Jurassic World เป็นภาคที่เชื่อมโยงกับ Jurassic Park (สร้างจากนิยายของ ไมเคิล ไครชตัน) โดยตรง สองเรื่องนี้เวลาฉายต่างกัน20กว่าปี โดยที่เนื้อหาไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับ The Lost World และ Jurassic Park III เท่าไหร่ จึงเรียกได้ไม่เต็มปากว่า Jurassic World คือภาคต่อหรือภาค4ของหนังไตรภาคไดโนเสาร์ เพราะมันน่าจะเป็นภาครีเมคมากกว่า
สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับจากสองภาคแรกวางมือไปนั่งแท่นอำนวยการสร้าง และเป็น โคลิน เทรเวอร์โรว์ ผู้กำกับจากหนังตลกดราม่าอย่าง Safety Not Guaranteed มาคุมบังเหียนโปรเจคพื้นคืนชีพเหล่าสัตว์โลกล้านปี โดยมี คริส แพรตต์ กับ ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด เป็นทีมนักแสดงนำวิ่งหนีไดโนเสาร์
22 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ใน Jurassic Park (ตรงกับเวลาจริง) เกาะอิสลา นูบลาร์ นอกชายฝั่งประเทศคอสตาริกาถูกพัฒนาขึ้นเป็นสวนสนุกเต็มรูปแบบชื่อ Jurassic World ตามเจตนารมณ์ของ จอห์น แฮมมอนด์ (ริชาร์ด แอทเทนเบอเรอห์ ผู้ล่วงลับ) ตอนนี้ ไซมอน มาสรานี เศรษฐีอินเดียเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทอินเจนและบริหารงานแบบเบ็ดเสร็จ เมื่อมีเรื่องของธุรกิจมาเกี่ยวข้อง ไซมอน จึงไฟเขียวให้ทีมนักวิจัยที่นำโดย ดร.เฮนรี วู (บีดี หว่อง) ตัดแต่งพันธุกรรมไดโนเสาร์เพื่อให้ได้ไดโนเสาร์พันธุ์พิเศษมาเรียกนักท่องเที่ยว
แคลร์ (ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด) นักวิทยาศาสตร์สาวที่ดูแลสวนสนุกรับคำสั่งให้ตามตัว โอเว่น (คริส แพรตต์) อดีตทหารผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์มาช่วยตรวจกรงของ อินโดไมนัสเร็กซ์ ไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ซึ่งร้ายกาจที่สุดบนเกาะ เขาเป็นหัวหน้าทีมเลี้ยง Diabolus Rex หรือ D Rex 4 จากการผสมกันของยีนส์ T rex, Raptor, ปลา Cuttle Fish และ งู กลายเป็นฝูงแร็พเตอร์สุดอันตราย แต่ โอเว่น ก็สามารถทำให้มันเชื่อเขาได้ วันเดียวกันนั้นเองที่ แซช กับ เกรย์ หลานชายของ แคลร์ เดินทางมาเที่ยว Jurassic World และพวกเขาใช้เครื่องเล่นแอบเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งต่อมา โอเว่น กับ แคลร์ พบว่าสินค้าตัวใหม่หลุดออกจากที่คุมขังไปได้
บทหนังตั้งใจคาราวะพร้อมกับสานต่อจินตนาการของ Jurassic Park อชัดเจน ขณะที่หนังรีเมคหลายๆเรื่องพยายามที่จะต่างจากต้นฉบับให้มากที่สุด Jurassic World กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ผู้กำกับนำคาแร็กเตอร์ตัวละครเดิมๆ ฉากเดิมๆ เสียงเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ มาให้คนดูหนังยุค90ได้หวนคิดถึงความทรงจำเก่าๆอีกครั้ง Jurassic World ถูกเปิดตัวในภาพสวนสนุกกึ่งสวนสัตว์ มันคือดิสนี่ย์แลนด์พาร์ทที่มีไดโนเสาร์ แปลนต่างๆถอดแบบกันมาเลย ส่วนรูปปั้น ปู่จอห์น ก็ทำให้นึกถึง ปู่วอลท์
ภาคนี้ไดโนเสาร์ดูมีชีวิตชีวาขึ้น หนังไม่ต้องเสียเวลาอธิบายหรือให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักกับไดโนเสาร์เหมือน Jurassic Park จึงใช้เวลาไปกับการตีความมุมมองของมนุษย์ที่มีต่อสัตว์ดึกดําบรรพ์ ในโลกที่มีไดโนเสาร์ บางคนเห็นมันเป็นสัตว์ บางคนเห็นมันเป็นเพื่อนร่วมโลก แต่บางคนเห็นมันเป็นอาวุธ ชอบคำพูดของตัวละครที่บอกว่าคนดูต้องการเห็นอะไรใหม่ๆที่ทำให้ว้าว พวกเขาจึงเลือกผสมพันธุ์ไดโนเสาร์ขึ้นมาเอง ข้อนี้โยงได้ถึงแนวคิดหลักในการทำหนังภาคนี้ ที่ต้องการพาผู้ชมไปพบกับไดโนเสาร์หน้าตาและชื่อแปลกใหม่ไม่ซํ้าเดิม ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ เพื่อให้คนตีตั๋วเข้ามาดู หาก Jurassic Park คือพ่อมดที่ปลุกได้โนเสาร์พื้นคืนชีพ Jurassic World ก็เป็นพระเจ้าผู้สร้างไดโนเสาร์ชนิดใหม่ขึ้นมาบนโลก
