สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรก และสมัครพันทิปมาเพื่อการนี้ ฮ่าาาา
############ [ ใช้ภาพประกอบ การเล่าเรื่องราว ภาพไม่ค่อยสวยน้ะครับ ]
ผมเป็นเด็กเหนือคนนึง อยู่ในจังหวัดเชียงราย จังหวัดที่ขึ้นขื่อว่าอยู่เหนือที่สุดในประเทศ จึงกล้าบอกได้เลยว่าไม่เคยเห็นทะเลใต้ (อันดามัน) ...
แต่ฝั่งอ่าวไทย จะบอกว่าไม่เคยเห็นก็ไม่เชิง เคยไป ชลบุรี ตอน 6-7 ขวบ และ ไปชะอำตอน ม.5 ซึ้งมีแค่สองครั้งเท่านั้นในชีวิตที่เคยเห็นทะเล และนั่นคือใต้สุดที่ผมเคยไป
ดังนั้น นี่จึงเป็นความใฝ่ฝันของผม ว่าสักครั้งเถอะ ขอสักครั้ง เรื่องมันจึงการขึ้นช่วงกลางเดือนเมษา ในขณะที่ผมอยู่ในช่วงท้ายเทอมสองของมหาวิทยาลัยอยู่นั้น (ปี3) ผมเล่นเฟสบุค เพลินๆตามประสา เหลือบไปเห็นสายการบินที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในไทย และเปิดเส้นทางบินใหม่ ชร-ดอนเมือง 390 โหลดเป๋าฟรี 15kg
พระเจ้า ให้ตายเถอะ ใจผมเต้นตุ้บตั้บ อะไรมันจะถูกปานนั้น มือลั่นรีบกดเข้าไปทันที รีบเปิดปฎิทินการศึกษาว่า ปิดเทอมเมื่อไหร่ จะเดินทางวันไหน วางแผนการเดินทางแบบหน้ามืดตามัว อย่างคนเดียวลับๆโดยไม่ปรึกษาใคร แล้วจะไปไหนล้ะ ?? จึงปรึกษาเพื่อนสนิทในแก๊งคนนึง (แก๊งผมมีสิบกว่าคน) ว่าเห้ย !
กูไปเที่ยวบ้านมืงได้ม้ะ ปิดเทอมเนี้ย ! เพื่อนก้ตอบโอเคฉันพลันมาอย่างเร็วไว
จึงได้ข้อสรุปว่า ไปบ้านเพื่อนที่ "กระบี่" ด้วยความที่โหยหาภาคใต้มาตลอดชีวิต ว่าไหนๆก็ปิดเทอมละ ขอไปนานๆ เลยละกัน จึงเลือกวันเดินทางที่อยู่ในช่วงโปร กลับในช่วงโปร ไม่กลับเสาร์อาทิตย์พระค่าตั๋วแพงขึ้นไปอีก !
ได้ข้อสรุปว่า 10 วัน รวมวันเดินทางเป็น 12 วัน เริ่ม 28 พค ถึง 8 มิถุ 2558 และจัดการทุบกระปุกออมสิน ที่ใส่ไว้ในขวด อย่างฉับพลัน แล้วรีบไปเซเว่นเพื่อชำระเงินทั้งหมด 4 เที่ยวบิน 1699+780 บาท
การเดินทางหาประสบการ์ณครั้งนี้จึงจะเริ่มต้นขึ้นในอีกสองเดือน ผมจึงมีเวลาเก็บออมเงินอีกครั้ง หลังจากใช้มันกับการทุบประปุกซื้อตั๋วเครื่องบิน
ผมจึงวางแผนการเดินทางคร่าวๆ ว่าจะไปเที่ยว หาเพื่อนที่สุราษ และตะลอนกับเพื่อนให้ทั่วกระบี่ นอนโง่ๆ ใช้ชีวิตแบบคนใต้ กินอาหารใต้
แต่แล้ว โชคชะตาก็เล่นตลกกับผม ก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน เพื่อนโทรมาบอกว่า ปู่ไม่สบายเข้าโรงบาล อาจจะไม่ได้พาเที่ยวน้ะ
ผมจึง บอกเพื่อนไปว่าไม่เป็นไรใจเย็นๆ ยังไงก็จะไปอยู่ดี (ก็ปลอบใจตัวเองไปว่าอือ ไม่ได้เที่ยวไม่เป็นไร ก็ขอสัมผัสชีวิตและใช้ชีวิตแบบคนใต้หน่ะละกัน)
และวันเดินทางก็มาถึง 28/5/58
ผมนั่งเครื่องจากเชียงราย 10.20 ถึงดอนเมืองประมาณ 11.50
แล้วรับกระเป๋าเชคอิน เครื่องรอบต่อไป 16.10 ถึงกระบี่ 17.30
