เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ผมถูกเลิกจ้างจากการที่บริษัทประกาศลดจำนวนพนักงาน สองสัปดาห์มานี้ผม นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ กับบ้าน เฝ้าแต่คิดกังวลไปมา ว่าแล้วชีวิตข้างหน้าจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าผ่านไปหลายเดือนแล้วยังคงหางานไม่ได้ จะทำยังไง เครียดจนทานอาหารไม่ค่อยลง นอนไม่ค่อยหลับเลยครับ
ผมรู้จักเครียดเป็นตั้งแต่ยังเรียน ป.๑ มีอยู่วันหนึ่งลืมเอาไม้บรรทัดมาโรงเรียน ตอนพักเที่ยงจึงเครียดมากจนแทบจะอาเจียน กลัวว่าในคาบบ่าย จะต้องถูกคุณครูท่านหนึ่งทำโทษแน่ๆ เมื่อตรวจอุปกรณ์การเรียนตอนต้นชั่วโมงแล้วพบว่าผมมีมาไม่ครบ
สมัยเรียนมหาลัย ปี ๔ ผมเคยอ่านหนังสือสอบปลายภาควิชาหนึ่งยันสว่าง แต่ดันพลาดไม่ได้เข้าห้องสอบเพราะผลอยหลับไป สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีการสอบเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ผมเครียดมากเพราะนั่นหมายถึงผมต้องได้ F ในวิชานี้ และไม่สามารถจบการศึกษาในปีนั้นได้
ถึงตอนนี้มองย้อนกลับไป การลืมเอาไม้บรรทัดไปโรงเรียน หรือไม่ได้เข้าห้องสอบ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร ไม่เห็นจะต้องเครียดเลย มันเทียบกับการที่ผมกำลังตกงานอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลย
และถ้าย้อนกลับไปถามตัวผมเองตอนที่เรียน ปี ๔ ได้ เขาคงรู้สึกเช่นกันว่าการลืมไม้บรรทัดมันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่เห็นต้องเครียด ออกจะน่าขำด้วยซ้ำ เทียบกันไม่ได้เลยกับการไม่ได้เข้าห้องสอบและจะไม่จบการศึกษาในปีนั้น
สุดท้าย คุณครูท่านนั้นทำโทษผมโดยใช้ไม้เรียวตีเอาเบาๆ ที่มือฐานที่ไม่มีไม้บรรทัดมา เจ็บเท่ามดกัดเท่านั้นล่ะครับ วินาทีที่ถูกตีเสร็จแล้ว ผมโล่งใจและหายเครียดเป็นปลิดทิ้ง ส่วนเรื่องขาดสอบ สุดท้ายผมยื่นใบรับรองแพทย์ว่ามีอาการท้องเสีย เพื่อขอสอบตามหลัง (ขออภัยอาจารย์ด้วยครับ ผมเกรงว่าถ้าบอกตามตรงว่าผลอยหลับไป ท่านคงไม่อนุญาตให้สอบ) สุดท้าย ก็ผ่านไปได้
คุณเคยเป็นเหมือนกันไหมครับ ถ้ามองย้อนกลับไปถึงเรื่องในอดีตที่เคยทำให้เครียด เมื่อผ่านมันมาได้แล้ว มองย้อนกลับไป รู้สึกไหมครับ ว่าบางที ตอนนั้นอาจไม่จำเป็นต้องเครียดถึงขนาดนั้น
ถ้าตัวผมในอีกสี่ห้าปีข้างหน้านั่งไทม์ แมชชีน กลับมาหาผมได้ล่ะก็ เขาคงบอกผมเหมือนกันแน่ๆ ว่าตกงานตอนนี้แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่เห็นต้องเครียดเลย เดี๋ยวก็จะผ่านไปได้อย่างนี้ๆ (และแน่นอน มันเทียบกับเรื่องเครียดที่เขากำลังเผชิญอยู่ในอนาคตไม่ได้เลย)
มาคิดดูแล้ว ความเครียดของผม ดูจะไม่ใช่แค่อาการเฉพาะช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่ผมจะมีเรื่องให้เครียดได้อยู่เรื่อยๆ สิน่า เรียกว่าเครียดจนเป็นนิสัย
