พาลูกเที่ยวแบบ No Drama ทั้งทริปใกล้ ทริปไกล หรือทริปฮิต ๆ



ขอออกตัวก่อนนะค่ะ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ จขกท นะค่ะ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะค่า

วันนี้อยากมาแบ่งปันประสบการณ์ การเตรียมตัาพาลูกเที่ยวอย่างสงบสุข (ต่อตัวเราเองและผู้อื่น) นะค่ะ

จขกท เป็นคุณแม่ ลูก 1 อยู่นะค่ะ แต่ว่า อยู่กัน 2 คนแม่ลูกนะค่ะ
เห็นเดี่ยวนี้มีกระทู้และโพสต์เยอะมาก เกี่ยวกับ ความไม่อภิรมย์ระหว่างการเดินทางเนื่องจากผู้โดยสารเด็ก ๆ ที่ร่วมเดินทางไปกับเรา อยู่มากมายหลายกระทู้
ส่วนมากที่อ่านจะเป็นสาเหตุมาจาก เด้กงอแง ร้องเสียงดัง หรือเกิดอาการ เตะ ถีบ เบาะที่นั่ง หรือสร้างความรบกวนให้ผุ้โดยสารท่านอื่น ๆ อันนี้ก็ต้องบอกว่า เป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่ของเด็ก ๆ เองจริงๆ ค่ะ เนื่องจากว่า จขกท ก็เป็นผู้ปกครองคนหนึ่งที่ชอบพาลูกเที่ยวเหมือนกัน และเราก็ไปไหนไปกันทุกที (ก็เกือบน่ะนะ) แล้วก็เคยเป็นคนที่ไม่มีลูกมากก่อน ก็เลยเข้าใจมุมมองของทั้งสองฝ่าย บางคนก็ปกป้องลูกจนเกินไป ไม่ได้รับผิดชอบในหน้าที่ที่ตัวเองควรจะ "เตรียมการ" หรือ "สอน" ให้ลูกมีความประพฤติที่พึงปรารถนาต่อสังคม โดยเฉพาะเวลาท่องเที่ยว ใครๆก็คาดหวังความสนุกสนาน ความรื่นรมย์ และในการเดินทางเองก็มาทั้งความเหน็ดเหนื่อย และอ่อนเพลีย (จากการเดินทาง และระหว่างการเดินทาง) ดังนั้น ใจเค้าใจเรา แต่ว่าาา สำหรับคนที่มีลูกเล็ก ๆ อย่าง จขกท จะเตรียมการลูก (ที่เริ่มจะรู้ภาษาแล้ว) ของเราอย่างไร ให้เป็นผู้ร่วมเดินทาง (ที่พึงปรารถนา) ของผู้ร่วมเดินทางท่านอื่น ๆ ล่ะ
วิธีการเหล่านี้ที่ จขกท ได้ใช้และก็ได้ผล (อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลนะค่ะ) ก็เลยอยากจะนำมาแบ่งปันค่ะ



เนื่องจากว่าเด็กๆแต่ละคนมีพื้นอารมณ์ไม่เหมือนกัน ส่วนใหย่ก็จะแบ่งออกเป็น 3 traits ดังนี้
1.) เด็กเลี้ยงง่าย (คือ จับวางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น อารมณ์ไม่ขึ้นไม่ลง อารมณ์ส่วนใหญ่จะดี) ถ้าลูกของเราอยู่ในเทรทนี้ก็ค่อนข้างง่ายหน่อยในการดูแล
2.) เด็กขี้อาย (คือ ไม่กระโดดเข้าหาอะไรใหม่ ๆ ในทันที ต้องใช้เวลาปรับตัว และมักอยู่ติดกับผู้ใหญ่ที่เด็กไว้วางใจหรือคุ้นเคย เงียบๆ ไม่ค่อยแสดง(พูด)ความต้องการ หรือความรู้สึกของตน) ถ้าลูกเราเป็นเด็กเทรทนี้ ก็ต้องให้พื้นที่และเวลา และการตรียมตัวกับเขาค่อนข้างมากนิดนึง
3.) เด็กเลี้ยงยาก (คือ ไม่ค่อยอยู่กับที่ กล้าแสดงออก เข้ากับคนง่าย ขี้ร้อน แอ็คทีฟ ชอบใช้เหตุและผล มักจะเป็นจุดเด่นและจุดสนใจได้ง่าย) ถ้าลูกเราเป็นแบบนี้ก็ต้องใช้เหตุและผลกันหน่อย และผู้ปกครองต้อง firmly but lovingly (เอาจริงแต่อยู่บนฐานของความรัก)