และก็มีเพื่อนมารอรับ ไปพักบ้านน้าของเพื่อนในเมือง (เพราะเพื่อนมานอนเฝ้าปู่โรงพยาบาลในเมือง)
เช้าวันรุ่งขึ้น ครอบครัวของเพื่อนผมจึงได้พบกับข่าวร้าย ผมจึงได้มีโอกาศติดสอยห้อยตาม เพื่อนของผมไปที่บ้าน (อำเภอลำทับ) ไปได้ไปดูประเพณี ของคนใต้และการจัดงานศพ ของคนใต้ ว่าอ๋อออ เค้าเป็นอย่างนี้หรอ ซึ้งต่างกับบ้านผม อยู่หลายอย่างเหมือนกัน
ซึ้งก็ได้เปรียบเทียบ ความแตกต่าง กับบ้านอยู่อยู่หลายประการ เช่น บ้านผมจัดแค่ 3-7 แต่นี่ อย่างน้อย 7 วันขึ้นไป งานศพของปู่เพื่อนผม จัดรวมทั้งหมด 15 วัน ยาวจนถึง วันที่ 12 ช่วงระหว่างนี้ผมจึงได้มีโอกาศ สัมผัส ทุกสิ่งทุกอย่างดังใจผมต้องการ ทั้งอาหาร เมนูต่างๆ ที่ภาคเหนือไม่มี
รวมไปถึง ชีวิตความเป็นอยู่ ภาษา และ บางคืนผมนั่งเล่นจนถึงตีสอง อากาศเริ่มเย็นมีหมอกลง เห็นคนขับรถมอไซค์ไปกรีดยาง ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่าง ลุงป้าน้าอาของเพื่อนผม ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เจอหน้าผม ถามแทบทุกคนว่า ลูกกินข้าวหรือยัง ? เป้นไงบ้าง ได้พบเจอพูดคุย กับผู้ใหญ๋หลายๆคน ที่ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี เรียกได้ว่า ช่วงเวลานี้ ผมกินกระหน่ำอาหารใต้เลยก็ว่าได้ ! แต่ข้อเสียคือผม เพลินจนลืมเก็บภาพไว้
จะมีก็เสียแต่ ภาพที่เดินเล่นในสวนปาล์ม แถวๆบ้านเพื่อน ก็บ้านผมไม่มีนี่เน้อะ สวยปาล์มแบบนี้มันก็ต้องแปลกหูแปลกตาสำหรับผมแหละ
สองวันถัดมาหลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในช่วงเวลากลางวัน อากาศร้อนมาก จนเด็กๆ ลูกหลานของน้า งอแงอยากเล่นน้ำ น้าของเพื่อนผมจึงตัดสินใจพากันไปสระมรกต ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีของกระบี่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่แรก ของจังหวัดกระบี่ ที่ผมมีโอกาศได้ไปสัมผัส
(จริงๆ เพื่อนผมแอบแว้บไปผมไปก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน แต่ไปแค่แปปเดียว) สรุปได้ว่าผมไปสองครั้ง
ช่วงจังหวะนี้ ผมไม่สนใจจะถ่ายวิวเลยครับ ถ่ายแต่ภาพส่วนตัว และเอาแต่เล่นน้ำ เพราะคิดว่า มาถึงที่แล้ว ไม่เล่นจะเสียใจไปอีกนาน
แล้วก็เดินไป เก็บภาพ สระน้ำผุดมา หนึ่งชอต
ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนถึงวันที่ 3 รวมแล้ว 7 วัน เริ่มรู้สึกว่า มาเกาะเค้ากิน นานไปล้ะ ช่วยงาน เค้า ก็ช่วยได้นิดหน่อย วันๆไม่ค่อยเค้าอะไร กลัวเค้าจะว่าเอา บรรจบกับ ปัญหาหลายอย่างที่เข้ามา พร้อมทั้งทะเลเรียกหา เลยบอกเพื่อนว่า !!!! เห้ย พรุ่งนี้ไปส่งกูหน่อยน้ะ กูอยากไปอยู่คนเดียวสักพักก่อนกลับบ้าน ที่อ่าวนาง ความเป็น Alone Backpacker จึงลุกโชน ขึ้นมาาา จากนั้นผมก็เริ่ม ไหว้ขอบคุณและลา ครอบครัว ของเพื่อนผม ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
