เมื่อวานได้มีโอกาสไปชมมา
จะรีวิวเป็นส่วน ๆครับ
ความคาดหวังก่อนชม
ผมประทับใจกับ Jurassic Park ภาคแรกมาก มันเปิดโลกหลาย ๆ อย่างให้คนดูหนังไม่ว่าจะเป็น CG เนื้อเรื่อง การเดินเรื่อง ไดโนเสาร์ DNA บลา บลา บลา ภาคต่อ ๆ มาถือว่าทำได้สนุก ดูเพลิน ๆ แต่ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นมากเท่าภาคแรก แต่ชอบทั้ง 3 ภาคครับ สนุกกันคนละแบบ ชอบการเดินเรื่องสไตล์สปิลเบิร์ก มีอะไรให้ตื่นเต้นเยอะ (แม้หนังบางเรื่องของแกจะไม่มีอะไรเลยก็ตาม 555)
พอมาเป็น Jurassic World ตอนรู้ข่าวมันมี 2 อารมณ์คือตื่นเต้นนิด ๆ กับคิ้วขมวดว่าจะสร้างกันออกมายังไง เพราะมุกไดโนเสาร์ล่าคนนี่ผมว่ามันเชยไปแล้ว มันไม่น่ามีอะไรเล่นแล้ว แค่อาจจะเปลี่ยนวิธีไล่ล่า วิธีหนีให้มันสนุกตื่นเต้นขึ้น แค่นั้นเองเหรอ พอหนังจะเข้าฉายกระแสก็มาแรงเรื่อย ๆ คนรอบข้างก็บอกอยากดู กระตุ้นต่อมเราด้วย เอาวะ จัดก็จัด
ตัวหนัง
ช่วงต้น : เฮ้ย หนังมันตื่นเต้นว่ะ ดำเนินเรื่องชึบชับดีแท้ ค่อย ๆ เผยไดโนเสาร์ทีละตัว ตัวใหม่ ๆ มาเพียบ ปูพื้นพระเอก นางเอก เด็ก ๆ ตัวร้าย วิทยาศาสตร์ พันธุกรรม และความเป็นมาของ Park ได้อย่างค่อนข้างกลมกลืน (แม้มีบางฉากจะเป็นการยัดเยียดไปหน่อย) มีการกล่าวถึง จอห์น แฮมมอน เป็นระยะๆ ผูกโยงเรื่องกับภาคก่อน ๆ ด้วยภาพ ด้วยคำพูด ดูมันกลมกลืนใช้ได้ แต่ยังรู้สึกขัด ๆ บ้าง เอานะ ยังไงก็โอเค ทำลมหายใจผมฟืดฟาด หัวใจเต้นระรัวได้พอสมควรเลยล่ะ
ช่วงกลาง: มาแล้ว ฉากตื่นเต้น เริ่มไล่ล่า ไดโนเสาร์หลุดแล้ว ตัวที่โดนดัดแปลงพันธุกรรมมีอะไรน่าสนใจเยอะ ทั้งพรางตัว ทั้งฉลาด หลอกล่อคนได้ เอาแล้ว ๆ เด็ก ๆ หลุดเข้าป่า พระนางต้องตามเข้าไปหา ลุ้น ๆ แต่ติดตรงฉากพ่อแง่
อนมันดูมาไม่เหมาะไม่เจาะ ไม่ลงล็อกเท่าที่ควร ยังไงไม่รู้
ช่วงท้ายๆ: เอ่อ...ยังไงวะเนี่ย ฉากหนีจายไล่ล่ามันไม่สุด ไม่ถึงอย่างที่คิด โอเค ไดโนเสาร์หลุด นกบินว่อน ปล่อยแร๊พเตอร์ไปล่าไอ้ตัวดัดแปลงพันธุกรรม กลายเป็นคุยกันรู้เรื่องซะงั้น คือจุดนี้ผมสงสัยมาตั้งแต่ภาค 3 แล้วว่า จริงเหรอที่แร๊พเตอร์มันมีภาษาคุยกันเองได้ด้วย อันนี้ถามแบบไม่รู้จริง ๆ
