(เสนอธรรมวันพระ กับชีวิตจริง แม้จะวนซ้ำอย่างไรแต่เป็นเรื่องจริงของผู้ปฏับัติคนหนึ่ง)
การปฏิบัติธรรม ความอดทนและมีขันติในศีลธรรม อยู่เนืองๆ แม้ไม่รู้ว่า จะต้องเพียรรักษาเพียรปฏิบัติไปถึงใหนนั้นแหละจึงชนะทุกข์และกิเลสได้
งานการบางอย่างในโลก สามารถกำหนดเป้าหมายระยะเวลาสำเร็จได้ แต่การปฏิบ้ัติธรรมและอดทนมีขันติในศีลธรรม ไม่พึงสามารถกำหดนเป้าหมายได้โดยง่ายเลย
จึงมีคำว่า ปฏิบัติธรรมอยู่เนืองๆ มีความอดทนและขันติในศีลธรรม แม้ไม่รู้ว่าจะต้องเพียรรักษาและปฏิบัติธรรมไปถึงเมื่อใด.
ผมเองเมื่อวัยเด็กประสงค์ปัญญาความรู้ อยู่บนแขวกหนามและอุปสรรค์มากมายและไม่เห็นโอกาศที่จะได้เรียนต่อได้เลย อาศัยยึดเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง จึงปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิด้วยตนเอง ตั้งแต่ยังเด็กตามแบบพระพุทธรูปที่นั่งขัดสมาธิ ไหว้พระสวดมนตร์เป็นประจำก่อนนอน ทั้งๆ ที่ไม่เห็นทางออกที่จะได้ หรือแสงสว่างที่ปลายอุโมงเลย
นั้นเป็นอุปนิสัยของผม และเจริญอุปนิสัยนี้ขึ้นมาในชีวิตตามวัยที่เจริญขึ้น แม้จะไม่มีไม่เห็นหนทางใดเลยก็ตั้งใจสู้ เมื่อมีโอกาศก็เดินหน้าตามที่ประสงค์ไว้ แม้จะมีอุปสรรค์มากมายจนท้อแทบหมดหวังแต่ก็ไม่ถอย จึงทำให้ศึกษาและปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาอย่างมากด้วยทุกข์ที่ประดังมากขึ้นตามลำดับ พอกับการศึกษาทางโลกก็เพื่อรักษาใจไว้ ไม่ให้บ้าไปเสียก่อนแบบพี่ชายคนโต.
ปฏิบัติตัวเช่นนี้ไม่ใช่ปีสองปี แต่ปฏิบัติธรรมและอดทนมีขันติในศีลธรรมที่ค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนยิ่งยวด จากอายุ 13 ปี จนอายุ 24 ปี ทีเดียว โดยไม่รู้ว่าเรียนจบจะได้รับปริญญาทางโลกหรือเปล่า จึงปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวดเพื่อรักษาใจเนื่องๆ เป็นปัจจุบันธรรมไม่ทอดธุระว่างเว้น ยอมสละร่างกายเพื่อธรรม และชีวิตเพื่อพ้นทุกข์ที่เป็นอยู่ได้ ในการปฏิบัติธรรมนั้น.
เมื่ออายุ 23 ปี ย่างจะเต็ม 24 ปี นั้น จึงถึงที่สุดแห่งการปฏิบัติธรรมยอมทิ้งชีวิตไปกับสภาวะธรรมที่ปรากฏเป็นไตรลักษณ์(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)อย่างยิ่งยวดนั้น จนสิ้นไปพ้นไปจากชีวิต(รูป-นาม) จริงๆ เมื่อปรากฏชีวิตรู้สึกที่มีเพียงแต่ใจขึ้นมาใหม่มีแต่เพียงสุขและอุเบกขาเท่านั้น ใจหรือจิตนั้นอุทานขึ้นมาเองว่า
"นี้เป็นมรรคผลนิพพาน" แต่เมื่อความความคิดปรุงแต่งปรากฏขึ้นกลัวจะวิปลาส จึงพิจารณาไปว่า "ไม่ใช่ ออ สุขอย่างนี้คืออารมณ์ของพรหม"
เมื่อกลับมารับรู้ทั่วพร้อมในร่างกายเป็นปกติ ก็มีความรู้ขึ้นมาว่า
"เราจะไม่บ้าแบบพี่ชายคนโตอีกเลยแม้จะโดนกดดันและบีบเค้นอย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดเหตุการณ์ที่เราจะไม่ได้รับปริญญาแม้เรียนจบแล้วก็ตาม."
