ตามหัวข้อเลยค่ะ คืออยากรู้ ว่าทำไมคนสมัยนี้จะต้องคิดว่า การเป็นแฟนกัน คบกันนานๆจะต้องมีอะไรกันแล้วไปซะหมด

คือเราว่าคนที่เค้ายังไม่มีอะไรกันมันก็ต้องมีป๊ะ คือเอาอะไรมาวัดกันอ่ะคะ ว่าคู่อื่นเค้าต้องมีอะไรกันแล้ว เอามาตรฐานของคู่ตัวเองวัดกันหรอไง

เรากับแฟนคบกันมา4ปีแล้ว จะบอกว่ายังไม่มีอะไรกัน บอกเพื่อนๆไปงี้ บางคนก็ไม่เชื่อ หรือบางคนก็แซวนู่นนี่ แบบทำเหมือนไม่เชื่ออ่ะ

คือเราก็ไปบังคับความคิดใครไม่ได้ อยากคิดอะไรก็คิดกันไป นานาจิตตัง  

เรากับแฟนรักกันมากนะ ไปไหนมาไหนด้วยกันคือเราก็อัพรูปลงเฟสกันตลอด แต่ไม่เคยมีรูปจำพวกที่แบบ หอม จูบ

เต็มที่คือกอดกันค่ะ รูปที่สื่อว่าอยู่กันสองต่อสองก็ไม่มี คือเราเห็นคู่อื่นๆอัพรูปกันนี่แบบนินในห้องเดียวกันงี้ จูบปากกันงี้ เออแบบนั้นคนอื่นก็คงจะคิดได้ว่ามีไรกันแล้ว

แต่คือคู่เรานี่ไม่เคยมีรูยแบบนั้น ไปไหนมาไหนด้วยกัน อยู่กับเพื่อน ก็แค่จับมือ กอดคอ โอบไหล่บ้าง แล้วอะไรที่ทำให้คิดอ่ะคะ ว่ามีอะไรกันแล้ว

ไม่ได้แค่คู่เราคู่เดียวนะ คืออยากถามความคิดเห็นอ่ะ ว่าทำไมถึงคิดว่าคนสมัยนี้ ที่เค้าเป็นแฟนกัน จะต้องมีอะไรกันแล้วด่วยอ่ะคะ

แบบเหมือนสังคมสมัยนี้ตัดสินเองเลยว่า คนเป็นแฟนกันจะต้องมีอะไรกันแล้วเท่านั้น แบบนี้เลยอ่ะ  พิมซะยืดยาว เหมือนจะเป็นกระทู้ระบายความรู้สึกละ5555

ที่อยากรู้สุดๆเลยคือ อะไรที่ทำให้คนคิดกันว่า คนเป็นแฟนกัน=มีอะไรกันแล้ว????

**แก้ไขเพิ่มเติมค่ะ คือเรากับแฟนคบกันมา4ปีเนี่ย ไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบหรือไม่รู้สึกอะไรเลยนะคะ คือเราก็มีความรู้สึกกันค่ะ แบบนั้นอ่ะ

แต่แค่เราคิดกันได้ ว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะที่ควร เรายังเด็ก ยังเลี้ยงดูตัวเองไม่ได้   เราอายุแค่ 21กันค่ะ สังคมเพื่อนๆส่วนมากเค้ามีอะไรกับแฟนกันหมดแล้ว จากที่ฟังเพื่อนๆมาเล่าประสบการณ์ของตัวเองกับแฟน><"

แต่คนที่มีอะไรกับแฟนคือเค้าอยู่หอเดียวกันกับแฟน เรากับแฟนเราต่างคนต่างอยู่ คบกันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอดอยู่แล้ว

  คือเราคิดว่าครอบครัวก็มีส่วนสำคัญต่อการเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอ่ะ ถ้าพ่อแม่ใส่ใจลูกตัวเอง เราว่าคงไม่ปล่อยให้ลูกไปมีอะไรกับผู้ชายง่ายๆแน่นอนค่ะ

เราไม่อยากให้ตัดสินใครจากสิ่งที่ตัวเองเป็นกันนะคะ^^~