มารู้สึกโคตรงงตรงที่สุดท้ายแร๊พเตอร์เลือกช่วยพระเอกแล้วนางเอกไปปล่อย T-Rex มาลุยกะตัวดัดแปลงพันธุกรรม แบบว่า เอ่อ...ภาพที่เคยคิดไว้ในภาคแรกนี่แตกสลายไปเลย มันดูเหมือนก็อตซิลล่าปะทะตัวดัดแปลงพันธุกรรม โดยมีแร๊พเตอร์ผสมโรง กะปลาไดโนเสาร์ใหญ่ยักษ์ผู้แย่งซีน
คิ้วขมวด อะไรวะ
สรุป: หนังเริ่มต้นได้น่าตื่นตาตื่นใจมาก พอดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ สเกลมันเล็กลงยังไงไม่รู้ คือถึงจะเล็กลงแต่มันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นเหมือน 3 ภาคแรก
ฉากการไล่ล่าไม่สุดอย่างที่คิด มันไม่ตื่นเต้น ไม่กรี๊ด พระเอกดูเหมือนจะเก่งตอนแรก พอกลาง ๆ เรื่องถึงท้ายเรื่องแทบไม่ค่อยมีอะไร เท่ตรงขี่มอไซตีคู่แร๊พเตอร์ ตัวร้ายดูไม่ร้ายเท่าที่คิด ด็อกเตอร์หนีขึ้น ฮ.แล้วหายไปเลยเหมือนจะบอกว่ามีภาคต่อแน่นอน ท้ายเรื่องจนหนังจบมันเฉย ๆ มากครับ
สงสัยคงเอาภาคแรกเป็นมาตรฐานไว้ เลยดูหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่
คะแนน: 6.5/10
ทั้งหมดคือความเห็นส่วนตัวครับ
ขอบคุณที่อ่านกัน
Jurassic World : กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง (สปอยล์เนื้อหาบางส่วน)
จะรีวิวเป็นส่วน ๆครับ
ความคาดหวังก่อนชม
ผมประทับใจกับ Jurassic Park ภาคแรกมาก มันเปิดโลกหลาย ๆ อย่างให้คนดูหนังไม่ว่าจะเป็น CG เนื้อเรื่อง การเดินเรื่อง ไดโนเสาร์ DNA บลา บลา บลา ภาคต่อ ๆ มาถือว่าทำได้สนุก ดูเพลิน ๆ แต่ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นมากเท่าภาคแรก แต่ชอบทั้ง 3 ภาคครับ สนุกกันคนละแบบ ชอบการเดินเรื่องสไตล์สปิลเบิร์ก มีอะไรให้ตื่นเต้นเยอะ (แม้หนังบางเรื่องของแกจะไม่มีอะไรเลยก็ตาม 555)
พอมาเป็น Jurassic World ตอนรู้ข่าวมันมี 2 อารมณ์คือตื่นเต้นนิด ๆ กับคิ้วขมวดว่าจะสร้างกันออกมายังไง เพราะมุกไดโนเสาร์ล่าคนนี่ผมว่ามันเชยไปแล้ว มันไม่น่ามีอะไรเล่นแล้ว แค่อาจจะเปลี่ยนวิธีไล่ล่า วิธีหนีให้มันสนุกตื่นเต้นขึ้น แค่นั้นเองเหรอ พอหนังจะเข้าฉายกระแสก็มาแรงเรื่อย ๆ คนรอบข้างก็บอกอยากดู กระตุ้นต่อมเราด้วย เอาวะ จัดก็จัด
ตัวหนัง