ผมจึงพ้นทุกข์อย่างถาวร ที่จะบ้าแบบพี่ชายคนโตนั้นเอง แต่ผมก็ได้รับปริญญาตรี แม้จะได้รับอนุมัติจากสภามหาลัยหลังสุดก็ตาม และจบการปฏิบัติธรรมระดับเบื้องต้น ในวัยจะเต็ม 24 ปี นั้นเอง
แม้ภายหลัง ผมจะประสบทุกข์มากมายด้วยฐานะทางสังคมและกฏหมาย หลายครั้งหลายครา และได้ปฏิบัติธรรมต่อเนื่องอย่างมาก เนื่องๆ ไม่เคยทอดธุระ แม้ฐานะจะต้องตกต่ำมากก็ตาม ใจก็คิดจะบวชอีกครั้ง แล้วขังขาในธรรมที่เคยปรากฏในครั้งนั้นเมื่อมีแฟน จึงเกิดข้อกังกาขึ้น 2 ทาง คือ 1.บรรลุธรรมไปแล้ว กับ 2.เป็นพระโพธิสัตว์
จิตใจจึงหนักไปทาง ข้อ 2. เป็นพระโพธิสัตว์ เพราะเห็นกามราคะเรายังมีอยู่มากยังผลักด้นเราได้อยู่มาก จนแต่งงานมีครอบครัว แต่เจอสภาวะตกต่ำยิ่ง ใจก็ยังอยากบวชไม่คลาย เพราะด้วยเห็นทุกข์ยิ่งจึงปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้นไปอีกจนเกิด อุปสมานุตสติ จึงคลายเรื่องอยากหนีครอบครัวไปบวช ข่มกามราคะเรื่องเมถุนธรรม เป็นเวลาหลายปี จนภรรยาต้องทุกข์ จนบรรลุ ฌาน 4
ผมจะทุกข์หรือกดดันอย่างใดก็ไม่เคยมีสติสัมปชัญญะหลุดหรือจะบ้าได้อีกเลย แม้จะมีเหตุแห่งความหลงไปทางโพธิสัตว์มากมายก็ตาม ซ้ำยังปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ ขึ้นรอบใหม่ แม้จะมีครอบครัวและลูกต้องรับผิดชอบ การงานที่ต้องรักษาหาเลี้ยงครอบครัว จนวิปัสสนาญาณเกือบถึงที่สุดอีกครั้งแต่ยังไม่ใช่ แล้วใจผมก็วางเรื่องพระโพธิสัตว์ไปอย่างสิ้นเชิง จนอายุ 35 ปี ได้รับสัญญาชาติไทย
ก็ยังปฏิบัติธรรมและศึกษาธรรมอยู่เนืองๆ ไม่ทอดธุระ เวลาต่อมาก็เกิดญาณทัสสนะ ขึ้น แม้จะมีฐานะและเงินเดือนมากขึ้นจากหลังมือเป็นหน้ามือ ผมก็ยังดำรงตนเป็นปกติในศีลในธรรม ไม่เคยคิดมีผู้หญิงอื่นเลย คือไม่มีปัญหาหรือยากเรื่องเมถุธรรมเกินจากภรรยาตน แต่ภรรยานั้นแหละกลับเครียดและทุกข์เรื่องนี้ เพราะผมปฏิบัติอยู่เนื่องๆ และมากไปไม่สมดุลย์กัน.
