เรื่องดราม่าเกี่ยวกับโครงการ Green XX ของมหาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ มาครับจะเล่าให้ฟัง(ข้อมูลเน้นๆไม่มีงอแงแน่นอน)

เห็นกระทู้นึงที่ดราม่าหนักๆแล้ว เลยอยากมาอธิบายให้พี่ๆน้องฟังกันว่าความเป็นมาของเรื่องมันเป็นยังไงนิสิตที่นี่ถึงได้ออกมาโวยวายขนาดนั้น
ขอท้าวความเป็นมาก่อนว่าผมเป็นนิสิตของที่นี่และกำลังศึกษาอยู่ชั้นปี2ขึ้นปี3ครับและตอนนี้ก็อยู่ในช่วงของการเรียนซัมเมอร์ ซึ่งนิสิตที่เรียนซัมเมอร์นี่แหละที่จะต้องเจอกับโครงการ Green NU ก่อนใคร(ขอไม่ปิดชื่อเลยละกันนะ)  ส่วนจุดประสงค์คงทราบกันจากกระทู้นั้นแล้ว
สำหรับใครที่ยังไม่รู้สรุปให้ง่ายๆคือ ห้ามใช้จักรยานยนต์ในมอตั้งแต่เวลา08.00-17.00 แต่ไม่ห้ามรถยนต์ นั่นเอง
มาเข้าประเด็นกัน.....
ประเด็นที่ว่าคือทำไม นิสิตถึงไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้อย่างมากเลยผมขอแยกเป็น2เรื่องหลักๆนะครับ
-สภาพอากาศที่ทุกคนบอกว่าไม่ไหวแน่ๆ กับการต้องเดินทางโดยจักรยาน/เดิน ไปเรียน
-ความพร้อมของโครงการ

1.สภาพอากาศ
ต้องทำไมความเข้าใจกันก่อนว่าจังหวัดพิษณุโลกนั้นมีภูมิประเทศเป็น"แอ่งกระทะ"และมีลักษณะของเมือง"ตะวันตรงหัว" คือเป็นภูมิประเทศที่แดดจะส่องได้เต็มที่มากๆ ทุกวันนี้ ตี5.45พระอาทิตย์ขึ้นมีแสงสว่างเต็มที่แล้วครับผมยืนยันเลย และเราจะได้เจอกับฤดูหนาวแค่ช่วงวันที่กลางเดือนธันวาไปจนถึงกลางเดือนมกราคมเท่านั้น และก็ยังได้สัมผัสอากาศเย็นแค่ตอนเช้า เพราะเกิน10โมงก็ร้อนเหมือนเดิมแล้ว และผมก็มีบรรยากาศของ มน. มาฝากกันครับ

นี่เป็นอุณหภูมิเฉลี่ยครับอาจดูไม่สูงมากนักแต่มันขึ้น 30 ตั้งแต่7โมงครึ่งคนที่อยู่พิษณุโลกจะรู้ดี
เวลาที่ถ่ายคือ 9โมงกว่าๆ เกือบ10โมงเช้า

ถนน เส้นหลักของ ม. ที่พวกเราชาวนิสิตใช้กันไปมาระหว่างตึกเรียนหลักQSและตึกของคณะต่างๆ

เส้นทางรอบ ม. จะเห็นว่าแดดเปรี้ยงมากๆ และเป็นแบบนี้ทั้งปีครับ ยกเว้นแค่วันที่ฝนตกเท่านั้น

ณ ปัจจุบันรถยนต์ใน ม.ก็แทบไม่มีที่จอดแล้ว(นี่แค่ซัมเมอร์นะ) เพราะที่จอดมันมีน้อยจริงๆ แล้วถ้าพอเปิดเทอมคนหันมาใช้รถยนต์เยอะขึ้นล่ะ ?

นี่เป็น สภาพปัจจุบัน ณ ตอนนี้ครับ(ยังไม่เริ่มทดลองโครงการ) ถ้าอยู่ในช่องเทอมปกติ จะมีจักรยานยนต์เยอะกว่านี้2-3เท่า

ที่จอดรถยนต์ของตึกเรียนหลัก ปราบไตรจักรและ QS โปรดสังเกตุ"ทุกห้องเรียน"ของมน.จะติดแอร์ครับเพราะอากาศร้อนจริงๆ ขอย้ำว่าทุกห้องเรียนของทุกตึก
สรุป ส่วนตัวผมไม่ซีเรียสนะกับอุณหภูมิความร้อนขนาดนี้เพราะชินแล้ว แต่ที่ไม่ไหวจริงๆคือแดดเพราะมันแรงมากจริงๆ