ช่วงต้น : เฮ้ย หนังมันตื่นเต้นว่ะ ดำเนินเรื่องชึบชับดีแท้ ค่อย ๆ เผยไดโนเสาร์ทีละตัว ตัวใหม่ ๆ มาเพียบ ปูพื้นพระเอก นางเอก เด็ก ๆ ตัวร้าย วิทยาศาสตร์ พันธุกรรม และความเป็นมาของ Park ได้อย่างค่อนข้างกลมกลืน (แม้มีบางฉากจะเป็นการยัดเยียดไปหน่อย) มีการกล่าวถึง จอห์น แฮมมอน เป็นระยะๆ ผูกโยงเรื่องกับภาคก่อน ๆ ด้วยภาพ ด้วยคำพูด ดูมันกลมกลืนใช้ได้ แต่ยังรู้สึกขัด ๆ บ้าง เอานะ ยังไงก็โอเค ทำลมหายใจผมฟืดฟาด หัวใจเต้นระรัวได้พอสมควรเลยล่ะ
ช่วงกลาง: มาแล้ว ฉากตื่นเต้น เริ่มไล่ล่า ไดโนเสาร์หลุดแล้ว ตัวที่โดนดัดแปลงพันธุกรรมมีอะไรน่าสนใจเยอะ ทั้งพรางตัว ทั้งฉลาด หลอกล่อคนได้ เอาแล้ว ๆ เด็ก ๆ หลุดเข้าป่า พระนางต้องตามเข้าไปหา ลุ้น ๆ แต่ติดตรงฉากพ่อแง่อนมันดูมาไม่เหมาะไม่เจาะ ไม่ลงล็อกเท่าที่ควร ยังไงไม่รู้
ช่วงท้ายๆ: เอ่อ...ยังไงวะเนี่ย ฉากหนีจายไล่ล่ามันไม่สุด ไม่ถึงอย่างที่คิด โอเค ไดโนเสาร์หลุด นกบินว่อน ปล่อยแร๊พเตอร์ไปล่าไอ้ตัวดัดแปลงพันธุกรรม กลายเป็นคุยกันรู้เรื่องซะงั้น คือจุดนี้ผมสงสัยมาตั้งแต่ภาค 3 แล้วว่า จริงเหรอที่แร๊พเตอร์มันมีภาษาคุยกันเองได้ด้วย อันนี้ถามแบบไม่รู้จริง ๆ
มารู้สึกโคตรงงตรงที่สุดท้ายแร๊พเตอร์เลือกช่วยพระเอกแล้วนางเอกไปปล่อย T-Rex มาลุยกะตัวดัดแปลงพันธุกรรม แบบว่า เอ่อ...ภาพที่เคยคิดไว้ในภาคแรกนี่แตกสลายไปเลย มันดูเหมือนก็อตซิลล่าปะทะตัวดัดแปลงพันธุกรรม โดยมีแร๊พเตอร์ผสมโรง กะปลาไดโนเสาร์ใหญ่ยักษ์ผู้แย่งซีน
คิ้วขมวด อะไรวะ
สรุป: หนังเริ่มต้นได้น่าตื่นตาตื่นใจมาก พอดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ สเกลมันเล็กลงยังไงไม่รู้ คือถึงจะเล็กลงแต่มันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นเหมือน 3 ภาคแรก
ฉากการไล่ล่าไม่สุดอย่างที่คิด มันไม่ตื่นเต้น ไม่กรี๊ด พระเอกดูเหมือนจะเก่งตอนแรก พอกลาง ๆ เรื่องถึงท้ายเรื่องแทบไม่ค่อยมีอะไร เท่ตรงขี่มอไซตีคู่แร๊พเตอร์ ตัวร้ายดูไม่ร้ายเท่าที่คิด ด็อกเตอร์หนีขึ้น ฮ.แล้วหายไปเลยเหมือนจะบอกว่ามีภาคต่อแน่นอน ท้ายเรื่องจนหนังจบมันเฉย ๆ มากครับ
สงสัยคงเอาภาคแรกเป็นมาตรฐานไว้ เลยดูหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมันส์เท่าไหร่
คะแนน: 6.5/10
ทั้งหมดคือความเห็นส่วนตัวครับ
ขอบคุณที่อ่านกัน