และเมื่อผมอายุ 40 ปี พ่อผมเสีย ด้วยที่ท่านเป็นผู้ที่บุญไม่ค่อยได้ทำ แต่อกุศลกรรมเล็กๆ น้อยนั้นทำมาโดยตลอด ด้วยเหตุจะช่วยพ่อและโดนกระตุ้นจากสิ่งไม่ใช่คน ทำให้เรื่องโพธิสัตว์ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จึงปล่อยให้ไหลไปตามใจที่โดนกระตุ้นจากสิ่งต่างๆ แต่ข้อกังขาในธรรมที่บรรลุเมื่ออายุย่าง 24 ปี นั้นยังคานอยู่ตลอดเวลาเป็นปมธรรมอยู่.
เมื่ออายุ 44 ปี ภรรยาต้องตัดมดลูกและรังไข่ทิ่ง แถมยังมีอุบัติเหตุทางการแพทย์มีดหมอไปเฉือนโดนท่อไตโดยหมอไม่รู้และบิดแผลไปแล้ว จนติดเชื้อในช่วงท้อง ต้องทำการผ่าตัดใหม่ ชีวิตเขาแทบจะไม่รอด แล้วผลข้างเคียงก็เกิดขึ้นมากมาย และกระทบกับผมจนชีวิตครอบครัวสามารถพังได้ เพราะมีปัญหาเรื่องเมถุธรรม เป็นอย่างมากๆ ๆ จริงๆ
ผมต้องอดทนเป็นปีๆ ด้วยปัญหาเรื่องนี้ จนผมต้องขอภรรยาเพื่อระบายข้างนอกบ้างได้ใหม? ภรรยาไม่ยอมยืนกระต่ายขาเดียว ก็คิดไปว่าการไปเทียวอาจจะผิดศีลได้ง่าย ผมก็ต้องอดทนอย่างมีขันติไปอีก จนคิดปรุงแต่งไปว่าถ้าผมมีภรรยาอีกคนโดยที่ภรรยายินยอม และไม่มีปัญหาฝ่ายหญิง ผมก็มีได้ไม่ผิดศีล แต่ภรรยายืนกระต่ายขาเดียวไม่ยินยอม
เมถุธรรมเมื่อเสพติดแล้วด้วยเพราะมีครอบครัว มันก็จะมีระยะเวลาของมันตามฮอร์โมนร่างกายที่มันผลิตตามวัฏฏจักร์ของมัน เช่น 2 หรือ 3 มันก็ผลักดันขึ้นมาใหม่ ปรุงแต่งให้จิตใจปรุงแต่งฟุ้งซ้านแสวงหาด้วยความอยากเป็นธรรมชาติฝ่ายสังขตธรรม ที่อยากจะดูที่จะเสพเพราะความเคยชินที่ยังเป็นอนุสัยนั้นเอง ผมต้องข่มบ้าง ระงับตนเองได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นเช่นนี้อยู่เป็น ปีๆ
แต่ผมก็ยังปฏิบัติธรรมศึกษาธรรมอยู่เรื่อยๆ เช่นนั้น จนผมระลึกชาติย้อนหลังของตนเองถอยไปถึง 3 ชาติ แต่เมื่อถึงเวลากามเมถุนก็ประดังมาเป็นวงรอบของมันอยู่เนื่องๆ เช่นเดิม ทำให้ฟุ้งซ้านบ่นเพ้อ ตามคาบเวลาของมัน ชั่งเป็นทุกข์ยิ่งจริงๆ
จนภรรยายินยอมให้ไประบายข้างนอกได้ แต่ห้ามมีเมียน้อย แต่ผมกลับไม่ไปเทียวเสีย เพราะเห็นว่าเป็นทางที่ยังผิดศีลได้ง่าย ผมจึงอดทนและมีขันติต่อไปในทางศีลธรรม
ผมต่อสู่กับกามเมถุธรรม อย่างยาวนานไม่เคยชนะมันไม่เคยบรรเทาลงได้เลย เพราะมันวนเวียนกลับมาเหมือนเดิม แม้จะเคยมีกำลังสมาธิถึง ฌาน 4 ก็ตาม แม้จะมีตัณหาทางเมถุนธรรมที่ขมึนตึงอยู่ สามารถกำหนดกรรมฐานจนมันหดหายไปทันทีเหมือนปลิดทิ้งได้ ก็ยังไม่สามารถละได้อย่างถาวร หรือทำให้วัฏฏจักรของมันบรรเทาลงจากเดิมได้เลย จึงไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายเลยที่ละกามเรื่องเมถุนธรรมออกได้อย่างง่ายในเพศฆราวาส ที่ยังมีภรรยาอยู่ได้.