ผมเป็นคนเครียด คงต้องบอกว่าอย่างนั้น
ผมเคยอ่านเจอคำกล่าวของ ไมเคิล จอร์แดน ยอดนักบาสเกตบอล ที่ว่าความกลัวคือภาพลวงตา คือการที่เราจินตนาการไปเอง ถึงสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ อ่านแล้วชอบมากครับ และรู้สึกว่าความเครียด ความกังวลของตัวเอง ก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน
เวลาได้ฟัง ได้อ่านคำพูดที่ดีๆ เหล่านี้ ผมจะรู้สึกได้คิดขึ้นมาบ้าง แต่แล้วก็มักจะหนีความเป็นตัวตนเดิมๆ ของตัวเองไม่พ้น แก้นิสัยเดิมๆ ที่เป็นอยู่ไม่ได้ สุดท้ายก็กลับไปเครียดอยู่ดีล่ะครับ
พี่โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ มีวลีหนึ่งที่พูดอยู่เสมอๆ ว่า วิธีจัดการกับความฝันที่ดีที่สุด คือทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา เท่ดีนะครับ คำพูดนี้ และบางที วิธีจัดการกับความเครียดที่ดีที่สุด ก็น่าจะคล้ายกัน
ถ้ารู้สึกเครียด ผมน่าจะถามตัวเองว่าแล้วผมทำอะไรได้บ้าง เพื่อแก้ไขให้เรื่องร้ายที่กังวลอยู่นั้นดีขึ้น หรือเบาบางลง
หลังจากส่งใบสมัครไปหลายแห่ง ในที่สุดเมื่อวานนี้ผมได้ไปสัมภาษณ์งานมาแล้วแห่งหนึ่งครับ ยังไม่ทราบผลว่าหมู่หรือจ่า แต่ที่แน่ๆ หลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว รู้สึกว่าเครียดน้อยลงไปเยอะครับ เหมือนกับว่า อย่างน้อย เราก็ได้ทำอะไรบางอย่างแล้ว
เพี้ยง ขอให้ได้งานใหม่ไวๆ ด้วยเถิด
"This too shall pass." สำหรับผมแปลได้ทำนองว่า "เรื่องนี้ก็เช่นกันแหละ แล้วมันก็จะผ่านไป ผมใช้คอยช่วยเตือน" คอยย้ำกับตัวเองอยู่บ่อยๆ เวลาที่พบเจอเรื่องราวร้ายๆ
ถ้าคุณกำลังเครียดอยู่ ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ขอเอาใจช่วยให้มันผ่านพ้นไปนะครับ
เครียด
ผมรู้จักเครียดเป็นตั้งแต่ยังเรียน ป.๑ มีอยู่วันหนึ่งลืมเอาไม้บรรทัดมาโรงเรียน ตอนพักเที่ยงจึงเครียดมากจนแทบจะอาเจียน กลัวว่าในคาบบ่าย จะต้องถูกคุณครูท่านหนึ่งทำโทษแน่ๆ เมื่อตรวจอุปกรณ์การเรียนตอนต้นชั่วโมงแล้วพบว่าผมมีมาไม่ครบ
สมัยเรียนมหาลัย ปี ๔ ผมเคยอ่านหนังสือสอบปลายภาควิชาหนึ่งยันสว่าง แต่ดันพลาดไม่ได้เข้าห้องสอบเพราะผลอยหลับไป สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีการสอบเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว ผมเครียดมากเพราะนั่นหมายถึงผมต้องได้ F ในวิชานี้ และไม่สามารถจบการศึกษาในปีนั้นได้
ถึงตอนนี้มองย้อนกลับไป การลืมเอาไม้บรรทัดไปโรงเรียน หรือไม่ได้เข้าห้องสอบ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร ไม่เห็นจะต้องเครียดเลย มันเทียบกับการที่ผมกำลังตกงานอยู่ตอนนี้ไม่ได้เลย
และถ้าย้อนกลับไปถามตัวผมเองตอนที่เรียน ปี ๔ ได้ เขาคงรู้สึกเช่นกันว่าการลืมไม้บรรทัดมันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่เห็นต้องเครียด ออกจะน่าขำด้วยซ้ำ เทียบกันไม่ได้เลยกับการไม่ได้เข้าห้องสอบและจะไม่จบการศึกษาในปีนั้น
