สวัสดีครับ แนะนำตัวคร่าว ๆ ตอนนี้ผมเรียนมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี ด้านการศึกษา(หลักสูตร 5ปี) ผมเข้าเรียนปีการศึกษา 2554 ดังนั้นตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ปี 5 คือ การออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูหรือฝึกสอนนั่นเอง กระทู้นี้ผมตั้งขึ้น พูดกันตรง ๆ คือขอดราม่าและแชร์ประสบการณ์การเรียนของผมที่ผ่านมาให้ทุกคนได้รับรู้ว่าการเป็น "รุ่นหนูลองยา(หนูทดลอง)การศึกษาไทย" มันเป็นอย่างไร..(?)
แน่นอนว่าหลักสูตรการศึกษาไทยที่ทุกคนรู้กันคือ ไม่มีคำว่านิ่ง ดิ้น เปลี่ยนแทบจะตลอดทุกปี ตั้งแต่ผมเรียนอนุบาลจนถึง ม.6 ก็เช่นกัน แต่ก็ผ่านมันมาได้(เราจะไม่พูดถึงมัน -.-) ผมจบ ม.6 สายวิทย์-คณิตฯ จบปุ๊ปก็ต้องหาที่เรียนต่อและรุ่นผมก็เป็นรุ่นแรก ๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนระบบเกี่ยวกับการแอดมิชชั่น Gat-Pat, O-Net ต่าง ๆ ครับก็เวิ่นเว้อกันนิดหน่อยแต่ก็โอเคผ่านไปด้วยดี(มั้ง55+) ประเด็นมันเริ่มเมื่อตอนผมเข้ามหาวิทยาลัย ตามที่ได้แนะนำตัวไป คือผมสอบเข้าเรียนในด้านครู ซึ่งเป็นหลักสูตร 5 ปี (ผมรหัส 54)ตอนอยู่ปี 1 ก็เรียน ๆ ปกติ พอขึ้นปี 2 อ้าว!! หลักสูตรมีปัญหาต้องแก้ไขอะไรกันซักอย่างไปๆมาๆกลายเป็นว่าสาขาผมไม่มีรุ่นน้อง(รหัส55) ไม่สามารถรับ นศ ได้เพราะหลักสูตรไม่นิ่ง อืม...นะ แต่พอผมขึ้นปี 3 สาขาก็สามารถรับ นศ ได้คือรหัส 56 ผ่านไปครับ ฮ่าๆๆ ทีนี้จุดไคลแมกซ์มันมาอยู่ตอนที่ผมจะขึ้น ปี 4 ที่มีการปรับระบบการศึกษาเพื่อเข้าอาเซียน หยุดยาวกันไป 6 เดือนเต็ม ๆ เปิดเทอมปุ๊ป ปัญหาก็โผล่ ทั้งวันหยุดต่างๆ ความไม่เหมาะสมด้านฤดูกาล ปิดเทอม 1 ช่วงสิ้นปี(เหมือนจะดี) แต่พอเดือน มีนา-เมษา อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าประเทศไทยคนแทบจะละลายติดพื้น ร้อนตับแลบ แต่ก็ต้องไปเรียนซึ่งมันส่งผลให้ไม่มีสมาธิและไม่มีอารมณ์จะเรียน จนทำให้การเรียนไม่เกิดประสิทธิภาพ และเด็ดที่สุดคือ ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ควรจะเป็นช่วงพักผ่อนหยุดยาวสบายใจกลับต้องมาอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาค เพื่อน ๆ ที่บ้านอยู่ต่างจังหวัด ก็ต้องกลับมาสอบแทนที่จะได้อยู่บ้านยาว ๆ และแน่นอนว่าอากาศร้อนเป็นไฟ นั่งสอบไปเหงื่อแตกไป สมาธินี่ไหลออกไปกับเหงื่อหมด --*
และโดยเฉพาะคนที่เรียนครูปี4 จะขึ้นปี5 และจะต้องออกฝึกประสบการณ์ที่ โรงเรียนแบบผม มหาลัยผมสอบปลายภาคเสร็จประมาณวันที่ 11 พ.ค. ส่วนโรงเรียนเปิดเทอมวันที่ 18 พ.