ดังนั้นผมจึงต้องอดทนและมีขันติอยู่ในศีลธรรม และปฏิบิตธรรมเนื่องๆ โดยไม่รู้ว่าจะต้องเพียรรักษาปฏิบัติไปถึงเมื่อไหร่ กับความทุกข์เป็นวัฏฏจักร ปะดังมาเป็นรอบๆ เนืองๆ นั้น.
และแล้ว เมื่อผมอายุจะ 52 ปี มกราคม 2554 ผมเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดสมองอย่างเฉียบพลัน แบบน็อกขณะที่กำลังเดินเปิดประตูบ้านอยู่ ในช่วงนาทีหรือวินาทีนั้น สติรู้ตัวทันว่าเช ควบคุมร่างกายไม่ได้แล้ว ปัญญาเกิดขึ้นทันที คือต้องหมุนตัวตามที่เชถล่า ให้หลังไปพิงประตูบ้านที่ปิดล็อกอยู่ ไม่ให้ล้มคว้ำหัวกระแทกพื้น หลังพิงและยันไว้ปล่อยให้ครูดลงไปนั่ง แต่หมดสติไปก่อนที่ก้นถึงพื้นเล็กน้อยนั้นเอง.
แล้วมีสติรู้ขึ้นแม้ขณะอยู่ในสถานะแบบเป็นผักอยู่ และรู้ชัดขึ้นในขณะที่ยังไม่สามารถนึกคิดได้ จนนึกคิดได้แต่ไม่รู้ร่างกาย จนรู้กายแต่ไม่สามารถขยับได้แม้แต่ลิ้น จนแค่พอขยับแขนช้ายได้ และขยับลิ้นได้เล็กน้อย แต่ออกเสียงไม่ได้ จนออกเสียงได้ ออแอ้ๆ ไม่ได้ดังใจต้องต้องการ
เมื่อได้รับการช่วยเหลือผมก็เริ่มกำหนดกรรมฐานตั้งแต่นั้นแม้จะยังเป็นอัมพฤตอยู่ จนในห้องไอชียู พอลุกขึ้ันนั่งได้เช้ามืดต่อมาผมก็เริ่มนั่งกรรมฐานในห้องไอชียู ไม่สนใจใครแม่แต่หมอหรือพยาบาล ตั้งกรรมฐานอย่างระเอียดปรานิดยิ่ง
ในค่ำวันที่ 3 จึงพ้นจากสังขาร จากใจ จากรูปนาม เป็น วิสังขาร สงบสันติอย่างไม่มีกำหนดหมาย เมื่อจะบังเกิดเป็น รูป-นาม หรือใจ หรือชีวิด จะเป็นเสมือนเป็นจุดเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยขยายใจและความรู้สึกเพิ่มขึ้นจนเหมือนอยู่ในโพลงของร่างกาย แล้วรู้สึกถึงร่างกายทุกส่วน ตามปกติ.
ต่อมาเป็นเดือนหลังจากนั้น ก็สามารถบรรเทา เมถุนธรรม ลงไปได้อย่างมาก จนไม่เป็นทุกข์ ฟุ้งซ้านบนเพ้อแบบเดิมๆ อีก คือทุกข์นั้นบรรเทาลงไปอีกมากเลยที่เดียว
แล้วข้อกังขา เรื่องเป็นพระโพธิสัตว์ ก็คลายหมดไป นั้นเอง.
ดังนั้น ธรรมในพุทธศาสนานั้นปฏิบัติได้เป็นเรื่องจริง เป็นชีวิตจริง ตรวจสอบได้ด้วยชิวิตจริง ไม่ใช่เรื่องจินตนาการ หรือปรัชญญาเท่านั้น.