แต่เด็กทุกคน (หรือแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเรา) ก็ชอบที่จะ
1.) ได้รับการแจ้งล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น (เพื่อเตรียมใจ เตรียมตัว) หรือ sense of prediction/ sense of awareness ใครจะไปชอบถูกลากถูกถูไปไหนต่อไหนแบบมึนๆล่ะ จริงมั้ย (เด็กๆเขาก็ไม่ชอบเหมือนกันแหละ)
2.) มีข้อมูลล่วงหน้า/ มี ดาตาร์ เบส ผู้ใหญ่อย่างเราเวลาจะทำอะไร ยังสามารถหาข้อมูลมาศึกษาก่อนได้ เราจึงเห็นภาพคร่าวๆว่าจะได้ไปเจอะเจออะไร ส่วนเด็กๆ ไม่ต่างอะไรจากเรา แต่เค้าเข้าไม่ถึงการเสาะหาข้อมูลดังกล่าว และไม่รู้วิธี พ่อแม่ผู้ปกครองนั้นเอง ควรเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุด
3.) รู้ว่าจะทำกิจกรรมใดที่ไหนเมื่อไหร่ หรือ sense of time เราผู้ใหญ่ยังอยากรู้เลยว่า ถ้าจะต้องไปไหน หรือใครชวนไปไหน เราก็ต้องถามแน่ๆแหละว่า "ไปวันไหน ไปเมื่อไหร่ ไปกี่วัน ไปเจอกันที่ไหน เวลาอะไร กลับเมื่อไหร่" เป็นต้น เด็กๆก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเด็กๆจะไม่ได้สนใจโดยละเอียด แต่การบอกสโคปเวลากับเด็ก เป็นการสอนทักษะเรื่องเวลาไปในตัว โดยเฉพาะเมื่อบอกระยะเวลา ว่าเราจะไปเที่ยว และจะกลับมานะ จะช่วยทำให้เด็กๆอุ่นใจว่า เค้าจะได้กลับมายังสภาพแวดล้อมเดิมของเค้า

แล้วเราจะเตรียมการอย่างไรล่ะ???

จขกท พาลุกเที่ยวหลังจากอายุ 1 ขวบ อัพ ตอนช่วย 1 ขวบ จนถึง 2 ขวบก็เที่ยวใกล้ๆบ้าน เช่นไปสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือ ทะเล (คือ เลือกไปที่โล่ง โปร่ง เพื่ออากาศจะได้ถ่ายเทได้ดี)
พอลูกอายุ 2 ขวบครึ่ง ตอนนนั้นทริปเราค่อนข้างไกลหน่อย เราไป อเมริกา ไปกัน 2 คน

ก็ถือว่าเป็นทริปทางไกล ทริปแรกที่ประสบความสำเร็จมาก ถึงจะเป็นเด็กน้อยก็ไม่งอแง นั่งเล่นอย่างสงบเสงี่ยม ตลอดการเดินทาง แม้ว่าจะต้องผ่านช่วงถึก ๆ อย่าง transit และตอนผ่าน เข้า-ออก ตม.

หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวกันทั้งในและ ตปท ตอนนี้ลูก จขกท ก็จะ 6 ขวบแล้ว

และวิธีต่อไปนี้ก็เป็นวิธีที่ จขกท ใช้เพื่อเตรียมตัวลูกมาโดยตลอด

1. ก่อนการเดินทาง
    
    1.1 วางแผนกับลูกว่าจะไปเที่ยวไหน - อันนี้ฟังดูแปลก ๆ เอ ถามลูกไปจะได้อะไรขึ้นมา แน่นอนที่ผู้ใหญ่เป็นคนเลือกว่าจะไปไหน (เพราะบางทีเด็กๆก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน) เราก็จะบอกลูกว่า "แม่คิดว่าแม่จะพาลูกไป ****" และก้บอกเค้าว่า จะพาเค้าไปทำกิจกรรมอะไรที่นั่นบ้าง โดย จขกท เป็นคนเลือกกิจกรรมที่จะพาลูกไปทำนะคะ แล้วก็จะทำเป็นสมุด เหมือน journal โดยใช้โปรแกรม words แล้วก็หาภาพจากอินเตอร์เน็ตเอาค่ะ
    
    สถานที่จะไป ที่ๆจะพัก วิธีการเดินทาง
    
    
    