คริส แพรตต์ โดดเด่นพอตัวในบท โอเว่น เขาสร้างสีสันและเรียกร้อยยิ้มให้ผู้ชมเป็นระยะ ส่วน ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด สวยมีเสน่ห์จนแทบจำไม่ได้ แน่นอนว่าบุคลิกของสองคนนี้นำมาจาก ดร.อลัน กับ ดร.แอลลี่ ด้านสายสัมพันธ์พี่น้องของ นิค โรบินสัน กับ ไท ซิมป์คินส์ ดูประดักประเดิดไปหน่อย ไม่สามารถทำให้คนดูอินตามได้ คนสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือ บีดี หว่อง นักแสดงอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ที่เล่นเป็น ดร.เฮนรี วู บุคคลเดียวที่เคยแสดง Jurassic Park และได้กลับมาแสดง Jurassic World
แม้ว่า Jurassic World จะมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง อาทิ เรื่องการตัดแต่งพันธุ์กรรม ตัวละครโง่ๆ ไดโนเสาร์ฉลาดเวอร์ ซีนโรแมนติกไม่รู้จักเวลา ฉากฉายซํ้า เนื้อเรื่องพอเดาได้บ้าง ทว่าเกือบทั้งหมดที่ว่ามาก็มีอยู่ในหนังภาคแรก ดังนั้นโดยรวมหนังยังคงอารมณ์สนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ไว้ได้ครบถ้วน โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นต่างๆซึ่งเป็นจุดแข็งและจุดขาย เอาใจแฟนคลับเก่าๆ แต่ก็ไม่ลืมสร้างแฟนกลุ่มใหม่ ที่อาจได้เจอกันอีกในภาคต่อไป
คะแนน 8/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต
https://www.facebook.com/cyberbirdmovie
รีวิวหนัง : Jurassic World สวนสนุกล้านปี
Jurassic World เป็นภาคที่เชื่อมโยงกับ Jurassic Park (สร้างจากนิยายของ ไมเคิล ไครชตัน) โดยตรง สองเรื่องนี้เวลาฉายต่างกัน20กว่าปี โดยที่เนื้อหาไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับ The Lost World และ Jurassic Park III เท่าไหร่ จึงเรียกได้ไม่เต็มปากว่า Jurassic World คือภาคต่อหรือภาค4ของหนังไตรภาคไดโนเสาร์ เพราะมันน่าจะเป็นภาครีเมคมากกว่า
สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับจากสองภาคแรกวางมือไปนั่งแท่นอำนวยการสร้าง และเป็น โคลิน เทรเวอร์โรว์ ผู้กำกับจากหนังตลกดราม่าอย่าง Safety Not Guaranteed มาคุมบังเหียนโปรเจคพื้นคืนชีพเหล่าสัตว์โลกล้านปี โดยมี คริส แพรตต์ กับ ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด เป็นทีมนักแสดงนำวิ่งหนีไดโนเสาร์
22 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ใน Jurassic Park (ตรงกับเวลาจริง) เกาะอิสลา นูบลาร์ นอกชายฝั่งประเทศคอสตาริกาถูกพัฒนาขึ้นเป็นสวนสนุกเต็มรูปแบบชื่อ Jurassic World ตามเจตนารมณ์ของ จอห์น แฮมมอนด์ (ริชาร์ด แอทเทนเบอเรอห์ ผู้ล่วงลับ) ตอนนี้ ไซมอน มาสรานี เศรษฐีอินเดียเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทอินเจนและบริหารงานแบบเบ็ดเสร็จ เมื่อมีเรื่องของธุรกิจมาเกี่ยวข้อง ไซมอน จึงไฟเขียวให้ทีมนักวิจัยที่นำโดย ดร.เฮนรี วู (บีดี หว่อง) ตัดแต่งพันธุกรรมไดโนเสาร์เพื่อให้ได้ไดโนเสาร์พันธุ์พิเศษมาเรียกนักท่องเที่ยว