การปฏิบัติธรรมและอดทนมีขันติในศีลธรรมอยู่เนืองๆ แม้ไม่รู้ว่าจะต้องเพียรปฏิบัติไปถึงใหนนั้นแหละพึงชนะทุกข์และกิเลสได้บ้าง
การปฏิบัติธรรม ความอดทนและมีขันติในศีลธรรม อยู่เนืองๆ แม้ไม่รู้ว่า จะต้องเพียรรักษาเพียรปฏิบัติไปถึงใหนนั้นแหละจึงชนะทุกข์และกิเลสได้
งานการบางอย่างในโลก สามารถกำหนดเป้าหมายระยะเวลาสำเร็จได้ แต่การปฏิบ้ัติธรรมและอดทนมีขันติในศีลธรรม ไม่พึงสามารถกำหดนเป้าหมายได้โดยง่ายเลย
จึงมีคำว่า ปฏิบัติธรรมอยู่เนืองๆ มีความอดทนและขันติในศีลธรรม แม้ไม่รู้ว่าจะต้องเพียรรักษาและปฏิบัติธรรมไปถึงเมื่อใด.
ผมเองเมื่อวัยเด็กประสงค์ปัญญาความรู้ อยู่บนแขวกหนามและอุปสรรค์มากมายและไม่เห็นโอกาศที่จะได้เรียนต่อได้เลย อาศัยยึดเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง จึงปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิด้วยตนเอง ตั้งแต่ยังเด็กตามแบบพระพุทธรูปที่นั่งขัดสมาธิ ไหว้พระสวดมนตร์เป็นประจำก่อนนอน ทั้งๆ ที่ไม่เห็นทางออกที่จะได้ หรือแสงสว่างที่ปลายอุโมงเลย
นั้นเป็นอุปนิสัยของผม และเจริญอุปนิสัยนี้ขึ้นมาในชีวิตตามวัยที่เจริญขึ้น แม้จะไม่มีไม่เห็นหนทางใดเลยก็ตั้งใจสู้ เมื่อมีโอกาศก็เดินหน้าตามที่ประสงค์ไว้ แม้จะมีอุปสรรค์มากมายจนท้อแทบหมดหวังแต่ก็ไม่ถอย จึงทำให้ศึกษาและปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาอย่างมากด้วยทุกข์ที่ประดังมากขึ้นตามลำดับ พอกับการศึกษาทางโลกก็เพื่อรักษาใจไว้ ไม่ให้บ้าไปเสียก่อนแบบพี่ชายคนโต.
ปฏิบัติตัวเช่นนี้ไม่ใช่ปีสองปี แต่ปฏิบัติธรรมและอดทนมีขันติในศีลธรรมที่ค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนยิ่งยวด จากอายุ 13 ปี จนอายุ 24 ปี ทีเดียว โดยไม่รู้ว่าเรียนจบจะได้รับปริญญาทางโลกหรือเปล่า จึงปฏิบัติธรรมอย่างยิ่งยวดเพื่อรักษาใจเนื่องๆ เป็นปัจจุบันธรรมไม่ทอดธุระว่างเว้น ยอมสละร่างกายเพื่อธรรม และชีวิตเพื่อพ้นทุกข์ที่เป็นอยู่ได้ ในการปฏิบัติธรรมนั้น.
เมื่ออายุ 23 ปี ย่างจะเต็ม 24 ปี นั้น จึงถึงที่สุดแห่งการปฏิบัติธรรมยอมทิ้งชีวิตไปกับสภาวะธรรมที่ปรากฏเป็นไตรลักษณ์(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)อย่างยิ่งยวดนั้น จนสิ้นไปพ้นไปจากชีวิต(รูป-นาม) จริงๆ เมื่อปรากฏชีวิตรู้สึกที่มีเพียงแต่ใจขึ้นมาใหม่มีแต่เพียงสุขและอุเบกขาเท่านั้น ใจหรือจิตนั้นอุทานขึ้นมาเองว่า
"นี้เป็นมรรคผลนิพพาน" แต่เมื่อความความคิดปรุงแต่งปรากฏขึ้นกลัวจะวิปลาส จึงพิจารณาไปว่า "ไม่ใช่ ออ สุขอย่างนี้คืออารมณ์ของพรหม"
เมื่อกลับมารับรู้ทั่วพร้อมในร่างกายเป็นปกติ ก็มีความรู้ขึ้นมาว่า
"เราจะไม่บ้าแบบพี่ชายคนโตอีกเลยแม้จะโดนกดดันและบีบเค้นอย่างไรก็ตาม แม้จะเกิดเหตุการณ์ที่เราจะไม่ได้รับปริญญาแม้เรียนจบแล้วก็ตาม."