วันที่ 4/6/58 ครับ เริ่มเดินทาง โดยใช้ "รถสามแถว" ที่บอกว่าสาม เพราะมีที่นั่งสามแถวจริงๆ โดยให้เพื่อนมาส่งขึ้นรถในตัวอำเภอลำทับ จึงได้บอกคนขับไปว่า ผมจะไปอ่าวนางครับ ส่งผมตรงที่ เค้ามีรถให้ต่อไป อ่าวนาง คนขับจึงไปส่ง ที่หน้าเซเว่นแห่งนึง ไม่รู้สาขาใน แต่อยู่ในเมือง เค้าบอกว่า รอตรงนี้แหละ เดี๋ยวมีรถสองแถวไปอ่าวนางมาจอด รอประมาณ สิบนาที จึงมีรถ ไปอ่าวนางมาจริงๆ ก็เลยนั่งขึ้นไป จนสุดสาย พอถึงอ่าวนาง จึงหาที่พักที่ได้ค้นหาข้อมูลไว้ก่อนแล้ว ในราคาถูก คืนล้ะ 200 บาท ที่ Ao Nang Hostel for backpacker
นี่ครับ ที่พักของผม คืนนี้แหละอีกหลายๆคืน เป็นพักรวม แยกชายหญิง
พอจองห้องพักเสร็จสับ ด้วยความที่พนักงานเป็นคนไทย จึงคุยง่าย เลยซื้อทัวร์ ท่องเที่ยวของวันถัดไปโดยผ่านโรงแรม แบบไม่รอช้า .. ทริปที่ผม ได้คือ เที่ยว7 เกาะ รวมดินเนอร์ตอนเย็น มีรถรับส่งที่โรงแรม 7Island 800บาท ขึ้นรถตอนบ่ายโมงของพรุ่งนี้
เมื่อเสร็จสับ ผมก็ไม่รอช้า ที่จะหยิบเป้เล้กๆใส่กล้องหนึ่งใบ รีบเดินอย่างเร็วไวไปที่หาด เพราะ ร่างกายต้องการทะเลใต้ซะเหลือเกิน
ครั้งแรก ที่ได้รับลมจากทะเลใต้ มุมดูวิว ดูเกาะ ดูน้ำสีเขียวฟ้ามรกต ที่สวยงามสุดสายตา ซึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าตัวผมจะมายืนที่จุดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว
เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ผมฝันมานาน แล้ะตอนนี้ผมก็พุ่งชนความฝันเข้าอย่างจังแล้ว !!
นี่คือก้าวแรก ที่เท้าของ เด็กเหนือ คนนึง ที่ใฝ่ฝันมาสิบกว่าปี ที่อยากจะสัมผัสน้ำทะเลใต้ จากนั้นก็ไม่รอช้า เดินเล่นรอบหาดไป กินลมชมวิวจนลืมถ่ายรูปไปเลยที่เดียวเชียว แต่ก้ยังเอาออกมาถ่ายบ้าง สองสาม ช้อต ...
เดินเล่นนั่งเล่น กินลมชิมวิวอย่างสำราญจนหมดกลางวัน พระอาทิตย์ ตกดิน จึงเดินเดินเตร่ เที่ยวเล่น ไปตามถนน รอบอ่าว พร้อมทั้งหาร้านข้าวถูกๆกิน ซึ้งหายากมากกกกก จึงลงเอยด้วยข้าวกระเพราะทะเล จานละ 90 ฮ่าาาาาาาาาา จำใจหละครับ
จากนั้นก้ไม่รอช้าที่จะเดินเล่น ซื้อเกงขาสั้น เอาไว้ใส่ทัวร์ลุยเกาะพรุ่งนี้ จิบเบียร์ป๋องนั่งชิล ริมหาด สองสามป๋อง ก็กลับโรงแรม นอนครับ คืนนี้มีเพื่อนร่วมห้อง 5 คน
5/6/58 วันแรกของการเที่ยว และวันที่สองของการอยู่คนเดียว
ตามที่บอกแหละครับซื้อทัวร์ไว้ 7 เกาะ เค้ามารับตอนบ่าย ระหว่างที่นอนสบายตื่นสายๆ ทำอะไรเฉื่อยๆ ไป ก้เดินออกหน้าซอยของโรงแรม
ไปเซเว่น หาซื้อข้าวประทังชีวิตครับ จากนั้นก้กลับมานั่งเล่นwifi ของโรงแรมไปเรื่อยๆ 13.10 น มีรถมารับครับ เซเว่นไอแล่น เซเว่นไอแล่น !!
