เรื่องมันเกิดขึ้นจากความไว้เนื้อเชื่อใจ เพื่อนสนิทของเราเองค่ะ
คือ เพื่อนเราเค้าทำงานอยู่ที่ USA แล้วเค้าก็โทรมาชวนเรา ว่าอยากไปทำงานที่นู้นมั้ย เงินดีมากก แล้วเราก็เบื่องานที่เก่าอยู่แล้ว ก็เลยตอบตกลงไป
แล้วเค้าก็ให้เรา โอนเงินค่าทำวีซ่าให้ ประมาณ 3หมื่นกว่าบาท โดยเค้าบอกว่า เป็นค่าทำเอกสารwork permit ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ก็เลยไม่ได้สอบถามรายละเอียดอะไรมากมาย เราก็โอนให้ เค้า แต่ก็ไม่ได้ขอใบเสร็จหรือหลักฐานอะไรไว้เลยนะค่ะ เค้าบอกว่าเรื่องเสร็จแล้ว รอแค่เดินทางอย่างเดียว เราก็ เอ๊ะ ง่ายไปมั้ย มันมีแบบนี้ด้วยหรอ แอบ งง นิดหน่อย ไม่มีวีซ่าก็เข้าประเทศได้หรอ แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก ปล่อยเรื่องมันผ่านไป
หลังจากนั้น เค้าก็บอกว่า กำหนดการเดินทางอีกประมาณ 3 เดือนนะ ให้เรารอ ระหว่างนี้ก็จะจองตั๋วเครื่องบินให้ก่อน แล้วเราค่อยจ่ายให้เค้าทีหลัง เพราะถ้าจองล่วงหน้านานๆ มันจะถูกว่า จองใกล้ๆวันเดินทาง เราก็ตามนั้นค่ะ ให้เค้าจัดการให้หมด ทั้งเรื่องที่พัก เรื่องเดินทางต่างๆ
แต่ก็ด้วยความที่ เราก็แอบเกรงใจเพื่อน พอเรามี เราก็โอนให้เค้าเพิ่มอีก 3หมื่นกว่า (รวมเป็น 6หมื่น โดยประมาณ) เราก็บอกให้เค้าส่ง booking ให้ทางอีเมลล์ละกัน เค้าก็ตอบตกลงแต่ก็เงียบหายไป จนผ่านมาอีก เพื่อนเราก็บอกว่า เราต้องใช้รถเดินทางนะ เพราะมันอยู่ในเขตหนาว เค้าไปดูรถมาให้แล้ว แต่ราคารถแพงอยู่เหมือนกัน เค้าเลยจะออกให้ส่วนนึง ให้เราช่วยอีกส่วนนึง ( ประมาณ 5 หมื่น ) คราวนี้หลายคนเริ่มทักท้วงว่า ยังไม่ได้ไปถึงไหนเลย ไมซื้อรถแล้ว โน่นนี่นั่น เราก็แอบสงสัย แต่เราก็คิดตลอดว่า เป็นเพื่อนกัน ไม่น่าจะหลอกกันมั้ง แล้วเค้าค่อนข้างเป็นคนที่พูดจาน่าเชื่อถือ แล้วเราก็โอนให้เหมือนเดินม ( ยอดรวม ประมาณ แสนกว่าบาท )
เราลาออกจากงานค่ะ เพราะอีกหนึ่งเดือนก็ใกล้วันเดินทางแล้ว แต่เรื่องมันเริ่ม ไม่ใช่ ตรงที่ อีกประมาณ สิบกว่าวันจะเดินทาง เค้าโทรมาบอกเราว่า บริษัทที่เราจะไปทำงานนะ เค้ายกเลิก work permit เพราะ lay out คน เราก็ อ้าว !!