ผมจึงพ้นทุกข์อย่างถาวร ที่จะบ้าแบบพี่ชายคนโตนั้นเอง แต่ผมก็ได้รับปริญญาตรี แม้จะได้รับอนุมัติจากสภามหาลัยหลังสุดก็ตาม และจบการปฏิบัติธรรมระดับเบื้องต้น ในวัยจะเต็ม 24 ปี นั้นเอง
แม้ภายหลัง ผมจะประสบทุกข์มากมายด้วยฐานะทางสังคมและกฏหมาย หลายครั้งหลายครา และได้ปฏิบัติธรรมต่อเนื่องอย่างมาก เนื่องๆ ไม่เคยทอดธุระ แม้ฐานะจะต้องตกต่ำมากก็ตาม ใจก็คิดจะบวชอีกครั้ง แล้วขังขาในธรรมที่เคยปรากฏในครั้งนั้นเมื่อมีแฟน จึงเกิดข้อกังกาขึ้น 2 ทาง คือ 1.บรรลุธรรมไปแล้ว กับ 2.เป็นพระโพธิสัตว์
จิตใจจึงหนักไปทาง ข้อ 2. เป็นพระโพธิสัตว์ เพราะเห็นกามราคะเรายังมีอยู่มากยังผลักด้นเราได้อยู่มาก จนแต่งงานมีครอบครัว แต่เจอสภาวะตกต่ำยิ่ง ใจก็ยังอยากบวชไม่คลาย เพราะด้วยเห็นทุกข์ยิ่งจึงปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้นไปอีกจนเกิด อุปสมานุตสติ จึงคลายเรื่องอยากหนีครอบครัวไปบวช ข่มกามราคะเรื่องเมถุนธรรม เป็นเวลาหลายปี จนภรรยาต้องทุกข์ จนบรรลุ ฌาน 4
ผมจะทุกข์หรือกดดันอย่างใดก็ไม่เคยมีสติสัมปชัญญะหลุดหรือจะบ้าได้อีกเลย แม้จะมีเหตุแห่งความหลงไปทางโพธิสัตว์มากมายก็ตาม ซ้ำยังปฏิบัติธรรมวิปัสสนาญาณ ขึ้นรอบใหม่ แม้จะมีครอบครัวและลูกต้องรับผิดชอบ การงานที่ต้องรักษาหาเลี้ยงครอบครัว จนวิปัสสนาญาณเกือบถึงที่สุดอีกครั้งแต่ยังไม่ใช่ แล้วใจผมก็วางเรื่องพระโพธิสัตว์ไปอย่างสิ้นเชิง จนอายุ 35 ปี ได้รับสัญญาชาติไทย
ก็ยังปฏิบัติธรรมและศึกษาธรรมอยู่เนืองๆ ไม่ทอดธุระ เวลาต่อมาก็เกิดญาณทัสสนะ ขึ้น แม้จะมีฐานะและเงินเดือนมากขึ้นจากหลังมือเป็นหน้ามือ ผมก็ยังดำรงตนเป็นปกติในศีลในธรรม ไม่เคยคิดมีผู้หญิงอื่นเลย คือไม่มีปัญหาหรือยากเรื่องเมถุธรรมเกินจากภรรยาตน แต่ภรรยานั้นแหละกลับเครียดและทุกข์เรื่องนี้ เพราะผมปฏิบัติอยู่เนื่องๆ และมากไปไม่สมดุลย์กัน.