เราก็ขึ้นรถไป เป็นรถสองแถวคันเล็กๆ นั่งได้ประมาณสิบคนครับ สมาชิคร่วมทัวร์ทั้งหมด มี 10 คนพอดีเป้ะ เป็นชาวต่างชาติหมดเรย
จากนั้นรถก็รับผมไป สะพานเทียบเรืออ่าวน้ำเมา
สมาชิคร่วมเดินทาง
จากนั้นก็ขึ้นเรือครับ โดยมีอีกรถอีกคันนำคนมาส่ง รวมๆ บนเรือของผม มี 22 คนครับ
ที่แรกที่ไปเลยคือ หาดพระนาง เค้าให้เวลา 20 นาทีครับ
ภาพซ้าย คือบนหาด ภาพขวา คือ เขาหินปูนที่มีถ้ำพระนางครับ
โดยช่วงเวลานี้ ผมก้ใช้ชีวิตอย่างสันโดษต่อไป เดินเล่น เก็บภาพ โดยภาพส่วนใหญ่ จะเซลฟี่มากกว่า ไม่ได้ถ่ายวิว
จากนั้น ก็ขึ้นเรือ เค้าก้พาไปดำน้ำ อย่างที่บอกครับ ผมเป็นเด็กเหนือ ดำน้ำดูปะการัง คงไม่มีโอกาศได้ทำ ทำมันตอนนี้เลย !
และเป็นครั้งแรกที่ผมจะเอ่ยปากคุยกับคนในทัวร์ คนนึง ที่เค้าไม่ลงน้ำ ผมได้ใช้วิชาความรู้ด้านภาษาทั้งหมดที่เรียนมาสังคมมาแต่นมนาน นึกถึงหน้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ รวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับเค้าแค่ว่า ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ได้ไหมครับ (เค้าน่าจะเป็นคนสิงคโปรมากับลูกและสามี) เค้าตอบตกลง มาแบบงงๆ ว่าคุณคุยอะไร (น่าจะเข้าใจต้องที่ยืนกล้องให้นี่แหละว่า ขอให้ถ่ายรูปให้หน่อย ) ผมจึงไม่รอช้า กระโดดลงจากเรืออย่างเร็วไว จึงได้รูปนี้มา !
ด้วยความที่ไม่เคย ดำน้ำไม่ดูตามาตาเรือ แขน ดันไป พาดเต็มๆ ตัว แมงกระพรุน จึงรู้สึกแสบขึ้นมาในทันใด แล้ะเลิกดำน้ำทันที
แล้วก้ขึ้นเรือ ไปขอ น้ำส้มสายชูจาก ไกด์ทัวร์ เพื่อมา บรรเทาอากาศ แสบจากแมงกระพรุน ได้ผลครับ ทาน้ำส้มสายชูสักพัก รู้สึกว่าแขนที่โดนจะมีเมือกๆ อยู่จึง หาบัตรเอทีเอมจากในกระเป๋า มาขูดออกไป ทำให้หายแสบได้เยอะเลย จากนั้นก็ไปต่อกันที่ เกาะปอดะ ถึงจังหวะนี้ รู้สึกว่า ตัวเองเหนื่อยสุดๆ
ไม่อยากเล่นน้ำละ จึงบอกกับตัวเองว่า งั้นแค่เดินเล่นๆ ถ่ายรูปตามประสา คนเหงาๆ ละกันเน้อะ 555
ก้เลยถ่ายมาโครเล่นๆซึ่งไม่รู้ความหมายว่าคืออะไร และ นั่งมองสาวไทยที่มาเที่ยวบนเกาะ ไปตามประสาผู้ชายที่เที่ยวคนเดียว ...
จากนั้นก็ขึ้นเรือแล้วพาไปเกาะต่อไป เกาะไก๊ไก่ไก๊ไก่ ไก๊ไก้ไก้ไกไกไกไก่ ...
ปกติตรงนี้พี่เค้าจะให้ดำน้ำดูปะการัง แต่โชคไม่เข้าข้าง ตรงที่สวยๆ คลื่นมันสูงพอดี (ทำใจไว้แล้วครับช่วงหน้าฝน) พี่เค้าเลยให้มาเล่น ไกลหน่อย มีปะการังไม่มาก ช่วงนี้ ก็เล่นเต็มที่เลย แล้วก็ขึ้นมานั่งหนาวสั่น 5555
ไปต่อครับ
ใกล้ค่ำแล้ว ไปเกาะทับ ทะเลแหวก แวะทานข้าวเย็นกันครับ ....
บังเอิญ ไม่ได้ มารีวิว แต่มาเที่ยวแบบอินดี้ เลยมิได้ถ่ายอาหาร มาให้ดูครับ แฮะๆ (ลืม) กินข้าวเสร็จ ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินพอดี !
ไปคับ ไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่เกาะทับ ทะเลแหวก กัน
โปรดโฟกัสไปที่พระอาทิตย์ตกน้ะครับบ แห้ะๆ อย่าโฟกัสที่อื่นนน
[CR] #### ประสบการณ์ ท่องดินแดนภาคใต้ครั้งแรกของเด็กเหนือ ... [กระบี่]
############ [ ใช้ภาพประกอบ การเล่าเรื่องราว ภาพไม่ค่อยสวยน้ะครับ ]
ผมเป็นเด็กเหนือคนนึง อยู่ในจังหวัดเชียงราย จังหวัดที่ขึ้นขื่อว่าอยู่เหนือที่สุดในประเทศ จึงกล้าบอกได้เลยว่าไม่เคยเห็นทะเลใต้ (อันดามัน) ...
แต่ฝั่งอ่าวไทย จะบอกว่าไม่เคยเห็นก็ไม่เชิง เคยไป ชลบุรี ตอน 6-7 ขวบ และ ไปชะอำตอน ม.5 ซึ้งมีแค่สองครั้งเท่านั้นในชีวิตที่เคยเห็นทะเล และนั่นคือใต้สุดที่ผมเคยไป
ดังนั้น นี่จึงเป็นความใฝ่ฝันของผม ว่าสักครั้งเถอะ ขอสักครั้ง เรื่องมันจึงการขึ้นช่วงกลางเดือนเมษา ในขณะที่ผมอยู่ในช่วงท้ายเทอมสองของมหาวิทยาลัยอยู่นั้น (ปี3) ผมเล่นเฟสบุค เพลินๆตามประสา เหลือบไปเห็นสายการบินที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในไทย และเปิดเส้นทางบินใหม่ ชร-ดอนเมือง 390 โหลดเป๋าฟรี 15kg
พระเจ้า ให้ตายเถอะ ใจผมเต้นตุ้บตั้บ อะไรมันจะถูกปานนั้น มือลั่นรีบกดเข้าไปทันที รีบเปิดปฎิทินการศึกษาว่า ปิดเทอมเมื่อไหร่ จะเดินทางวันไหน วางแผนการเดินทางแบบหน้ามืดตามัว อย่างคนเดียวลับๆโดยไม่ปรึกษาใคร แล้วจะไปไหนล้ะ ?? จึงปรึกษาเพื่อนสนิทในแก๊งคนนึง (แก๊งผมมีสิบกว่าคน) ว่าเห้ย !
กูไปเที่ยวบ้านมืงได้ม้ะ ปิดเทอมเนี้ย ! เพื่อนก้ตอบโอเคฉันพลันมาอย่างเร็วไว
จึงได้ข้อสรุปว่า ไปบ้านเพื่อนที่ "กระบี่" ด้วยความที่โหยหาภาคใต้มาตลอดชีวิต ว่าไหนๆก็ปิดเทอมละ ขอไปนานๆ เลยละกัน จึงเลือกวันเดินทางที่อยู่ในช่วงโปร กลับในช่วงโปร ไม่กลับเสาร์อาทิตย์พระค่าตั๋วแพงขึ้นไปอีก !
ได้ข้อสรุปว่า 10 วัน รวมวันเดินทางเป็น 12 วัน เริ่ม 28 พค ถึง 8 มิถุ 2558 และจัดการทุบกระปุกออมสิน ที่ใส่ไว้ในขวด อย่างฉับพลัน แล้วรีบไปเซเว่นเพื่อชำระเงินทั้งหมด 4 เที่ยวบิน 1699+780 บาท
การเดินทางหาประสบการ์ณครั้งนี้จึงจะเริ่มต้นขึ้นในอีกสองเดือน ผมจึงมีเวลาเก็บออมเงินอีกครั้ง หลังจากใช้มันกับการทุบประปุกซื้อตั๋วเครื่องบิน
ผมจึงวางแผนการเดินทางคร่าวๆ ว่าจะไปเที่ยว หาเพื่อนที่สุราษ และตะลอนกับเพื่อนให้ทั่วกระบี่ นอนโง่ๆ ใช้ชีวิตแบบคนใต้ กินอาหารใต้
แต่แล้ว โชคชะตาก็เล่นตลกกับผม ก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน เพื่อนโทรมาบอกว่า ปู่ไม่สบายเข้าโรงบาล อาจจะไม่ได้พาเที่ยวน้ะ
ผมจึง บอกเพื่อนไปว่าไม่เป็นไรใจเย็นๆ ยังไงก็จะไปอยู่ดี (ก็ปลอบใจตัวเองไปว่าอือ ไม่ได้เที่ยวไม่เป็นไร ก็ขอสัมผัสชีวิตและใช้ชีวิตแบบคนใต้หน่ะละกัน)
และวันเดินทางก็มาถึง 28/5/58
ผมนั่งเครื่องจากเชียงราย 10.20 ถึงดอนเมืองประมาณ 11.50