สุดท้าย คุณครูท่านนั้นทำโทษผมโดยใช้ไม้เรียวตีเอาเบาๆ ที่มือฐานที่ไม่มีไม้บรรทัดมา เจ็บเท่ามดกัดเท่านั้นล่ะครับ วินาทีที่ถูกตีเสร็จแล้ว ผมโล่งใจและหายเครียดเป็นปลิดทิ้ง ส่วนเรื่องขาดสอบ สุดท้ายผมยื่นใบรับรองแพทย์ว่ามีอาการท้องเสีย เพื่อขอสอบตามหลัง (ขออภัยอาจารย์ด้วยครับ ผมเกรงว่าถ้าบอกตามตรงว่าผลอยหลับไป ท่านคงไม่อนุญาตให้สอบ) สุดท้าย ก็ผ่านไปได้
คุณเคยเป็นเหมือนกันไหมครับ ถ้ามองย้อนกลับไปถึงเรื่องในอดีตที่เคยทำให้เครียด เมื่อผ่านมันมาได้แล้ว มองย้อนกลับไป รู้สึกไหมครับ ว่าบางที ตอนนั้นอาจไม่จำเป็นต้องเครียดถึงขนาดนั้น
ถ้าตัวผมในอีกสี่ห้าปีข้างหน้านั่งไทม์ แมชชีน กลับมาหาผมได้ล่ะก็ เขาคงบอกผมเหมือนกันแน่ๆ ว่าตกงานตอนนี้แค่เรื่องขี้ปะติ๋ว ไม่เห็นต้องเครียดเลย เดี๋ยวก็จะผ่านไปได้อย่างนี้ๆ (และแน่นอน มันเทียบกับเรื่องเครียดที่เขากำลังเผชิญอยู่ในอนาคตไม่ได้เลย)
มาคิดดูแล้ว ความเครียดของผม ดูจะไม่ใช่แค่อาการเฉพาะช่วงใดช่วงหนึ่ง แต่ผมจะมีเรื่องให้เครียดได้อยู่เรื่อยๆ สิน่า เรียกว่าเครียดจนเป็นนิสัย
ผมเป็นคนเครียด คงต้องบอกว่าอย่างนั้น
ผมเคยอ่านเจอคำกล่าวของ ไมเคิล จอร์แดน ยอดนักบาสเกตบอล ที่ว่าความกลัวคือภาพลวงตา คือการที่เราจินตนาการไปเอง ถึงสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ อ่านแล้วชอบมากครับ และรู้สึกว่าความเครียด ความกังวลของตัวเอง ก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน
เวลาได้ฟัง ได้อ่านคำพูดที่ดีๆ เหล่านี้ ผมจะรู้สึกได้คิดขึ้นมาบ้าง แต่แล้วก็มักจะหนีความเป็นตัวตนเดิมๆ ของตัวเองไม่พ้น แก้นิสัยเดิมๆ ที่เป็นอยู่ไม่ได้ สุดท้ายก็กลับไปเครียดอยู่ดีล่ะครับ
พี่โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ มีวลีหนึ่งที่พูดอยู่เสมอๆ ว่า วิธีจัดการกับความฝันที่ดีที่สุด คือทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา เท่ดีนะครับ คำพูดนี้ และบางที วิธีจัดการกับความเครียดที่ดีที่สุด ก็น่าจะคล้ายกัน
ถ้ารู้สึกเครียด ผมน่าจะถามตัวเองว่าแล้วผมทำอะไรได้บ้าง เพื่อแก้ไขให้เรื่องร้ายที่กังวลอยู่นั้นดีขึ้น หรือเบาบางลง
หลังจากส่งใบสมัครไปหลายแห่ง ในที่สุดเมื่อวานนี้ผมได้ไปสัมภาษณ์งานมาแล้วแห่งหนึ่งครับ ยังไม่ทราบผลว่าหมู่หรือจ่า แต่ที่แน่ๆ หลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว รู้สึกว่าเครียดน้อยลงไปเยอะครับ เหมือนกับว่า อย่างน้อย เราก็ได้ทำอะไรบางอย่างแล้ว
เพี้ยง ขอให้ได้งานใหม่ไวๆ ด้วยเถิด
"This too shall pass." สำหรับผมแปลได้ทำนองว่า "เรื่องนี้ก็เช่นกันแหละ แล้วมันก็จะผ่านไป ผมใช้คอยช่วยเตือน" คอยย้ำกับตัวเองอยู่บ่อยๆ เวลาที่พบเจอเรื่องราวร้ายๆ
ถ้าคุณกำลังเครียดอยู่ ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ขอเอาใจช่วยให้มันผ่านพ้นไปนะครับ