และเมื่อผมอายุ 40 ปี พ่อผมเสีย ด้วยที่ท่านเป็นผู้ที่บุญไม่ค่อยได้ทำ แต่อกุศลกรรมเล็กๆ น้อยนั้นทำมาโดยตลอด ด้วยเหตุจะช่วยพ่อและโดนกระตุ้นจากสิ่งไม่ใช่คน ทำให้เรื่องโพธิสัตว์ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จึงปล่อยให้ไหลไปตามใจที่โดนกระตุ้นจากสิ่งต่างๆ แต่ข้อกังขาในธรรมที่บรรลุเมื่ออายุย่าง 24 ปี นั้นยังคานอยู่ตลอดเวลาเป็นปมธรรมอยู่.
เมื่ออายุ 44 ปี ภรรยาต้องตัดมดลูกและรังไข่ทิ่ง แถมยังมีอุบัติเหตุทางการแพทย์มีดหมอไปเฉือนโดนท่อไตโดยหมอไม่รู้และบิดแผลไปแล้ว จนติดเชื้อในช่วงท้อง ต้องทำการผ่าตัดใหม่ ชีวิตเขาแทบจะไม่รอด แล้วผลข้างเคียงก็เกิดขึ้นมากมาย และกระทบกับผมจนชีวิตครอบครัวสามารถพังได้ เพราะมีปัญหาเรื่องเมถุธรรม เป็นอย่างมากๆ ๆ จริงๆ
ผมต้องอดทนเป็นปีๆ ด้วยปัญหาเรื่องนี้ จนผมต้องขอภรรยาเพื่อระบายข้างนอกบ้างได้ใหม? ภรรยาไม่ยอมยืนกระต่ายขาเดียว ก็คิดไปว่าการไปเทียวอาจจะผิดศีลได้ง่าย ผมก็ต้องอดทนอย่างมีขันติไปอีก จนคิดปรุงแต่งไปว่าถ้าผมมีภรรยาอีกคนโดยที่ภรรยายินยอม และไม่มีปัญหาฝ่ายหญิง ผมก็มีได้ไม่ผิดศีล แต่ภรรยายืนกระต่ายขาเดียวไม่ยินยอม
เมถุธรรมเมื่อเสพติดแล้วด้วยเพราะมีครอบครัว มันก็จะมีระยะเวลาของมันตามฮอร์โมนร่างกายที่มันผลิตตามวัฏฏจักร์ของมัน เช่น 2 หรือ 3 มันก็ผลักดันขึ้นมาใหม่ ปรุงแต่งให้จิตใจปรุงแต่งฟุ้งซ้านแสวงหาด้วยความอยากเป็นธรรมชาติฝ่ายสังขตธรรม ที่อยากจะดูที่จะเสพเพราะความเคยชินที่ยังเป็นอนุสัยนั้นเอง ผมต้องข่มบ้าง ระงับตนเองได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นเช่นนี้อยู่เป็น ปีๆ
แต่ผมก็ยังปฏิบัติธรรมศึกษาธรรมอยู่เรื่อยๆ เช่นนั้น จนผมระลึกชาติย้อนหลังของตนเองถอยไปถึง 3 ชาติ แต่เมื่อถึงเวลากามเมถุนก็ประดังมาเป็นวงรอบของมันอยู่เนื่องๆ เช่นเดิม ทำให้ฟุ้งซ้านบ่นเพ้อ ตามคาบเวลาของมัน ชั่งเป็นทุกข์ยิ่งจริงๆ
จนภรรยายินยอมให้ไประบายข้างนอกได้ แต่ห้ามมีเมียน้อย แต่ผมกลับไม่ไปเทียวเสีย เพราะเห็นว่าเป็นทางที่ยังผิดศีลได้ง่าย ผมจึงอดทนและมีขันติต่อไปในทางศีลธรรม
ผมต่อสู่กับกามเมถุธรรม อย่างยาวนานไม่เคยชนะมันไม่เคยบรรเทาลงได้เลย เพราะมันวนเวียนกลับมาเหมือนเดิม แม้จะเคยมีกำลังสมาธิถึง ฌาน 4 ก็ตาม แม้จะมีตัณหาทางเมถุนธรรมที่ขมึนตึงอยู่ สามารถกำหนดกรรมฐานจนมันหดหายไปทันทีเหมือนปลิดทิ้งได้ ก็ยังไม่สามารถละได้อย่างถาวร หรือทำให้วัฏฏจักรของมันบรรเทาลงจากเดิมได้เลย จึงไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายเลยที่ละกามเรื่องเมถุนธรรมออกได้อย่างง่ายในเพศฆราวาส ที่ยังมีภรรยาอยู่ได้.
