สวัสดีครับ วันนี้กระผมมีทริปดีๆ สนุกๆ และไม่แพ้มาฝากครับ
(เขียนครั้งแรก ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ )
ผมก็จะไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากนะครับ เริ่มกันเลย ^^
ผมเป็นเด็กม.บูรพานะครับ ชอบเที่ยวแบบเชิงธรรมชาติ พอผมเล่น Facebook อยู่ดีๆ เห็นลิ้งหนึ่งที่เพื่อนผมแชร์ใน Facebook ซึ่งเป็นลิ้งที่รีวิวการเที่ยวในอุทยานแก่งกระจาน แล้วกระผมก็สนใจ เลยวางแผนที่จะไปเที่ยวที่นั้น โดยอยู่ในช่วงวันที่ 3/06/58 - 5/06/58 (ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูฝน และปลายๆฤดูร้อนเพราะเราจะได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ธรรมชาติที่สวยงาม และต้นไม้ที่โดนฝนจะเขียวขจีมากๆ เป็นต้น)

วันที่ 3/06/58
เวลา 06.30 น. ผมและเพื่อนมาขึ้นรถตู้ที่ข้างห้างแหลมทอง บางแสน โดยนั่งรถไปลงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ราคาคนละ 110 บ.)
หลังจากนั้นเวลา 09.00 น. รถก็มาถึงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่เราก็ต้องเดินไปขึ้นรถตู้เพื่อที่จะไปอุทยานแก่งกระจานที่เซนจูรี่ ซึ่งซื้อตั๋วตรงประตูฝั่ง BTS นะครับ ราคาตั๋วคนละ 250 บ. (ราคานี้รถตู้จะไปส่งถึงในตัวอุทยานเลยครับ ซึ่งสบายสุดๆ )


ในที่สุดก็ถึงสักที นั่งรถมาประมาณ 6 ชั่วโมง หลังจากมาถึงอุทยาน เราก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือค่าเข้าอุทยานคนละ 130 บ. (ราคานี้จะรวมกับค่าบัตรเข้าชมน้ำตกที่บ้านกร่าง และทะเลหมอกที่เขาพะเนินทุ่งด้วยนะครับ) หลังจากนั้นพวกผมก็ไปหาที่พัก และรับประทานอาหารภายในร้านอาหารของอุทยาน ซึ่งราคาของค่าอาหารแสนจะถูกมากๆเลยครับ เช่นข้าวกระเพราหมู ไก่ ราคาจานละ 40 บ. ถ้ามีไข่ดาวก็ 45 บ. ครับ ราคานี้แทบจะหาไม่ได้ตามอุทยานอื่นๆเลยครับ และราคาของขนมและน้ำดื่มต่างๆจะเป็นราคาตามที่ขายกันใน 7-11 ทั่วไปครับ ส่วนเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์ทางอุทยานไม่ให้เอาเข้าไปนะครับ T^T และที่สำคัญที่อุทยานมีจักรยานให้เช่าด้วยนะครับ ราคาจะอยู่ที่ 50บ./ชม. ครับ ซึ่งการที่เราปั่นจักรยานเที่ยวรอบๆอุทยานเป็นอะไรที่มีความสุขและฟินมากๆครับ เพราะอากาศที่นั้นไม่ร้อนเลยครับ อากาศเย็นสบาย ตอนเย็นมีฝนตกนิดหน่อยด้วย


ส่วนเรื่องพี่พัก ทางอุทยานมีให้เราเลือกได้หลายแบบนะครับ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักของอุทยาน เป็นเต็นท์นอน หรือจะเป็นรีสอร์ทที่อยู่ในตัวอุทยาน
ซึ่งกระผมกับเพื่อนเลือกที่จะนอนรีสอร์ทครับ รีสอร์ทแห่งอยู่ภายในตัวอุทยานเลย ชื่อ "กัญญภา รีสอร์ท" ราคาขั้นต่ำอยู่ที่คืนละ 600 บ. นอนได้ 2 คน


ย้อนกลับมาสักนิดนึงนะครับ
ขณะที่พวกผมกำลังกินข้าวกันอยู่ ผมก็ได้เข้าไปถามทางอุทยานว่า "จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่เขาพะเนินทุ่ง เสียค่ารถเท่าไรครับ และไปล่องแก่งต้องเสียค่าล่องแก่งครั้งละเท่าไรครับ"
เจ้าหน้าที่ของอุทยานตอบกลับมาว่า "ไปดูทะเลหมอกค่ารถขึ้นไปต่อเที่ยว ครั้งละ 1,600 บ. และค่าล่องแก่ง 1,200 บ."
หลังจากที่ได้คำตอบมาแบบนี้ พวกผม 2 คน เลยคิดว่า "สงสัยได้นอนคืนเดียวแล้วกลับกันอีกกว่า" เพราะค่าไปที่ต่างๆราคาสูงมากๆ แถมมากัน 2 คนด้วย
แต่ในความโชคร้ายนั้น ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง
ในขณะนั้นเองก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเที่ยวพอดี (มากัน 5 คน แถมนั่งรถตู้มาแบบเดียวกัน เป๊ะ!!) ผมเลยลองชวนให้มาเที่ยวด้วยกันไหม และอธิบายบอกว่า จะไปทำกิจกรรมอะไรบ้าง ค่าใช้จ่ายเท่าไรต่อครั้ง (คิดในใจ มีตัวหารแล้วโว้ย แถมไม่เสียเที่ยวด้วยที่มา 5555) หลังจากได้คุยกันสักพักก็ได้ผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ทั้งหมดเพิ่มเป็น 7 คน หารราคาที่จะไปทำกิจกรรมต่างๆ ค่าใช้จ่ายก็ลดลงไปเยอะเลย
พอได้เพื่อนร่วมเดินทางแล้ว เรา 2 คน ก็ไปปั่นจักรยาน และเที่ยวภายในอุทยานกันต่อ