    อันนี้เว้นว่างไว้ให้ลูกวาดรูป หรือแปะรูปตัวเองลงไป เป็น journal เล็กๆของตัวเอง
     เล่มนี้เป็นเล่มใหม่สำหรับทริปที่จะมาถึงค่ะ ส่วนเล็มเก่าๆลูกเอาไปวาดหมดแล้วหาไม่เจอ
     จขกท จะคุยกับลูกค่ะว่า เราจะเดินทางยังไง ไปไหนบ้าง และที่นั่นลูกจะได้ทำอะไร นอกจากจะเป็นการเตรียมการเดินทางและสร้าง sense of prediction ให้กับลูกแล้ว ยังเป็นกิจกรรมและการสานสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกด้วย
    1.2 เตรียมบรรยากาศ - หลายกรณี เด็ก ๆ ส่วนใหญ่อาจเกิดอาการงอแงระหว่างเที่ยว เนื่องจากว่า ไปเจอสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิม ถ้ายิ่งไปเที่ยว ตปท ด้วยแล้วล่ะก็ จขกท จะหาหนังสือนิทาน/หนังสือเด็ก เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางการเที่ยว ของเราอ่านให้ลูกฟังค่ะ เป็นการสร้างทัศนคติที่ดีและเด็กสามารถคาดหวังได้ว่า เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วจะต้องเจอกับความแตกต่างตามที่เห็นในหนังสือไม่มากก็น้อยค่ะ
    อย่างเช่น เดี่ยวนี้พ่อแม่ฮิตพาลุกไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน ก็เลยไปหาหนังสือมาให้ลูกค่ะ
    
    1.3 บอกช่วงเวลา - อันนี้ขอเสริมจากข้อที่ 1.1 นะค่ะ จขกท จะเอาปฏิทินมาแล้วให้ลูกดูว่า วันนี้คือวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร และเปิดปฏิทินไปในวันที่เรามีกำหนดเดินทางคะ  

    
    (อันนี้เสริม ข้อความเผื่อหลงกัน / แนะนำตัว และใส่ชื่อที่อยู่ เบอร์โทร โรงแรมที่เข้าพัก ด้านหลังก็มี แผนที่ โรงแรม และรูปคู่ของเรากับลูกค่ะ)
    (ก็บอกลูกเอาไว้ว้า "เผื่อ" ในกรณีที่มันเกิด ให้เอาป้ายนี้ขอความช่วยเหลือ)
  

    คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้
   2. ก่อนวันเดินทาง
    ******* พักผ่อนให้เพียงพอ และเยอะๆๆๆๆๆๆ *******
    ส่วนมากการเดินทางไป ตปท มักจะไปกลางดึกกลางดื่น แล้วก็ต้องไปเตรียม เช็ค อิน ที่สนามบินก่อนเวลาเครื่องขึ้นตั้งหลายชั่วโมง เด็กถ้าพักผ่อนน้อยก็อาจจะอารมณ์หงุดหงิด งอแงได้ พยายามเผื่อเวลาและพาลูกนอนตั้งแต่หัววัน สำหรับ จขกท ก็จะไม่ให้ดูทีวีหรือใช้ อปก สื่อสารต่างๆในการดูหนัง เล่นเกมส์ เพราะจะทำให้ปวดตา เด็กยิ่งเพลียค่ะ
    
   3. วันเดินทาง/ ของที่พกติดตัว
  
   ถึงแย้วววววววววววววว เช้าพอดีเลยยยยยยยยยยยย

   3.1 ของเล่น เอาแบบไม่รบกวนผู้อื่น เช่น หนังสือแปะสติ๊กเกอร์ สีเทียน (แบบเช็ดออกได้) กระดาษวาดรูป หรือหนังสือเล่มโปรด ตุ๊กตาอะไรก็ว่าไป แล้วแต่ว่าลูกของเราสนใจกิจกรรม (สงบๆ) แบบไหน (ถึงแม้ว่าบนเครื่องบินจะแจกของเล่นให้เด็ก แต่กันลูกเบื่อโดยเฉพาะไฟลท์ยาวๆนี่ ของเล่นต้องค่อนข้างหลากหลายนิดนึง)
  
  3.2 เสื้อกันหนาว - เวลาบินแล้วอุณหภูมิก็จะลดลง บางทีผ้าห่มอย่างเดียวก็เอาไม่อยู่ ใส่เสื้อกันหนาวดีกว่า อบอุ่นสบาย หมวกไหมพรม หมวกอุ่น ๆ ก็จัดไป หนาวแล้วนั่งทรมานไม่สนุก ลูกจะหงุดหงิด ดิ้นไปดิ้นมา เป็นสาเหตุให้คนหน้าหลังเค้าไม่สงบไปด้วยได้
  3.3 เสื้อผ้าที่ลูกใส่ควรสบายตัว - จขกท ไม่เน้นปฟชั่นมากเวลาเดินทาง เน้นสบายตัว เด็ก ๆ ชอบขยับเขยื้อนได้อย่างเป็นอิสระ บางทีชุดแฟชั่นจะฟิตไป และทำให้ไม่สบายตัวได้ เด็กๆก็จะผุดลุกผุดนั่ง อันนี้ก็อาจจะไม่เป็นที่พึงปรารถนาต่อทุกฝ่าย
  