แล้วรับกระเป๋าเชคอิน เครื่องรอบต่อไป 16.10 ถึงกระบี่ 17.30
และก็มีเพื่อนมารอรับ ไปพักบ้านน้าของเพื่อนในเมือง (เพราะเพื่อนมานอนเฝ้าปู่โรงพยาบาลในเมือง)
เช้าวันรุ่งขึ้น ครอบครัวของเพื่อนผมจึงได้พบกับข่าวร้าย ผมจึงได้มีโอกาศติดสอยห้อยตาม เพื่อนของผมไปที่บ้าน (อำเภอลำทับ) ไปได้ไปดูประเพณี ของคนใต้และการจัดงานศพ ของคนใต้ ว่าอ๋อออ เค้าเป็นอย่างนี้หรอ ซึ้งต่างกับบ้านผม อยู่หลายอย่างเหมือนกัน
ซึ้งก็ได้เปรียบเทียบ ความแตกต่าง กับบ้านอยู่อยู่หลายประการ เช่น บ้านผมจัดแค่ 3-7 แต่นี่ อย่างน้อย 7 วันขึ้นไป งานศพของปู่เพื่อนผม จัดรวมทั้งหมด 15 วัน ยาวจนถึง วันที่ 12 ช่วงระหว่างนี้ผมจึงได้มีโอกาศ สัมผัส ทุกสิ่งทุกอย่างดังใจผมต้องการ ทั้งอาหาร เมนูต่างๆ ที่ภาคเหนือไม่มี
รวมไปถึง ชีวิตความเป็นอยู่ ภาษา และ บางคืนผมนั่งเล่นจนถึงตีสอง อากาศเริ่มเย็นมีหมอกลง เห็นคนขับรถมอไซค์ไปกรีดยาง ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่าง ลุงป้าน้าอาของเพื่อนผม ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เจอหน้าผม ถามแทบทุกคนว่า ลูกกินข้าวหรือยัง ? เป้นไงบ้าง ได้พบเจอพูดคุย กับผู้ใหญ๋หลายๆคน ที่ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี เรียกได้ว่า ช่วงเวลานี้ ผมกินกระหน่ำอาหารใต้เลยก็ว่าได้ ! แต่ข้อเสียคือผม เพลินจนลืมเก็บภาพไว้
จะมีก็เสียแต่ ภาพที่เดินเล่นในสวนปาล์ม แถวๆบ้านเพื่อน ก็บ้านผมไม่มีนี่เน้อะ สวยปาล์มแบบนี้มันก็ต้องแปลกหูแปลกตาสำหรับผมแหละ
สองวันถัดมาหลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในช่วงเวลากลางวัน อากาศร้อนมาก จนเด็กๆ ลูกหลานของน้า งอแงอยากเล่นน้ำ น้าของเพื่อนผมจึงตัดสินใจพากันไปสระมรกต ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีของกระบี่ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่แรก ของจังหวัดกระบี่ ที่ผมมีโอกาศได้ไปสัมผัส
(จริงๆ เพื่อนผมแอบแว้บไปผมไปก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน แต่ไปแค่แปปเดียว) สรุปได้ว่าผมไปสองครั้ง
ช่วงจังหวะนี้ ผมไม่สนใจจะถ่ายวิวเลยครับ ถ่ายแต่ภาพส่วนตัว และเอาแต่เล่นน้ำ เพราะคิดว่า มาถึงที่แล้ว ไม่เล่นจะเสียใจไปอีกนาน
แล้วก็เดินไป เก็บภาพ สระน้ำผุดมา หนึ่งชอต
ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนถึงวันที่ 3 รวมแล้ว 7 วัน เริ่มรู้สึกว่า มาเกาะเค้ากิน นานไปล้ะ ช่วยงาน เค้า ก็ช่วยได้นิดหน่อย วันๆไม่ค่อยเค้าอะไร กลัวเค้าจะว่าเอา บรรจบกับ ปัญหาหลายอย่างที่เข้ามา พร้อมทั้งทะเลเรียกหา เลยบอกเพื่อนว่า !!!! เห้ย พรุ่งนี้ไปส่งกูหน่อยน้ะ กูอยากไปอยู่คนเดียวสักพักก่อนกลับบ้าน ที่อ่าวนาง ความเป็น Alone Backpacker จึงลุกโชน ขึ้นมาาา จากนั้นผมก็เริ่ม ไหว้ขอบคุณและลา ครอบครัว ของเพื่อนผม ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