ละ ออกจากงานแล้วด้วย ทำไงละทีนี้ เค้าก็เลยยื่นขอเสนออื่นให้ ใช้วิธีการอื่นๆ คือยังไงๆ ก็จะช่วยให้เราได้ไปทำงานที่นู้น แต่เราเริ่มคิดละ ว่ามันไม่ใช่แล้ว แล้วเราก็เลยบอกว่า ไม่ไปแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ด่า ไม่ได้โวยวายอะไรเค้านะ แต่ในใจอยากจะฆ่ามันมาก ทีนี้เราก็ขอเงินเราคืน เค้าก็บอกว่า เค้าจะคืนเงินให้ แต่แค่ส่วนนึงนะ เพราะค่าทำ work permit ไม่ได้คืนแน่นอน ค่าตั๋วเครื่องบิน ให้รอรีฟันด์ ประมาณ 45 วัน ได้คืนแค่ 85% แล้วเรื่องรถ ก็จะขายก่อน ขายได้ถึงจะโอนให้ เราก็รอ จนป่านนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว ยังไม่ได้คืนสักกะบาท แต่เค้าก็ไม่ได้หายไปนะ ยังติดต่อกันอยู่ ล่าสุดบอกจะคืนให้เดือนหน้า
เราอึดอัดมากค่ะ ไม่ได้รู้ว่าตกลงแล้ว มันคืออะไรยังไง สับสนมากๆ ตกลงเราโดนหลอกรึป่าว เพื่อนสนิทกันเนี่ยนะ แต่ก็เห็นในข่าวหลายๆครั้ง ที่คนใกล้ตัวกันนี่แหละ หลอกกันได้ รบกวนผู้รู้ ช่วยแนะนำ ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ ว่ากรณีการขอ work permit แบบนี้มีอยุ่จริงรึป่าว ถ้าหากทุกท่านคิดว่า กรณีโดนหลอกแน่ๆ เราต้องทำอย่างไรต่อค่ะ ถ้าสุดท้ายเค้าไม่คืนเงินให้เราจริงๆ เราควรทำยังไงต่อไปดี สามารถฟ้องร้องหรือเรียกร้องอะไรได้บ้าง รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ ตอนนี้กลุ้มมากๆ
สอบถามเรื่องการขอ work permit ไปทำงานที่ USA ค่ะ (รู้สึกเหมือนมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่)
คือ เพื่อนเราเค้าทำงานอยู่ที่ USA แล้วเค้าก็โทรมาชวนเรา ว่าอยากไปทำงานที่นู้นมั้ย เงินดีมากก แล้วเราก็เบื่องานที่เก่าอยู่แล้ว ก็เลยตอบตกลงไป
แล้วเค้าก็ให้เรา โอนเงินค่าทำวีซ่าให้ ประมาณ 3หมื่นกว่าบาท โดยเค้าบอกว่า เป็นค่าทำเอกสารwork permit ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ก็เลยไม่ได้สอบถามรายละเอียดอะไรมากมาย เราก็โอนให้ เค้า แต่ก็ไม่ได้ขอใบเสร็จหรือหลักฐานอะไรไว้เลยนะค่ะ เค้าบอกว่าเรื่องเสร็จแล้ว รอแค่เดินทางอย่างเดียว เราก็ เอ๊ะ ง่ายไปมั้ย มันมีแบบนี้ด้วยหรอ แอบ งง นิดหน่อย ไม่มีวีซ่าก็เข้าประเทศได้หรอ แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก ปล่อยเรื่องมันผ่านไป
หลังจากนั้น เค้าก็บอกว่า กำหนดการเดินทางอีกประมาณ 3 เดือนนะ ให้เรารอ ระหว่างนี้ก็จะจองตั๋วเครื่องบินให้ก่อน แล้วเราค่อยจ่ายให้เค้าทีหลัง เพราะถ้าจองล่วงหน้านานๆ มันจะถูกว่า จองใกล้ๆวันเดินทาง เราก็ตามนั้นค่ะ ให้เค้าจัดการให้หมด ทั้งเรื่องที่พัก เรื่องเดินทางต่างๆ