  ชุดขึ้นเครื่อง - อุ่น สบาย คล่องตัว รองเท้ารัดกุม หมวกต้องมา เผื่อหนาว
  3.4 รูปถ่ายต่าง ๆ - เดี่ยวนี้เรามีมือถือที่เก็บรูปภาพได้ จขกท เก็บรูป หมา แมว ญาติ รูปบ้าน รูปห้องนอนเอาไว้ เพราะลูกเคยเศร้าอยู่โมเม้นท์แล้วบอกว่า คิดถึงคุณยาย คิดถึงหมาที่บ้าน ก็เปิดให้ดู แล้วก็บอกว่า เดี่ยวถึงที่แล้วค่อยเฟสไทม์ไปหาก็ได้นะ (อันนี้ช่วยในเรื่องของการลดความวิตกกังวลจากการแยกจากในเด็ก separation anxiety)
  3.5 แก้วน้ำหรือกระติกน้ำ - เวลาเดินทางนานๆ ร่างกายจะขาดน้ำ ให้ลูกได้จิมน้ำไปเรื่อย ๆ ระหว่างการเดินทาง ก็จะป้องกันอาการอ่อนเพลียและขาดน้ำได้ ถ้าลูกไม่สบายหรือเพลียมากระหว่างเที่ยวก็จะเกิดปาฏิหารย์คุณลูก (หงุดหงิด งอแง เที่ยวไม่สนุก บางทีพ่อแม่ก็จะหมดสนุกไปด้วยเพราะลูกไม่สบายระหว่างเที่ยว ไปทั้งทีเราก็คาดหวังให้เค้าได้สนุกและประทับใจใช่มั้ยล่ะ)
  3.6 ขนมถุงเล็ก ๆ - เช่น เครกเกอร์เด็ก ไว้ให้ลูกกินระหว่างทริป บางทีบนเครื่องมือถั่ว ก็เดี่ยวติดคอลูก เอาแบบที่สำหรับเด็กกินดีกว่า (เด็กบางคนแพ้ถั่วด้วย)
  
   พิพิธภัณฑ์ Smithsonian, DC, USA ตอน 2 ขวบ เราจุ๊ๆ เราไม่เสียงดังงงงง
  
  แต่ที่สำคัญก็คือ ควรส่งเสริมและปลูกฝังให้ลูก เคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่นด้วย เช่น ถ้ามีคนทำแบบนี้กับลูก ลูกชอบหรือไม่ ด้วยคำถามกระตุ้นเหล่านี้ก็ช่วยได้มาก สำหรับ จขกท ใช้คำถามเหล่านี้ถามลูกเวลาที่บางที เค้าอยากจะทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับกาละและเทศะ
  พ่อแม่อยากให้ลูกได้เรียนรู้และทำกิจกรรมนอกเหนือจากในห้องเรียนอยู่แล้ว และโดยเฉพาะไปด้วยกันแล้ว ได้ประสบการณ์ที่สนุกและยอดเยี่ยมกลับมา ก็คุ้มกับการลงทุนลงแรงและความตั้งใจดีของพ่อแม่อย่างเราแล้วล่ะ หัวใจหัวใจหัวใจ
  
  ลุยกันเอง (เกียวโต) ตอน 4 ขวบ
  
  
  ลุยกันต่อ (โกเบ) ตอน 4 ขวบ
  
  
  ขากลับจากหลีเป๊ะ
  
  ขอดูแผนที่ก่อนนะ
  

  หวังว่า มันจะเป็นประโยชน์นะค่ะ และมันอาจจะวุ่นวาย ทำไมหลายขั้นตอนจัง จริงๆแล้วเราจะปรับใช้ยังไงก็ได้ จะไม่ต้องครบก็ได้ แล้วแต่บุคคลเลยค่ะ แต่ จขกท เน้นกิจกรรมร่วมกับลูก และใช้เวลาร่วมกันมากๆ
  ยังไงก็ตามแต่ เชื่อว่า คุณพ่อคุณแม่ทุกคนมีวิธีดีๆของตัวเองอย่างแน่นอน เอามาแบ่งปันกันบ้างนาาา
  
  ขอบคุณค้าบบบบบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เที่ยวต่างประเทศ ครอบครัว สังคมคุณแม่
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่