วันที่ 4/6/58 ครับ เริ่มเดินทาง โดยใช้ "รถสามแถว" ที่บอกว่าสาม เพราะมีที่นั่งสามแถวจริงๆ โดยให้เพื่อนมาส่งขึ้นรถในตัวอำเภอลำทับ จึงได้บอกคนขับไปว่า ผมจะไปอ่าวนางครับ ส่งผมตรงที่ เค้ามีรถให้ต่อไป อ่าวนาง คนขับจึงไปส่ง ที่หน้าเซเว่นแห่งนึง ไม่รู้สาขาใน แต่อยู่ในเมือง เค้าบอกว่า รอตรงนี้แหละ เดี๋ยวมีรถสองแถวไปอ่าวนางมาจอด รอประมาณ สิบนาที จึงมีรถ ไปอ่าวนางมาจริงๆ ก็เลยนั่งขึ้นไป จนสุดสาย พอถึงอ่าวนาง จึงหาที่พักที่ได้ค้นหาข้อมูลไว้ก่อนแล้ว ในราคาถูก คืนล้ะ 200 บาท ที่ Ao Nang Hostel for backpacker
นี่ครับ ที่พักของผม คืนนี้แหละอีกหลายๆคืน เป็นพักรวม แยกชายหญิง
พอจองห้องพักเสร็จสับ ด้วยความที่พนักงานเป็นคนไทย จึงคุยง่าย เลยซื้อทัวร์ ท่องเที่ยวของวันถัดไปโดยผ่านโรงแรม แบบไม่รอช้า .. ทริปที่ผม ได้คือ เที่ยว7 เกาะ รวมดินเนอร์ตอนเย็น มีรถรับส่งที่โรงแรม 7Island 800บาท ขึ้นรถตอนบ่ายโมงของพรุ่งนี้
เมื่อเสร็จสับ ผมก็ไม่รอช้า ที่จะหยิบเป้เล้กๆใส่กล้องหนึ่งใบ รีบเดินอย่างเร็วไวไปที่หาด เพราะ ร่างกายต้องการทะเลใต้ซะเหลือเกิน
ครั้งแรก ที่ได้รับลมจากทะเลใต้ มุมดูวิว ดูเกาะ ดูน้ำสีเขียวฟ้ามรกต ที่สวยงามสุดสายตา ซึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าตัวผมจะมายืนที่จุดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว
เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่ผมฝันมานาน แล้ะตอนนี้ผมก็พุ่งชนความฝันเข้าอย่างจังแล้ว !!
นี่คือก้าวแรก ที่เท้าของ เด็กเหนือ คนนึง ที่ใฝ่ฝันมาสิบกว่าปี ที่อยากจะสัมผัสน้ำทะเลใต้ จากนั้นก็ไม่รอช้า เดินเล่นรอบหาดไป กินลมชมวิวจนลืมถ่ายรูปไปเลยที่เดียวเชียว แต่ก้ยังเอาออกมาถ่ายบ้าง สองสาม ช้อต ...
เดินเล่นนั่งเล่น กินลมชิมวิวอย่างสำราญจนหมดกลางวัน พระอาทิตย์ ตกดิน จึงเดินเดินเตร่ เที่ยวเล่น ไปตามถนน รอบอ่าว พร้อมทั้งหาร้านข้าวถูกๆกิน ซึ้งหายากมากกกกก จึงลงเอยด้วยข้าวกระเพราะทะเล จานละ 90 ฮ่าาาาาาาาาา จำใจหละครับ
จากนั้นก้ไม่รอช้าที่จะเดินเล่น ซื้อเกงขาสั้น เอาไว้ใส่ทัวร์ลุยเกาะพรุ่งนี้ จิบเบียร์ป๋องนั่งชิล ริมหาด สองสามป๋อง ก็กลับโรงแรม นอนครับ คืนนี้มีเพื่อนร่วมห้อง 5 คน
5/6/58 วันแรกของการเที่ยว และวันที่สองของการอยู่คนเดียว
ตามที่บอกแหละครับซื้อทัวร์ไว้ 7 เกาะ เค้ามารับตอนบ่าย ระหว่างที่นอนสบายตื่นสายๆ ทำอะไรเฉื่อยๆ ไป ก้เดินออกหน้าซอยของโรงแรม
ไปเซเว่น หาซื้อข้าวประทังชีวิตครับ จากนั้นก้กลับมานั่งเล่นwifi ของโรงแรมไปเรื่อยๆ 13.10 น มีรถมารับครับ เซเว่นไอแล่น เซเว่นไอแล่น !!