แคลร์ (ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด) นักวิทยาศาสตร์สาวที่ดูแลสวนสนุกรับคำสั่งให้ตามตัว โอเว่น (คริส แพรตต์) อดีตทหารผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์มาช่วยตรวจกรงของ อินโดไมนัสเร็กซ์ ไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ซึ่งร้ายกาจที่สุดบนเกาะ เขาเป็นหัวหน้าทีมเลี้ยง Diabolus Rex หรือ D Rex 4 จากการผสมกันของยีนส์ T rex, Raptor, ปลา Cuttle Fish และ งู กลายเป็นฝูงแร็พเตอร์สุดอันตราย แต่ โอเว่น ก็สามารถทำให้มันเชื่อเขาได้ วันเดียวกันนั้นเองที่ แซช กับ เกรย์ หลานชายของ แคลร์ เดินทางมาเที่ยว Jurassic World และพวกเขาใช้เครื่องเล่นแอบเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งต่อมา โอเว่น กับ แคลร์ พบว่าสินค้าตัวใหม่หลุดออกจากที่คุมขังไปได้
บทหนังตั้งใจคาราวะพร้อมกับสานต่อจินตนาการของ Jurassic Park อชัดเจน ขณะที่หนังรีเมคหลายๆเรื่องพยายามที่จะต่างจากต้นฉบับให้มากที่สุด Jurassic World กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ผู้กำกับนำคาแร็กเตอร์ตัวละครเดิมๆ ฉากเดิมๆ เสียงเดิมๆ บรรยากาศเดิมๆ มาให้คนดูหนังยุค90ได้หวนคิดถึงความทรงจำเก่าๆอีกครั้ง Jurassic World ถูกเปิดตัวในภาพสวนสนุกกึ่งสวนสัตว์ มันคือดิสนี่ย์แลนด์พาร์ทที่มีไดโนเสาร์ แปลนต่างๆถอดแบบกันมาเลย ส่วนรูปปั้น ปู่จอห์น ก็ทำให้นึกถึง ปู่วอลท์
ภาคนี้ไดโนเสาร์ดูมีชีวิตชีวาขึ้น หนังไม่ต้องเสียเวลาอธิบายหรือให้ผู้ชมได้ทำความรู้จักกับไดโนเสาร์เหมือน Jurassic Park จึงใช้เวลาไปกับการตีความมุมมองของมนุษย์ที่มีต่อสัตว์ดึกดําบรรพ์ ในโลกที่มีไดโนเสาร์ บางคนเห็นมันเป็นสัตว์ บางคนเห็นมันเป็นเพื่อนร่วมโลก แต่บางคนเห็นมันเป็นอาวุธ ชอบคำพูดของตัวละครที่บอกว่าคนดูต้องการเห็นอะไรใหม่ๆที่ทำให้ว้าว พวกเขาจึงเลือกผสมพันธุ์ไดโนเสาร์ขึ้นมาเอง ข้อนี้โยงได้ถึงแนวคิดหลักในการทำหนังภาคนี้ ที่ต้องการพาผู้ชมไปพบกับไดโนเสาร์หน้าตาและชื่อแปลกใหม่ไม่ซํ้าเดิม ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ เพื่อให้คนตีตั๋วเข้ามาดู หาก Jurassic Park คือพ่อมดที่ปลุกได้โนเสาร์พื้นคืนชีพ Jurassic World ก็เป็นพระเจ้าผู้สร้างไดโนเสาร์ชนิดใหม่ขึ้นมาบนโลก
คริส แพรตต์ โดดเด่นพอตัวในบท โอเว่น เขาสร้างสีสันและเรียกร้อยยิ้มให้ผู้ชมเป็นระยะ ส่วน ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด สวยมีเสน่ห์จนแทบจำไม่ได้ แน่นอนว่าบุคลิกของสองคนนี้นำมาจาก ดร.อลัน กับ ดร.แอลลี่ ด้านสายสัมพันธ์พี่น้องของ นิค โรบินสัน กับ ไท ซิมป์คินส์ ดูประดักประเดิดไปหน่อย ไม่สามารถทำให้คนดูอินตามได้ คนสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือ บีดี หว่อง นักแสดงอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ที่เล่นเป็น ดร.เฮนรี วู บุคคลเดียวที่เคยแสดง Jurassic Park และได้กลับมาแสดง Jurassic World
แม้ว่า Jurassic World จะมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง อาทิ เรื่องการตัดแต่งพันธุ์กรรม ตัวละครโง่ๆ ไดโนเสาร์ฉลาดเวอร์ ซีนโรแมนติกไม่รู้จักเวลา ฉากฉายซํ้า เนื้อเรื่องพอเดาได้บ้าง ทว่าเกือบทั้งหมดที่ว่ามาก็มีอยู่ในหนังภาคแรก ดังนั้นโดยรวมหนังยังคงอารมณ์สนุก ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ไว้ได้ครบถ้วน โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่นต่างๆซึ่งเป็นจุดแข็งและจุดขาย เอาใจแฟนคลับเก่าๆ แต่ก็ไม่ลืมสร้างแฟนกลุ่มใหม่ ที่อาจได้เจอกันอีกในภาคต่อไป
คะแนน 8/10
โดย นกไซเบอร์
เครดิต https://www.facebook.com/cyberbirdmovie