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพราะกลิ่นดอกชมนาดที่เราคุ้นเคย จะเป็นกลิ่นคล้ายๆใบเตย ผสมกับข้าวหอมมะลิค่ะ ซึ่งให้อารมณ์แบบเย็นๆเรื่อยๆ เอื่อยๆ อยากพักผ่อน แต่พอมาอยู่ในมือของ ละอองสยาม การตีความก็เปลี่ยนไป เค้าได้เติมกลิ่นลูกแพร์และแตงไทยเข้าไป เพื่อเพิ่มให้กลิ่นมีความอ่อนวัย และสนุกสนานมากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้ดีนะคะ กลิ่นนี้เราชอบเป็นอันดับสองเลยค่ะ ใช้ง่าย ไม่เฝือเหมือนกลิ่นอื่นๆ
กลิ่นถัดมาค่ะ ลูกพีชลูกแพร์
นิยามจากแบรนด์
กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวแสนน่ารักของลูกพืช เคล้าคลึงกับกลิ่นหอมละมุนของลูกแพร์ ให้อารมณ์ของฤดูร้อนที่แสนสดใส ตัดด้วยกลิ่นมะนาวเหลือง และส้มโอจางๆ จัดเต็มโทนกลิ่นแนวผลไม้ทั้งฤดูกาลเลยทีเดียว ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นของอำพันทะเล ที่จะช่วยตรึงกลิ่นหลักให้หอมอยู่ทนทานตลอดทั้งวัน
กลิ่นเปิด : มะนาวเหลือง, ส้มโอ
กลิ่นหลัก : ลูกพีช, ลูกแพร์
กลิ่นท้าย : อำพันทะเล, กำยาน
กลิ่นนี้ เราบอกตามจริงเลยว่า ไม่ถูกจริตเราเลยค่ะ แต่มีหลายๆคนชอบมากเลย อาจเป็นเพราะเราไม่ถนัดกลิ่นแนวนี้ ใครที่เป็นแฟนของน้ำหอมตระกูลผลไม้นี้ คงตกหลุมรักได้ไม่ยาก เพราะเปิดกลิ่นแนวซีตรัส และความหอมฉ่ำจากพีชและแพร์ แล้วทิ้งกลิ่นนวลเนียนของอำพันทะเลไว้
กลิ่นโปรดอีกตัวค่ะ ชามะลิ
นิยามว่า
กลิ่นหอมหวานแสนกลมกล่อมของใบชายามเช้า และดอกมะลิไทยที่แสนละมุน ผสมผสานด้วยกลิ่นเปรี้ยวอ่อนๆ ของมะนาวไทย ที่ให้อารมณ์น้ำปรุงสมัยโบราณ สร้างความสดชื่นในยามรุ่งอรุณของวันได้เป็นอย่างดี ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมหวานของวนิลา และไม้จันทร์หอม ที่จะช่วยประคองความหอมของคุณได้ถึงพลบค่ำเลยทีเดียว
กลิ่นเปิด : มะนาวเขียว
กลิ่นหลัก : ชาแดง, ชาขาว, ดอกมะลิ
กลิ่นท้าย : กำยาน, วนิลา, ไม้จันทร์หอม
แวบแรกที่นึก เราคิดถึงชาจีนยอดมะลิ กลิ่นขื่นๆเขียวๆในแบบที่เราชอบค่ะ แต่พอได้ดมแล้วต้องเปลี่ยนความคิดไปเลย กลิ่นที่เราสัมผัสได้จากขวดนี้ คือกลิ่นชานมค่ะ แบบชานมค่ะ แบบหอมชาปนดอกมะลิจางๆอุ่นๆ ใครชอบกลิ่นชา เราแนะนำกลิ่นนี้เลยค่ะ
มาถึงตัวสุดรัก จากไลน์นี้ พลับพลึง
นิยามว่า
กลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้มงคลอย่างพลับพลึง ที่โบราณมีความเชื่อที่ว่าจะปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปได้ ลักษณะของกลิ่นเป็นกลิ่นดอกไม้ที่มีความสดชื่น ให้อารมณ์ผ่อนคลายสบายๆ มีสรรพคุณที่ช่วยลดอาการปวดเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ผสมกลมกล่อมกับกลิ่นเปิดที่แสนสดใสอย่างราสเบอร์รี่อย่างลงตัว ก่อนจะหอมตราตรึงทั้งวันด้วยกลิ่นท้ายอย่าง วนิลาและมัสก์ที่ให้ความรู้สึกสะอาดแสนสบาย
กลิ่นเปิด : ราสเบอร์รี่
กลิ่นหลัก : ดอกพลับพลึง
กลิ่นท้าย : วนิลา, น้ำมันมัสก์, ไม้จันทร์หอม
กลิ่นนี้ใช้บ่อยมากค่ะ กลิ่นออกหอม เย็น สะอาด เจ้าราสเบอรี่ที่ใส่มาช่วยดึงกลิ่นให้ดอกพลับพลึงเด่นมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้สดชื่นจนโดดเกินไป พราะมีวานิลลา มาดึงกลิ่นให้หอมอ่อนละมุนมากขึ้น ช้แล้วรู้สึกว่าอากาศรอบๆตวดูเย็นลงเลย ยืนยันอีกครั้งว่าชอบมากค่ะ
น้ำหอมทุกกลิ่นของละอองสยาม เป็น oil base นะคะ ความคงทนจะมากกว่าน้ำหอมธรรมดาทั่วไป แต่ว่าเราไม่แนะนำให้ฉีดหนักๆลงเสื้อผ้า ไม่อย่างนั้น ชุดสวยๆอาจจะเป็นด่างได้ ถ้าเป็นไปได้ ให้ฉีดลงบนผิว ก่อนสวมเสื้อผ้า หรือไม่ก็ฉีดแบบห่างตัวหน่อยนะคะ
ในเรื่องของความคงทน ยกนิ้วให้เลยค่ะ อยู่บนผิวเราได้มากกว่าแปดชั่วโมง แถมกลิ่นก็ตีฟุ้งเรื่อยๆ ชื่นใจนัก ยิ่งอากาศเย็น ยิ่งหอมค่ะ
ราคา ค่อนข้างเป็นมิตรกับกระเป๋าตังนะคะ ราคาก็ตามนี้เลย ขนาดที่เรามีเป็นแบบ 10 มล. ค่ะ
ขนาดทดลอง 3 มล. ราคา 69 บาท
รุ่น Limited 10 มล. ราคา 269 บาท (จัดจำหน่ายจนกว่าสินค้าจะหมด)
ขนาดเล็ก 25 มล. ราคา 369 บาท
ขนาดใหญ่ 40 มล. ราคา 690 บาท
หาซื้อได้ที่ไหน
ไปที่เพจเค้าโลดเลยค่ะ เสิร์จหาคำว่า La Ong Siam Perfume นะคะ เดี๋ยวก็เจอ
ได้ข่าวว่าเค้ามีสองกลิ่นออกมาใหม่ เรายังไม่มีโอกาสได้ลอง ใครลองแล้ว ส่งข่าวบ้างนะคะ