เอเอฟพี – กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้เผยยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) เพิ่มเป็น 16 ราย และมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 5 รายในวันนี้ (15 มิ.ย.) ขณะที่ประชาชนอีกกว่า 5,200 คนถูกสั่งให้อยู่ในระยะกักโรค (quarantine) ท่ามกลางความหวาดผวาการแพร่กระจายของเชื้อโรคซึ่งมีทีท่าว่าจะยังคุมไม่อยู่
ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายวัย 58 ปี ซึ่งทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 16 รายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน
กระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดป่วยเป็นเบาหวานอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในภาพรวมเพิ่มขึ้นเป็น 150 คน โดยผู้ป่วย 17 คนอาการอยู่ในขั้นคงที่
ผู้ติดเชื้อใหม่ 5 รายมีช่วงอายุระหว่าง 39-84 ปี โดยได้รับเชื้อจากสถานพยาบาลหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลในกรุงโซลและเมืองแดจอนที่ห่างออกไปทางใต้ประมาณ 140 กิโลเมตร
หนึ่งในผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นแพทย์ที่เคยปั๊มหัวใจช่วยชีวิตคนไข้ MERS ในเมืองแดจอน และคนไข้อีกรายที่ศูนย์การแพทย์ซัมซุงในกรุงโซล ซึ่งที่ผ่านมาสถานพยาบาลแห่งนี้มีการแพร่กระจายของไวรัสสู่คนไข้ แพทย์ พยาบาล และผู้มาติดต่อธุระรวมกว่า 70 ราย และจัดเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดสำหรับการแพร่ระบาดที่เกาหลีใต้
การแพร่กระจายของไวรัส MERS ในเกาหลีใต้มีต้นตอมาจากชายวัย 68 ปีคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย และแพทย์ได้ยืนยันอาการป่วยของเขาเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ก่อนหน้านั้นเขาได้ไปพบแพทย์ในสถานพยาบาล 4 แห่ง ซึ่งระหว่างนั้นเองที่เชื้อได้แพร่กระจายไปสู่เจ้าหน้าที่แพทย์และผู้ป่วยรายอื่นๆ
ไวรัส MERS ได้แพร่จากผู้ป่วยรายแรกไปสู่รายอื่นๆ อย่างรวดเร็ว จนทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย และเป็นการได้รับเชื้อจากสถานพยาบาลเกือบทั้งสิ้น
ศูนย์การแพทย์ซัมซุงซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ได้ประกาศระงับบริการเกือบทั้งหมดเมื่อวานนี้ (14) เพื่อสกัดการแพร่กระจายของไวรัสมรณะ
ในซาอุดีอาระเบียซึ่งถือเป็นต้นทางของไวรัส MERS พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 950 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 412 ราย
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัส MERS อยู่ที่ราวๆ 35 เปอร์เซ็นต์ และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่จะป้องกันได้
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000067403
ยังเอาไม่อยู่! ยอดตายไวรัส MERS ในเกาหลีใต้พุ่ง 16 ศพ-ติดเชื้อเพิ่มเป็น 150 ราย
เอเอฟพี – กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้เผยยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสกลุ่มทางเดินหายใจสายพันธุ์ตะวันออกกลาง (MERS) เพิ่มเป็น 16 ราย และมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 5 รายในวันนี้ (15 มิ.ย.) ขณะที่ประชาชนอีกกว่า 5,200 คนถูกสั่งให้อยู่ในระยะกักโรค (quarantine) ท่ามกลางความหวาดผวาการแพร่กระจายของเชื้อโรคซึ่งมีทีท่าว่าจะยังคุมไม่อยู่
ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายวัย 58 ปี ซึ่งทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 16 รายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน
กระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดป่วยเป็นเบาหวานอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในภาพรวมเพิ่มขึ้นเป็น 150 คน โดยผู้ป่วย 17 คนอาการอยู่ในขั้นคงที่
ผู้ติดเชื้อใหม่ 5 รายมีช่วงอายุระหว่าง 39-84 ปี โดยได้รับเชื้อจากสถานพยาบาลหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลในกรุงโซลและเมืองแดจอนที่ห่างออกไปทางใต้ประมาณ 140 กิโลเมตร
หนึ่งในผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นแพทย์ที่เคยปั๊มหัวใจช่วยชีวิตคนไข้ MERS ในเมืองแดจอน และคนไข้อีกรายที่ศูนย์การแพทย์ซัมซุงในกรุงโซล ซึ่งที่ผ่านมาสถานพยาบาลแห่งนี้มีการแพร่กระจายของไวรัสสู่คนไข้ แพทย์ พยาบาล และผู้มาติดต่อธุระรวมกว่า 70 ราย และจัดเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดสำหรับการแพร่ระบาดที่เกาหลีใต้
การแพร่กระจายของไวรัส MERS ในเกาหลีใต้มีต้นตอมาจากชายวัย 68 ปีคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย และแพทย์ได้ยืนยันอาการป่วยของเขาเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ก่อนหน้านั้นเขาได้ไปพบแพทย์ในสถานพยาบาล 4 แห่ง ซึ่งระหว่างนั้นเองที่เชื้อได้แพร่กระจายไปสู่เจ้าหน้าที่แพทย์และผู้ป่วยรายอื่นๆ
ไวรัส MERS ได้แพร่จากผู้ป่วยรายแรกไปสู่รายอื่นๆ อย่างรวดเร็ว จนทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบีย และเป็นการได้รับเชื้อจากสถานพยาบาลเกือบทั้งสิ้น
ศูนย์การแพทย์ซัมซุงซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ได้ประกาศระงับบริการเกือบทั้งหมดเมื่อวานนี้ (14) เพื่อสกัดการแพร่กระจายของไวรัสมรณะ
ในซาอุดีอาระเบียซึ่งถือเป็นต้นทางของไวรัส MERS พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 950 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 412 ราย
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัส MERS อยู่ที่ราวๆ 35 เปอร์เซ็นต์ และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่จะป้องกันได้
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000067403