แต่ก็ด้วยความที่ เราก็แอบเกรงใจเพื่อน พอเรามี เราก็โอนให้เค้าเพิ่มอีก 3หมื่นกว่า (รวมเป็น 6หมื่น โดยประมาณ) เราก็บอกให้เค้าส่ง booking ให้ทางอีเมลล์ละกัน เค้าก็ตอบตกลงแต่ก็เงียบหายไป จนผ่านมาอีก เพื่อนเราก็บอกว่า เราต้องใช้รถเดินทางนะ เพราะมันอยู่ในเขตหนาว เค้าไปดูรถมาให้แล้ว แต่ราคารถแพงอยู่เหมือนกัน เค้าเลยจะออกให้ส่วนนึง ให้เราช่วยอีกส่วนนึง ( ประมาณ 5 หมื่น ) คราวนี้หลายคนเริ่มทักท้วงว่า ยังไม่ได้ไปถึงไหนเลย ไมซื้อรถแล้ว โน่นนี่นั่น เราก็แอบสงสัย แต่เราก็คิดตลอดว่า เป็นเพื่อนกัน ไม่น่าจะหลอกกันมั้ง แล้วเค้าค่อนข้างเป็นคนที่พูดจาน่าเชื่อถือ แล้วเราก็โอนให้เหมือนเดินม ( ยอดรวม ประมาณ แสนกว่าบาท )
เราลาออกจากงานค่ะ เพราะอีกหนึ่งเดือนก็ใกล้วันเดินทางแล้ว แต่เรื่องมันเริ่ม ไม่ใช่ ตรงที่ อีกประมาณ สิบกว่าวันจะเดินทาง เค้าโทรมาบอกเราว่า บริษัทที่เราจะไปทำงานนะ เค้ายกเลิก work permit เพราะ lay out คน เราก็ อ้าว !! ละ ออกจากงานแล้วด้วย ทำไงละทีนี้ เค้าก็เลยยื่นขอเสนออื่นให้ ใช้วิธีการอื่นๆ คือยังไงๆ ก็จะช่วยให้เราได้ไปทำงานที่นู้น แต่เราเริ่มคิดละ ว่ามันไม่ใช่แล้ว แล้วเราก็เลยบอกว่า ไม่ไปแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ด่า ไม่ได้โวยวายอะไรเค้านะ แต่ในใจอยากจะฆ่ามันมาก ทีนี้เราก็ขอเงินเราคืน เค้าก็บอกว่า เค้าจะคืนเงินให้ แต่แค่ส่วนนึงนะ เพราะค่าทำ work permit ไม่ได้คืนแน่นอน ค่าตั๋วเครื่องบิน ให้รอรีฟันด์ ประมาณ 45 วัน ได้คืนแค่ 85% แล้วเรื่องรถ ก็จะขายก่อน ขายได้ถึงจะโอนให้ เราก็รอ จนป่านนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว ยังไม่ได้คืนสักกะบาท แต่เค้าก็ไม่ได้หายไปนะ ยังติดต่อกันอยู่ ล่าสุดบอกจะคืนให้เดือนหน้า
เราอึดอัดมากค่ะ ไม่ได้รู้ว่าตกลงแล้ว มันคืออะไรยังไง สับสนมากๆ ตกลงเราโดนหลอกรึป่าว เพื่อนสนิทกันเนี่ยนะ แต่ก็เห็นในข่าวหลายๆครั้ง ที่คนใกล้ตัวกันนี่แหละ หลอกกันได้ รบกวนผู้รู้ ช่วยแนะนำ ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ ว่ากรณีการขอ work permit แบบนี้มีอยุ่จริงรึป่าว ถ้าหากทุกท่านคิดว่า กรณีโดนหลอกแน่ๆ เราต้องทำอย่างไรต่อค่ะ ถ้าสุดท้ายเค้าไม่คืนเงินให้เราจริงๆ เราควรทำยังไงต่อไปดี สามารถฟ้องร้องหรือเรียกร้องอะไรได้บ้าง รบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ ตอนนี้กลุ้มมากๆ