ค. นั่นหมายความว่า ผมสอบเสร็จนี่แทบไม่มีเวลาเตรียมตัวอะไรเลย มีเวลาปิดเทอมตั้ง 1 อาทิตย์!!!!!! เพื่อเตรียมตัวออกไปฝึกสอนที่โรงเรียน.. และแน่นอนว่าพวกผม "ไม่สามารถลงเรียนซัมเมอร์ได้" ดังนั้นคนที่เก็บหน่วยกิตไม่ทันก็ จอบอ ไม่ได้ออกฝึกสอนไปตามระเบียบ(ถึงจะมีบางรายวิชาที่เป็นกรณียกเว้นก็เถอะ) อย่างเช่นผมดรอปไว้ 1 วิชาแต่ก็ยังสามารถออกฝึกสอนได้ แล้วค่อยกลับมาเก็บภาคซัมเมอร์ 3/58 หลังฝึกสอนก็ยังสามารถจบและรับปริญญาทันเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่ แต่ทีนี้ ก็มีเหตุเกิดอีกเมื่อประมาณอาทิตย์ก่อน มีกระแสข่าวออกมาว่าจะยกเลิกการเปิด-ปิดตามอาเซียน ผมนี่แทบจะหงายเงิบไข้ขึ้น ตัวสั่น เพราะอะไร(?) นั่นก็เพราะว่า ถ้าปีการศึกษาหน้า มหาวิทยาลัยยกเลิกระบบอาเซียนจริงก็เท่ากับว่ามหาลัยจะสอบปลายภาค(ปีการศึกษา 58)เสร็จต้นเดือนพฤษภาคม จากนั้นกลับไปใช้ระบบเดิมก็คือเปิดเทอม 1 ปีการศึกษา 59 กลางเดือนพฤษภาคม และความดีงามก็จะต้องบังเกิดเพราะภาคเรียนซัมเมอร์ที่ผมฝันไว้ก็จะหายไป นั่นเท่ากับว่าผมต้องลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนที่ 1/59 ไม่ใช่ 3/58 และแน่นอนเป็นที่สุดว่าผมจะจบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน 1 ปีเต็ม ถ้าเป็นกรณีแบบนี้จริงผมคิดว่านักศึกษาอย่างพวกผมจะเสียผลประโยชน์มากเกินไปหรือปล่าว(?)
ทั้งนี้ ข่าวลือที่ได้ทราบมาอาจเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้ เพราะข่าวก็ยังไม่มีความแน่นอน แต่หากเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นจริง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ควรหาวิธีการช่วยเหลือรึปล่าว ไม่ใช่ให้นักศึกษาอย่างผมและอีกหลายๆ คน กลายเป็นผู้น้อมรับชะตากรรมนะ ฝากไว้ครับ ไม่รู้ว่าทุกคนจะมีความคิดเห็นอย่างไรเข้ามาแชร์กันได้ครับ เพราะผมก็แค่อยากเสนอความคิดเห็นในแบบของผมเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายสำหรับเรื่องนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไป(ยาวๆ) To Be Continue.. *******กระทู้แรกครับผม อาจมึนๆ งงๆ เบลอๆ ไปบ้างอย่าถือสากันเน้อ
ขอดราม่าการศึกษาไทย กรณีเด็กมหาลัยก้าวไกลสู่อาเซียนหน่อยเถอะครับ!!
แน่นอนว่าหลักสูตรการศึกษาไทยที่ทุกคนรู้กันคือ ไม่มีคำว่านิ่ง ดิ้น เปลี่ยนแทบจะตลอดทุกปี ตั้งแต่ผมเรียนอนุบาลจนถึง ม.6 ก็เช่นกัน แต่ก็ผ่านมันมาได้(เราจะไม่พูดถึงมัน -.-) ผมจบ ม.6 สายวิทย์-คณิตฯ จบปุ๊ปก็ต้องหาที่เรียนต่อและรุ่นผมก็เป็นรุ่นแรก ๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนระบบเกี่ยวกับการแอดมิชชั่น Gat-Pat, O-Net ต่าง ๆ ครับก็เวิ่นเว้อกันนิดหน่อยแต่ก็โอเคผ่านไปด้วยดี(มั้ง55+) ประเด็นมันเริ่มเมื่อตอนผมเข้ามหาวิทยาลัย ตามที่ได้แนะนำตัวไป คือผมสอบเข้าเรียนในด้านครู ซึ่งเป็นหลักสูตร 5 ปี (ผมรหัส 54)ตอนอยู่ปี 1 ก็เรียน ๆ ปกติ พอขึ้นปี 2 อ้าว!! หลักสูตรมีปัญหาต้องแก้ไขอะไรกันซักอย่างไปๆมาๆกลายเป็นว่าสาขาผมไม่มีรุ่นน้อง(รหัส55) ไม่สามารถรับ นศ ได้เพราะหลักสูตรไม่นิ่ง อืม...