Tokyo Disneyland ดินแดนแห่งความฝัน ใน 1 วันมหัศจรรย์

ดีสนีย์แลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์

ดีสนีย์ ไม่ใช่แค่สวนสนุกในอุดมคติ แต่เป็นอาณาจักรแห่งหนึ่ง
อาณาจักรที่ความฝันมาบรรจบกับความจริง
อาณาจักรที่จิตนาการกลายเป็นรูปร่าง
อาณาจักรที่ความคิดสร้างสรรค์สอดแทรกอยู่ในทุกสิ่งก่อสร้าง
อาณาจักรที่ความเป็นมิตรลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ

แค่หนูตัวหนึ่ง สามารถทำให้ก่อเกิดอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้.....น่ามหัศจรรย์


เพียงในขบวนรถไฟ ก็สามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศบางอย่าง ความตื่นเต้น ตื่นตัว บรรยากาศของดีสนีย์...

พอผ่านประตูเข้าไปในดินแดนแห่งความฝันแห่งนี้ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน แทบทุกคนที่อยู่ในสายตา จะต้องมีอะไรบางอย่างบนตัวที่เกี่ยวกับดีสนีย์
หมวก คาดผม แว่นตา ตุ้มหู สร้อยคอ กระเป๋าคล้องคอ เสื้อ กางเกง กระเป๋าถือ สร้อยข้อมือ กล่องป๊อปคอน
แม้บางคนมองๆแล้วไม่น่าจะมีอะไร ก็ยังเจอยางรัดผมมิ้กกี้บนหัว หรือถุงดิสนีย์ในกระเป๋าถือ
(ส่วนเรา แน่นอน มีมิ้กกี้อยู่บนหัวทั้งตัว)

อะไรที่ทำให้คนจำนวนมาก ยอมควักเงินจากกระเป๋าซื้อของประดับบนตัวเพื่อให้เข้ากับสถานีที่แห่งนี้
ของไม่ได้ราคาแพงขูดเลือก แต่ก็ไม่ใช่ถูกๆ
อีกทั้งของบางชิ้นนึกไม่ออกจริงๆว่าจะเอาไปใส่ที่อื่นได้อย่างไร (มิกกี้บนหัวเราก็เป็นอย่างหนึ่ง ที่ยังนึกไม่ออกว่าจะเอาไปใส่ที่ไหนได้อีก .... ไม่เป็นไร ใส่ถ่ายรูปปีใหม่ละกัน )
หรือเป็นเพียงเพราะ นี่คือดินแดนแห่งความฝัน สถานที่ ที่เราอยากจะทำอะไร แบ๊วแค่ไหน ก็ไม่มีใครว่าได้ ด้วยเหตุผลเพียวเพราะ นี่คือ ดีสนีย์แลนด์

เมื่อคิดดูดีๆ อาจจะไม่ใช่ความมหัศจรรย์อะไร แต่เป็นเพียงการดำเนินงานด้วยความคิดเน้นความสุขของคนที่มาเที่ยว และเมื่อคนมีความสุข ก็จะรู้สึกถึงความคุ้มค่าของเงินที่กำลังจะจ่าย และยอมจ่ายแต่โดยดี

การดำเนินงานที่นี่คงเน้นคน มากกว่าเงิน


พนักงานทุกคนของดีสนีย์ มีความเป็นมิตรทะลุปรอท
ทุกคนยิ้ม และยินดีช่วยเหลือขั้นสุดยอด แม้แต่คนกวาดพื้น หรือคนเก็บขยะที่เดินสวนกันอยู่ในพื้นที่ จะมีแผนที่เป็นปึกพกอยู่ในกระเป๋า หากใครเข้าไปถาม เค้าก็สามารถควักแผนที่ขึ้นมาอธิบายได้อย่างละเอียด (แม้จะเป็นลุงแก่ๆ แต่ภาษาอังกฤษนางก็เข้าใจนะจ๊ะ)


ราคาบัตรที่นี่ ถ้าเทียบกับสวนสนุกที่เมืองไทย แพงกว่าแน่นอน
การแบ่งประเภทของบัตร อยู่ที่จำนวนวันที่จะเข้า ไม่มีแยกเป็นบัตรผ่านประตู บัตรเครื่องเล่น รวมเครื่องเล่น บัตร VIP
นั่นคือ ทุกคนที่เข้าไป อย่างเล่นอะไรก็เล่น อยากเล่นกี่รอบก็ตามแต่กำลังและความอดทนในการต่อคิว ง่ายๆแต่เท่าเทียม


อาหารที่นี่ ดีทั้งหน้าตาและรสชาติ ว่าง่ายๆอร่อยทุกอย่าง แถมราคายังไม่แพง
เค้าไม่คิดว่านี่คือโอกาศดูดเงินในกระเป๋าตังของคนที่มาเที่ยวด้วยอาหารที่หน้าตาน่ารัก เป็นรูปตัวการ์ตูนที่รสชาติไม่ได้เรื่อง
ที่นี่ไม่ง้อร้านฟาสฟู้ด (ถ้าเป็นเมืองไทย ฉันไม่แตะอาหารของสวนสนุกเด็ดขาด นอกจากแพงแล้ว ยังไม่อร่อยด้วย)



เครื่องเล่น แม้เราจะเล่นอะไรไม่มาก เพราะความอดทนในการต่อคิวต่ำ แต่ก็พบว่า เครื่องเล่นที่นี่ แค่นั่งเรือแล่นเข้าไปดูเฉยๆ ก็สุขละ
ตัวละครทุกตัวที่เครื่องเล่น ขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติ การกรอกตา การขยับหน้า กระดิกเท้า การหายใจ หรือแม้แต่ไก่ในเล้าหรือหมาก็สามารถยืดคอ กระดิกหาง ได้อย่างเหมือนจริง