เราก็ขึ้นรถไป เป็นรถสองแถวคันเล็กๆ นั่งได้ประมาณสิบคนครับ สมาชิคร่วมทัวร์ทั้งหมด มี 10 คนพอดีเป้ะ เป็นชาวต่างชาติหมดเรย
จากนั้นรถก็รับผมไป สะพานเทียบเรืออ่าวน้ำเมา
สมาชิคร่วมเดินทาง
จากนั้นก็ขึ้นเรือครับ โดยมีอีกรถอีกคันนำคนมาส่ง รวมๆ บนเรือของผม มี 22 คนครับ
ที่แรกที่ไปเลยคือ หาดพระนาง เค้าให้เวลา 20 นาทีครับ
ภาพซ้าย คือบนหาด ภาพขวา คือ เขาหินปูนที่มีถ้ำพระนางครับ
โดยช่วงเวลานี้ ผมก้ใช้ชีวิตอย่างสันโดษต่อไป เดินเล่น เก็บภาพ โดยภาพส่วนใหญ่ จะเซลฟี่มากกว่า ไม่ได้ถ่ายวิว
จากนั้น ก็ขึ้นเรือ เค้าก้พาไปดำน้ำ อย่างที่บอกครับ ผมเป็นเด็กเหนือ ดำน้ำดูปะการัง คงไม่มีโอกาศได้ทำ ทำมันตอนนี้เลย !
และเป็นครั้งแรกที่ผมจะเอ่ยปากคุยกับคนในทัวร์ คนนึง ที่เค้าไม่ลงน้ำ ผมได้ใช้วิชาความรู้ด้านภาษาทั้งหมดที่เรียนมาสังคมมาแต่นมนาน นึกถึงหน้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ รวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับเค้าแค่ว่า ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ได้ไหมครับ (เค้าน่าจะเป็นคนสิงคโปรมากับลูกและสามี) เค้าตอบตกลง มาแบบงงๆ ว่าคุณคุยอะไร (น่าจะเข้าใจต้องที่ยืนกล้องให้นี่แหละว่า ขอให้ถ่ายรูปให้หน่อย ) ผมจึงไม่รอช้า กระโดดลงจากเรืออย่างเร็วไว จึงได้รูปนี้มา !
ด้วยความที่ไม่เคย ดำน้ำไม่ดูตามาตาเรือ แขน ดันไป พาดเต็มๆ ตัว แมงกระพรุน จึงรู้สึกแสบขึ้นมาในทันใด แล้ะเลิกดำน้ำทันที
แล้วก้ขึ้นเรือ ไปขอ น้ำส้มสายชูจาก ไกด์ทัวร์ เพื่อมา บรรเทาอากาศ แสบจากแมงกระพรุน ได้ผลครับ ทาน้ำส้มสายชูสักพัก รู้สึกว่าแขนที่โดนจะมีเมือกๆ อยู่จึง หาบัตรเอทีเอมจากในกระเป๋า มาขูดออกไป ทำให้หายแสบได้เยอะเลย จากนั้นก็ไปต่อกันที่ เกาะปอดะ ถึงจังหวะนี้ รู้สึกว่า ตัวเองเหนื่อยสุดๆ
ไม่อยากเล่นน้ำละ จึงบอกกับตัวเองว่า งั้นแค่เดินเล่นๆ ถ่ายรูปตามประสา คนเหงาๆ ละกันเน้อะ 555
ก้เลยถ่ายมาโครเล่นๆซึ่งไม่รู้ความหมายว่าคืออะไร และ นั่งมองสาวไทยที่มาเที่ยวบนเกาะ ไปตามประสาผู้ชายที่เที่ยวคนเดียว ...
จากนั้นก็ขึ้นเรือแล้วพาไปเกาะต่อไป เกาะไก๊ไก่ไก๊ไก่ ไก๊ไก้ไก้ไกไกไกไก่ ...
ปกติตรงนี้พี่เค้าจะให้ดำน้ำดูปะการัง แต่โชคไม่เข้าข้าง ตรงที่สวยๆ คลื่นมันสูงพอดี (ทำใจไว้แล้วครับช่วงหน้าฝน) พี่เค้าเลยให้มาเล่น ไกลหน่อย มีปะการังไม่มาก ช่วงนี้ ก็เล่นเต็มที่เลย แล้วก็ขึ้นมานั่งหนาวสั่น 5555
ไปต่อครับ
ใกล้ค่ำแล้ว ไปเกาะทับ ทะเลแหวก แวะทานข้าวเย็นกันครับ ....
บังเอิญ ไม่ได้ มารีวิว แต่มาเที่ยวแบบอินดี้ เลยมิได้ถ่ายอาหาร มาให้ดูครับ แฮะๆ (ลืม) กินข้าวเสร็จ ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินพอดี !
ไปคับ ไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่เกาะทับ ทะเลแหวก กัน
โปรดโฟกัสไปที่พระอาทิตย์ตกน้ะครับบ แห้ะๆ อย่าโฟกัสที่อื่นนน