นะ แต่พอผมขึ้นปี 3 สาขาก็สามารถรับ นศ ได้คือรหัส 56 ผ่านไปครับ ฮ่าๆๆ ทีนี้จุดไคลแมกซ์มันมาอยู่ตอนที่ผมจะขึ้น ปี 4 ที่มีการปรับระบบการศึกษาเพื่อเข้าอาเซียน หยุดยาวกันไป 6 เดือนเต็ม ๆ เปิดเทอมปุ๊ป ปัญหาก็โผล่ ทั้งวันหยุดต่างๆ ความไม่เหมาะสมด้านฤดูกาล ปิดเทอม 1 ช่วงสิ้นปี(เหมือนจะดี) แต่พอเดือน มีนา-เมษา อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าประเทศไทยคนแทบจะละลายติดพื้น ร้อนตับแลบ แต่ก็ต้องไปเรียนซึ่งมันส่งผลให้ไม่มีสมาธิและไม่มีอารมณ์จะเรียน จนทำให้การเรียนไม่เกิดประสิทธิภาพ และเด็ดที่สุดคือ ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ควรจะเป็นช่วงพักผ่อนหยุดยาวสบายใจกลับต้องมาอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาค เพื่อน ๆ ที่บ้านอยู่ต่างจังหวัด ก็ต้องกลับมาสอบแทนที่จะได้อยู่บ้านยาว ๆ และแน่นอนว่าอากาศร้อนเป็นไฟ นั่งสอบไปเหงื่อแตกไป สมาธินี่ไหลออกไปกับเหงื่อหมด --*
และโดยเฉพาะคนที่เรียนครูปี4 จะขึ้นปี5 และจะต้องออกฝึกประสบการณ์ที่ โรงเรียนแบบผม มหาลัยผมสอบปลายภาคเสร็จประมาณวันที่ 11 พ.ค. ส่วนโรงเรียนเปิดเทอมวันที่ 18 พ.ค. นั่นหมายความว่า ผมสอบเสร็จนี่แทบไม่มีเวลาเตรียมตัวอะไรเลย มีเวลาปิดเทอมตั้ง 1 อาทิตย์!!!!!! เพื่อเตรียมตัวออกไปฝึกสอนที่โรงเรียน.. และแน่นอนว่าพวกผม "ไม่สามารถลงเรียนซัมเมอร์ได้" ดังนั้นคนที่เก็บหน่วยกิตไม่ทันก็ จอบอ ไม่ได้ออกฝึกสอนไปตามระเบียบ(ถึงจะมีบางรายวิชาที่เป็นกรณียกเว้นก็เถอะ) อย่างเช่นผมดรอปไว้ 1 วิชาแต่ก็ยังสามารถออกฝึกสอนได้ แล้วค่อยกลับมาเก็บภาคซัมเมอร์ 3/58 หลังฝึกสอนก็ยังสามารถจบและรับปริญญาทันเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่ แต่ทีนี้ ก็มีเหตุเกิดอีกเมื่อประมาณอาทิตย์ก่อน มีกระแสข่าวออกมาว่าจะยกเลิกการเปิด-ปิดตามอาเซียน ผมนี่แทบจะหงายเงิบไข้ขึ้น ตัวสั่น เพราะอะไร(?) นั่นก็เพราะว่า ถ้าปีการศึกษาหน้า มหาวิทยาลัยยกเลิกระบบอาเซียนจริงก็เท่ากับว่ามหาลัยจะสอบปลายภาค(ปีการศึกษา 58)เสร็จต้นเดือนพฤษภาคม จากนั้นกลับไปใช้ระบบเดิมก็คือเปิดเทอม 1 ปีการศึกษา 59 กลางเดือนพฤษภาคม และความดีงามก็จะต้องบังเกิดเพราะภาคเรียนซัมเมอร์ที่ผมฝันไว้ก็จะหายไป นั่นเท่ากับว่าผมต้องลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนที่ 1/59 ไม่ใช่ 3/58 และแน่นอนเป็นที่สุดว่าผมจะจบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน 1 ปีเต็ม ถ้าเป็นกรณีแบบนี้จริงผมคิดว่านักศึกษาอย่างพวกผมจะเสียผลประโยชน์มากเกินไปหรือปล่าว(?)
ทั้งนี้ ข่าวลือที่ได้ทราบมาอาจเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้ เพราะข่าวก็ยังไม่มีความแน่นอน แต่หากเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นจริง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ควรหาวิธีการช่วยเหลือรึปล่าว ไม่ใช่ให้นักศึกษาอย่างผมและอีกหลายๆ คน กลายเป็นผู้น้อมรับชะตากรรมนะ ฝากไว้ครับ ไม่รู้ว่าทุกคนจะมีความคิดเห็นอย่างไรเข้ามาแชร์กันได้ครับ เพราะผมก็แค่อยากเสนอความคิดเห็นในแบบของผมเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายสำหรับเรื่องนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไป(ยาวๆ) To Be Continue.. *******กระทู้แรกครับผม อาจมึนๆ งงๆ เบลอๆ ไปบ้างอย่าถือสากันเน้อ