นอกจากจะใส่ใจในรายละเอียดแล้ว วิธีการนำเสนอ ก็เป็นอีกย่างที่น่าสนใจ

ในปราสาทหลังงามของดีสนีย์ เป็นปราสาทในเรื่องซินเดอเรล่า ด้านในบอกเล่าเรื่องราวของซินเดอเรล่า ตามในการ์ตูนเป๊ะ แต่แม้เราจะดูการ์ตูนเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก (อย่าได้นับจำนวนรอบเชียว) แถมพึ่งดูหนังเรื่องเรื่องนี้มาไม่นาน การนำเสนอของที่นี่ยังสามารถดึงความสนใจเราได้
เค้านำเสนอด้วยงานหลากหลายแบบ ทั้งรูปภาพการ์ตูน งานไม้ งานโลหะ งานเคลื่อนไหว แต่ที่น่าสนใจที่สุด คือการนำเอาการสะท้อนของกระจกและแสงสีมาใช้เพื่อเสนอฉากนางฟ้าเสกชุดและรถฟักทอง ฉากอันน่าประทับใจนี้ นำเสนอในตู้เล็กๆ ที่ต้องต่อคิวดู
สุดท้ายก่อนออกจากปราสาท ดีสนีย์มอบโอกาศให้ทุกคนที่อาจเป็นเจ้าหญิงได้ลองสวมรองเท้าแก้ว





ที่นี่ หากมีปุ่มให้กด จงกด หากมีประตูให้เปิด จงเปิด มีปุ่มให้หมุน จงหมุน แล้วรอดูรอฟังว่าจะมีอะไรโพล่มาจากตรงไหนรอบๆตัว
ตัวนี้จะโพล่มาเมื่อมีคนกดกริ่งหน้าบ้าน


ไฮไลท์หนึ่งที่ไม่ควรพลาด … ขบวนพาเหรด
โดยเฉพาะพาเหรดตอนกลางคืน ขบวนแสงสีและตัวการ์ตูนที่คนพากันจองที่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ( บริเวณตรงข้ามปราสาท จองกันตั้งแต่ บ่าย 3 ทั้งที่พาเหรดจะเริ่มตอน ทุ่มครึ่ง)
ขบวนแสงสีตระการตาอย่างที่คาดคิด
ตอนหาข้อมูล มีคนบอกว่าจุดที่ดีที่สุดในการดูพาเหรดคือ ตรงหน้าปราสาท เพราะจะได้ปราสาทเป็นฉากหลังให้พาเหรด แต่เอาเข้าจริง พอพาเหรดมา .... ช่างปราสาทมันเถอะ











ถ้าใครคิดว่าจบพาเหรดแล้วกลับบ้านได้ คนนั้นคิดผิด

หลังจากพาเหรดจบ สิ่งที่ควรทำ คือย้ายตัวเองจากจุดดูพาเหรด ไปอยู่ที่บริเวณลานหน้าปราสาท หรือตรงไหนก็ได้ ที่เห็นด้านหน้าปราสาทชัดๆ เพราะดีสนีย์จะส่งเรากลับบ้านด้วยเมดเล่รวมฉากอมตะของการ์ตูนเรื่องต่างๆของดีสนีย์
( ย้ำอีกที การ์ตูน ไม่ใช่แอนนิเมชั่น )
ซึ่งเค้าใช้ปราสาทเป็นฉากในการฉายโปรเจคเตอร์ขนาดยักษ์
(เทียบไม่ได้เลยกับการฉายกันดั้นที่โอไดบะ อันนั้นดูแล้วถามตัวเองว่า นี่ตูรอดูไมว้า?)
พร้อมกับการปิดท้ายด้วยลูกไฟ และพลุอีกจำนวนหนึ่ง
( โปรดระวังช่วงปล่อยลูกไฟ เพราะความร้อนเดินทางไกลจนเกือบถึงทางออก ร้อนจริงไรจริง )







1 วันในดีสนีย์แลนด์ อาจจะไม่พอ แต่ถ้าอยู่นานกว่านี้ ก็อาจจะกลับสู้โลกแห่งความจริงไม่ได้ ก็ที่นี่ คือสถานีที่ ที่ when the dreams come true นี่นะ



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

Note.
- ส่วนมากคนที่ไปกันเป็นหมู่คณะ มักจะนัดกันแต่งตัวไป เช่น ใส่เสื้อเหมือนกัน หรือ แต่งชุดคล้ายกัน (เสื้อดำกระโปรงแดง) หรือชุดนักเรียน ที่ประทับใจสุดมีสองกลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นผู้ชาย แต่งตัวอย่างกะบอยแบนด์ กางเกงขาว เสื้อกล้ามและมีเสื้อเชิ้ตขาคลุมอีกที ...คิดว่ามีถ่ายMV กันซะอีก
กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มผู้หญิงเด็กช่าง ช่างหาสีสรรกันเจงๆ 4-5 คน ใส่ชุดหมีสีเจ็บๆ เหลืองแป๊ด ส้ม ชมพู ฟ้า เขียว ดูผ่านๆคิดว่ายอดมนุษย์

- ครั้งหน้าอย่าลืมพกหัวมิ้กกี้เมาส์ไปใส่ซ้ำด้วยนะ เสียดายตังที่ซื้อ!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่