ดังนั้นผมจึงต้องอดทนและมีขันติอยู่ในศีลธรรม และปฏิบิตธรรมเนื่องๆ โดยไม่รู้ว่าจะต้องเพียรรักษาปฏิบัติไปถึงเมื่อไหร่ กับความทุกข์เป็นวัฏฏจักร ปะดังมาเป็นรอบๆ เนืองๆ นั้น.
และแล้ว เมื่อผมอายุจะ 52 ปี มกราคม 2554 ผมเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดสมองอย่างเฉียบพลัน แบบน็อกขณะที่กำลังเดินเปิดประตูบ้านอยู่ ในช่วงนาทีหรือวินาทีนั้น สติรู้ตัวทันว่าเช ควบคุมร่างกายไม่ได้แล้ว ปัญญาเกิดขึ้นทันที คือต้องหมุนตัวตามที่เชถล่า ให้หลังไปพิงประตูบ้านที่ปิดล็อกอยู่ ไม่ให้ล้มคว้ำหัวกระแทกพื้น หลังพิงและยันไว้ปล่อยให้ครูดลงไปนั่ง แต่หมดสติไปก่อนที่ก้นถึงพื้นเล็กน้อยนั้นเอง.
แล้วมีสติรู้ขึ้นแม้ขณะอยู่ในสถานะแบบเป็นผักอยู่ และรู้ชัดขึ้นในขณะที่ยังไม่สามารถนึกคิดได้ จนนึกคิดได้แต่ไม่รู้ร่างกาย จนรู้กายแต่ไม่สามารถขยับได้แม้แต่ลิ้น จนแค่พอขยับแขนช้ายได้ และขยับลิ้นได้เล็กน้อย แต่ออกเสียงไม่ได้ จนออกเสียงได้ ออแอ้ๆ ไม่ได้ดังใจต้องต้องการ
เมื่อได้รับการช่วยเหลือผมก็เริ่มกำหนดกรรมฐานตั้งแต่นั้นแม้จะยังเป็นอัมพฤตอยู่ จนในห้องไอชียู พอลุกขึ้ันนั่งได้เช้ามืดต่อมาผมก็เริ่มนั่งกรรมฐานในห้องไอชียู ไม่สนใจใครแม่แต่หมอหรือพยาบาล ตั้งกรรมฐานอย่างระเอียดปรานิดยิ่ง
ในค่ำวันที่ 3 จึงพ้นจากสังขาร จากใจ จากรูปนาม เป็น วิสังขาร สงบสันติอย่างไม่มีกำหนดหมาย เมื่อจะบังเกิดเป็น รูป-นาม หรือใจ หรือชีวิด จะเป็นเสมือนเป็นจุดเล็กๆ ก่อนแล้วค่อยขยายใจและความรู้สึกเพิ่มขึ้นจนเหมือนอยู่ในโพลงของร่างกาย แล้วรู้สึกถึงร่างกายทุกส่วน ตามปกติ.
ต่อมาเป็นเดือนหลังจากนั้น ก็สามารถบรรเทา เมถุนธรรม ลงไปได้อย่างมาก จนไม่เป็นทุกข์ ฟุ้งซ้านบนเพ้อแบบเดิมๆ อีก คือทุกข์นั้นบรรเทาลงไปอีกมากเลยที่เดียว
แล้วข้อกังขา เรื่องเป็นพระโพธิสัตว์ ก็คลายหมดไป นั้นเอง.
ดังนั้น ธรรมในพุทธศาสนานั้นปฏิบัติได้เป็นเรื่องจริง เป็นชีวิตจริง ตรวจสอบได้ด้วยชิวิตจริง ไม่ใช่เรื่องจินตนาการ หรือปรัชญญาเท่านั้น.