เจาะลึก! แฟนพันธุ์แท้′สร้อย มั่งมี′วิเคราะห์ขุนพลเสื้อกล้ามไทย แพ้ตั้งแต่ยังไม่ชก

กระทู้ข่าว
จากมติชนออนไลน์

มติชนออนไลน์ ล้อมวงคุยแบบเป็นกันเอง กับ "สร้อย มั่งมี" แฟนพันธุ์แท้ แชมเปี้ยนโลกชาวไทย ปี2002 และผู้สื่อข่าวกีฬา นสพ.ข่าวสด นามปากกา "สอดสร้อย สาวสังเวียน" ถามกันแบบเจาะลึกถึงผลงานที่ตกต่ำของสมาคมมวยสากลสมัครเล่นของไทย ในซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่สิงคโปร์

โดย คุณสร้อย บอกว่า ก่อนเดินทางไป สมาคมฯตั้งเป้า 6 เหรียญทอง พอถึงสิงคโปร์ ประกบคู่แล้ว ก็มีการประกาศใหม่ว่าต้องได้ 8 เหรียญทอง แต่พอได้แค่ 2 เหรียญทอง ก็ถือว่าตกต่ำกว่าซีเกมส์ทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้เมื่อปี 2534 เราก็เคยได้แค่2 เหรียญทอง แต่ครั้งนั้นฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ จึงมีปัจจัยเรื่องความเสียเปรียบที่ไปชกบ้านเขา

ต้องยอมรับว่าคู่แข่งตลอดกาลในอาเซียนของมวยสากลสมัครเล่นคือฟิลิปปินส์ ครั้งนี้ฟิลิปปินส์กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งนักมวยดาวรุ่งของเขาอย่าง "มาริโอ เฟอร์นันเดซ"คนนี้น่าจับตามาก และคงหามวยไทยฝีมือดีไปโค่นเขาคงยาก

มวยสากลสมัครเล่น ตอนนี้เป็นช่วงถ่ายเลือดใหม่ สมาคมฯใช้นโยบายดึงนักมวยไทยดาวรุ่ง มาเก็บตัว และให้อัตราเงินเดือนเป็นแสน แต่ไม่ได้ชกต่างประเทศหาประสบการณ์ ให้เก็บตัวอย่างเดียว ในขณะที่พอมีการเปรียบเทียบกับอัตรารายได้ของนักมวยชุดเอทีมชาติที่เก็บตัวฝึกซ้อมก็มีความเหลื่อมล้ำกัน สำหรับทีมมวยสากลสมัครเล่นในตอนนี้ถือเป็นงานลำบาก ในการเตรียมความพร้อมไปสู่โอลิมปิกที่จะมีขึ้นในปีหน้า

การให้คะแนนแบบใหม่ มีผลต่อเรื่องของผลงานหรือไม่ ?
เวลาปรับเปลี่ยนกติกาต่าง ๆ ทุกชาติเขารับรู้ร่วมกัน ถ้าเราไม่รู้เรื่องกติกา เราจะโทษใครไม่ได้ เราก็ต้องโทษทีมงานเราเอง ซึ่งระยะเวลาในการปรับตัวกับกติกาใหม่ทุกชาติก็มีระยะเวลาปรับตัวเท่ากัน ทั้งนี้ กติกาแบบใหม่ ที่ชก 3 ยก และไม่ใส่เฮดการ์ด คือการกลับไปใช้รูปแบบเดิมในอดีตซึ่งเราก็เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว เช่นสมัย "วันชัย ผ่องศรี" ก็เคยใช้กฎแบบนี้ ดังนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สมาคมฯควรเอามาอ้างเลย

ซีเกมส์ ครั้งนี้เราแพ้จริง ๆ หรือ เพราะกรรมการ ?
เราแพ้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้ว คือพอหลังการชก ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับอดีตฮีโร่เหรียญโอลิมปิก เขาบอกว่าปัญหามีตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้ว เช่น เราไปเก็บตัวที่เกาะสมุย ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งเป็นสถานที่ไม่เหมาะสมต่อการเก็บตัว ขณะที่การคัดตัวนักมวย ยังคงใช้นักกีฬาชุดเดิม ส่วนพวกดาวรุ่งในโครงการผลักดันดาวรุ่งสู่โอลิมปิก ก็ไม่ได้นำมาใช้ ส่วนคู่แข่งอย่างฟิลิปปินส์เราก็ไม่ได้ศึกษาเลย รวมถึงเรื่องของบุคลากร เราเคยมียอดโค้ชอย่าง ฮวน ฟอนตาเนียล ซึ่งสร้างฮีโร่โอลิมปิกมาแล้วหลายคน เมื่อเทียบผลงานกับโค้ชคนปัจจุบัน โอมาร์ มารากอน ก็จะเห็นว่าผลงานต่างกันอย่างมาก จนล่าสุดมีอดีตฮีโร่โอลิมปิกออกมาวิจารณ์อย่างไม่เกรงใจ

สตาฟฟ์โค้ช ที่เคยมีความสามารถอย่าง "กามนิตย์ นารีรักษ์" ทุกวันนี้ไปเป็นโค้ชของเวียดนาม ก็ทำเวียดนามได้เหรียญทองเหรียญสุดท้ายที่เรากำลังลุ้น เพราะฉะนั้นครั้งนี้ไม่มีการโกงหรอก เราชกสนามเป็นกลางคือที่สิงค์โปร์ ถ้าเราดูแบบกีฬา ละเว้นความเป็นชาตินิยม แล้วเราจะมองเห็นหลายข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น

"ส่วนการดึง ฮวน ฟอนตาเนียล กลับมาเป็นเรื่องดี แต่ถ้าดึงตัวเขามาแล้วจะตั้งเป้าหมายให้ได้เหรียญในโอลิมปิกปีหน้า ก็เป็นเรื่องยาก ไม่ว่าใครเข้ามาก็เป็นเรื่องยาก สิ่งที่สำคัญก็คือว่าต้องมีการยกเครื่องใหม่หมด ทีมงานทั้งหมดต้องมีการล้างบ้าง ทำยังไงให้มีความโปร่งใส ไม่ให้นักมวยไปพูดได้ว่า หัวหน้าคนนั้น สตาฟฟ์โค้ชคนนี้ ไม่ดูแลนักมวย มัวแต่ไปดูแลผู้ใหญ่"

อนาคตเรื่องของ โอลิมปิก ปีหน้า เป็นงานหนัก และเผือกร้อนมาก ปัจจัยสำคัญคือ ครั้งนี้ไทยไม่ได้เป็นเจ้าภาพจัดรอบคัดเลือกเลย ส่วนความหวังเดียวเราคือ วุฒิชัย มาสุข ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวเต็งในเวทีโลก เป็นงานลำบากเมื่อต้องเจอกับนักชกจากยุโรปซึ่งมีความแข็งแกร่ง

ส่วนเรี่องบทบาทใน สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ หรือ ไอบา (AIBA) ของไทยนั้น ผมมองสวนกระแสกับผู้ใหญ่ในสมาคมฯ ที่มักพูดว่าเราเสียเปรียบเพราะไม่มีเสียง ไม่มีบอร์ดในองค์กร แต่ผมมองว่าทำไมเราถึงคาดหวังว่าเราจะต้องพึ่งความสำเร็จจากเสียงของผู้ใหญ่ในสถาบันนั้น ๆ ทำไมเราไม่มองที่ตัวเราเองว่าเราควรจะปั้นนักกีฬาให้มีความสามารถมากกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่