2.ความพร้อมของโครงการ
มีคนพูดว่าพวกเราทำไมเรื่องเยอะนักไม่อดทนกันเลยแค่เดินไปเรียนแค่นี้ คือเอาตรงๆ พวกเรานิสิต มน."เห็นด้วย"นะครับกับหลักการของโครงการนี้ถ้ามันใช้ได้จริงๆ และมีความพร้อมมากพอและมีการเตรียมการรวมถึงการแจ้งล่วงหน้าก่อนอย่างมีระบบให้เราเตรียมตัว แต่ที่พวกเราคัดค้านกันเพราะอยู่ดีๆก็มีโครงการนี้เกิดขึ้นตามประกาศ ณ วันที่ 20 พ.ค. ซึ่งตอนนั้นนิสิตส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ ม.กันเพราะการเรียนซัมเมอร์วันแรกคือวันที่ 25 พ.ค. แต่ก็มีหน่วยงานของนิสิตเองที่ไม่ได้นิ่งนอนใจคือสภานิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ทำการจัดเสวนาขึ้นในวันที่ 26 พ.ค. ผู้ที่เข้าร่วมก็มีไม่เยอะนักเพราะจัดกันแบบกระชั้นชิดจริงๆ

มีการแปะป้าย เชิญชวนนิสิตไปร่วมเสวนากัน


หลังจากนั้น ก็ได้รวบรวมข้อสงสัยต่างๆ แล้วทางสภานิสิตก็ได้นำไปประชุมกับกรรมการของโครงการ




และนี่คือคำตอบที่ได้กลับมาจากคณะกรรมการของโครงการครับคือ จะมีแต่คำว่าทดลองๆ เราแทบไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดอะไรสักอย่างเลยจริงๆ
แล้วส่วนตัวผมคิดว่าการจะทดลองอะไรมันต้องมีความพร้อมและผลงานออกมาในระดับหนึ่งนะครับไม่ใช่ทำไปทดลองไป อีกอย่างหนึ่งคือ สเกลของเด็กซัมเมอร์แค่2-3000 คนนั้น เทียบไม่ได้เลยกับ เทอมปกติที่มีนิสิตร่วม 2หมื่นคนและสภาพอากาศที่เข้าหน้าฝนเต็มที่
เอาล่ะเราได้รู้ในด้านวิชาการไปแล้ว เรามาดูด้านสภาพจริงๆของโครงการกัน

ตรงนี้ส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะทำเป็นจุดจอดรถจักรยานยนต์ตามที่คณะกรรมการบอกมา

เห็นเส้นขาวๆที่ตีเป็นช่องมั้ยครับ นั่นแหละล้อกจอดจักรยานยนต์ที่พวกเราต้องใช้ซึ่งจำนวนมันไม่พอแน่นอนกับนิสิตที่ใช้จักรยานยนต์กัน"และพึ่งจะมาทาสีกันเมื่ออาทิตย์ก่อน" ครับ.... ผมเห็นกับตาเพราะต้องไปเรียนอยู่ทุกวัน

และนี่ก็คือเลนจักรยานที่ว่าครับ ทาสีเสร็จกันใหม่ๆเลยยังเก็บงานไม่เนี๊ยบอีกต่างหาก

จักรยานที่ทางมอจะมีให้ยืม เบื้องต้นมี"500คัน"ซึ่งเอาแค่นิสิตปี1ที่หอใน 2000กว่าคนก็ไม่พอแล้วครับน้องๆผู้หญิงที่อยู่ปี1ต้องใส่กระโปรงทรงAเพราะยังไม่ปลดระเบียบอีก จะให้เขามาปั่นจักรยานหรอ ?

นี่คือ รถไฟฟ้าขนส่งใน ม.ครับ มีทั้งหมด16คัน(ของจริงอาจจะไม่ถึง) บรรทุกเต็มที่ไม่เกิน25คนแน่ๆ และยังต้องจอดชาร์จแบตทุก2 ชม. ชาร์จครั้ง1 ชม.
ยังไม่รวมถึงหน้าฝนในช่วงเปิดเทอมที่พูดตรงๆคือ ถนนเข้า ม. น้ำท่วมทุกครั้งอีกนะครับ
ผมขอสรุปคร่าวๆให้เท่านี้นะครับ ที่จริงปัญหาต่างๆยังมีอีกมากมายแต่ที่เราสามารถเห็นได้ชัดๆเลยก็คือปัญหาเหล่านี้แหละครับ
"เราไม่ได้อยากจะค้านหัวชนฝาไปซะทุกเรื่องหรอก ที่เราต้องการก็แค่ให้ผู้ใหญ่สนใจเสียงของเราบ้างแค่นั้นเอง"
ขอบคุณมากครับ : )
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่