วันที่ 4/06/58 เวลา 04.30 น.
ซึ่งพวกเราได้ตื่นมาเตรียมตัวที่จะขึ้นรถของทางอุทยาน เพื่อไปชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้น ที่เขาพะเนินทุ่ง
ขณะที่เดินทางขึ้นไปที่เขาพะเนินทุ่งนั้น พวกเราได้เจอกับสุนัขจิ้งจอก และไก่ป่า (เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพมาฝาก เพราะพวกมันหนีเข้าป่าเร็วมากๆ)
พอพวกเรานั่งรถไปสักพัก ปรากฎว่า พระอาทิตย์ดันขึ้นเร็วสะงั้น ตอนแรกก็คิดว่า ขึ้นไปแล้วจะมีทะเลหมอกให้ได้ดูหรือป่าว แต่สุดท้ายพี่เจ้าหน้าที่ก็จอดรถข้างทางและเรียกพวกเราให้หันไปทางฝั่งขวามือจนพวกเราได้ภาพนี้มา


มันเป็นภาพที่สวยงามมากๆ เป็นภาพที่เรามองแล้วมีความหวังว่า ขึ้นไปบนเขาแล้วจะมองเห็นทะเลหมอก
หลังจากนั้นพวกเราก็มาถึงเขาพะเนินทุ่ง และสิ่งที่เห็นก็คือ ทะเลหมอกที่สวยงาม ต่อจะให้ภาพเป็นตัวเล่าเรื่องราวแทนนะครับ









ระหว่างทางที่พวกผมเดินไปที่จุดชมวิวของเขาพะเนินทุ่ง พวกเราก็ได้เจอกันเจ้าถิ่นที่รอต้อนรับ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า "ช่วงเทศกาลหรือวันหยุดเราจะไม่เจอสัตว์ป่าหรืออะไรเลย นอกจากได้เห็นแค่ทะเลหมอก" ดีใจสุดๆช่างโชคดีและเซอร์ไพรส์มากๆเลย กับการเดินทางเพื่อมาพักผ่อนก่อนเปิดเทอม


หลังจากที่เดินลงมาจากจุดชมวิว พวกเราก็ได้มาพบกับเจ้าเวหา นั้นก็คือ นกเงือก ซึ่งพี่เจ้าหน้าที่บอกว่า "หาดูนกเงือกได้ยากมากๆเลยช่วงนี้ ถ้าเราเห็นนกเงือก 1 ตัว เราจะเห็นอีก 1 ตัว เพราะนกเงือกเป็นสัตว์ที่อยู่เป็นคู่ และถ้าตัวไหนตัวหนึ่งตาย อีกตัวก็จะตายตาม ซึ่งเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์กับตัวที่มันรักแค่คนเดียว" เป็นอะไรที่ซึ้งและประทับใจใช่ไหมละเพื่อนๆ


ระหว่างทางลงเขา เพื่อเดินทางกลับที่พัก พี่เจ้าหน้าที่ก็พาพวกผมแวะ จุดที่พัก ที่บ้านกร่าง เพื่อดูผีเสื้อที่ออกมาบริเวณลำธาร






หลังจากที่ลงมาจากเขาซึ่งเป็นเวลาประมาณ 11.45 น. พวกผมก็ขอพัก กินข้าวเที่ยง รวมๆเป็นเวลา 1 ชม.ครึ่ง
แล้วพวกผมก็นัดกับรถของทางรีสอร์ทเพื่อที่จะไปล่องแก่งกัน โดยค่าล่องแก่งก็ครั้งละ 1200 บ. (มีรถมารับ มาส่งถึงอุทยานเลยนะครับ)
เสียดายที่ไม่มีภาพล่องแก่ง เพราะต้องลงเล่นน้ำเลยไม่ได้เอาโทรศัพท์หรือกล้องถ่ายรูปไปเลย
พวกผมล่องแก่งจนถึงเวลา 15.00 น. ก็กลับมาพักผ่อน และเตรียมเดินทางกลับบางแสนในวันต่อไป

5/06/58 เวลาประมาณ 10.00 น. พวกผมก็เดินทางกลับจาก อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน - กรุงเทพ(อนุสาวรีย์) ค่ารถคนละ 250 บ.เท่าเดิม รถจะมารับถึงในอุทยานเลย (สบายสุดๆ)

หมายเหตุ : 1. สำหรับคนที่ต้องการชมทะเลหมอกที่เขาพะเนินทุ่ง และล่องแก่ง ให้ไปเป็นกลุ่มนะครับ กลุ่มละ 7-10 คน เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะมากๆเลยนะครับ
                2. เมื่อเราเดินทางถึงตัวอุทยานแล้ว ให้เราขอเบอร์หรือนามบัตรของรถตู้ที่มาส่งเราไว้ เพื่อเราจะได้โทรศัพท์นัดเวลาที่เราจะกลับนะครับ (ให้โทรไปก่อนที่เราจะเดินทางประมาณ 1 ชม.)

มีอะไรสงสัย Commet ได้เลยนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เข้ามาดูครับ มีอะไรที่ผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ (กระทู้แรกที่เขียนเลย) (ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนละ 2,500 บ.)

จบทริปครับผม.....ทริปต่อไปเสม็ด
ติดตามเจ้าของกระทู้ได้ที่ IG : aof_korrakod มาFollowเยอะครับ