เหลือบเออีซี...ท้าทายอำนาจ คสช.!

กระทู้ข่าว
ขณะที่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จุดพลุเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะมีขึ้นในปลายปี 2558 นี้ ถึงขั้นที่หัวหน้า คสช.ได้ออกประกาศ คสช.ฉบับที่ 17/2558 เพิกถอนที่ดินสาธารณะ ที่ดินในเขตป่าสงวนหรืออุทยานแห่งชาติ หรือที่ประชาคมท้องถิ่นใช้ร่วมกันที่ไม่มีสภาพเป็นที่ดินป่าสงวนหรืออุทยานฯแล้ว เพื่อรองรับการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ขณะที่ถนนทุกสายเฝ้าลุ้นอานิสงของการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจเอาเซียนนั้น จะทำให้การค้าระหว่างประเทศ และโดยเฉพาะการค้าชายแดนในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอินโดจีน พม่า กัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนามนั้นคงจะเติบโตกระหึ่มขึ้นมาแน่

แต่ที่จังหวัดสระแก้ว 1 ใน 5 จังหวัดที่ถูกบรรจุเข้าไว้ในแผนจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น ไม่แน่ใจว่าผู้นำชมชน ผู้นำท้องถิ่นในจังหวัดนี้ โดยเฉพาะที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่อยู่ติดกับบ้านป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น จะเข้าใจและ “เข้าถึง” นโยบายรัฐบาล คสช.หรือไม่ จึงทำให้ไม่เพียงแต่จะเพิกเฉยไม่สนองนโยบายรัฐบาลเท่านั้น

ยังดำเนินนโยบายที่ “คัดง้าง” นโยบายรัฐบาลมันเสียดื้อๆ ทำเอาผู้คน 2 ฟากฝั่งอยู่ในภาวะ “ระส่ำ” ไม่รู้นโยบายเปิดเสรีเออีซีที่แท้จริงจะเดินไปทางไหน?

เพราะในขณะที่รัฐบาล “ตีปี๊บ” การปลุกเขตเศรษฐกิจพิเศษ ปลุกการค้าตามแนวชายแดน กระหึ่มเมือง วันวาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก็เพิ่งออกมาเปิดเผยว่า ได้จัดประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยเขตเศรษฐกิจพิเศษไทย-กัมพูชา ร่วมกับรัฐมนตรีสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา เพื่อที่จะหาทางพัฒนาความร่วมมือทางการค้าชายแดนร่วมกัน รวมไปถึงการขยายเปิดด่านชายแดนเพิ่มเติมจากด่านอรัญ-ปอยเปตที่มีอยู่เดิมซึ่งแออัดยัดทะนานไปแล้ว

แต่ผู้นำชุมชนผู้นำท้องถิ่นในอำเภอโคกสูง โดยเฉพาะที่ตำบลโนนหมากมุ่น และตำบลโคกสูง ซึ่งมีพื้นที่ติดบ้านป่าไร่อันเป็นที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้นไม่เพียงจะไม่รู้ร้อนรู้หนาว กลับดำเนินนโยบายที่ “สวนทาง” ขัดแย้งกับนโยบายรัฐบาลเสียอีก!

อย่างที่บ้านโนนหมากมุ่น บ้านกุดผือ หนองจาน และบ้านโนนสูง ตำบลโนนหมากมุ่น และบ้านโคกสูง ตำบลโคกสูง ที่แม้จะมี “จุดผ่อนปรน” ซึ่งอยู่ตรงข้ามหมู่ 5 ของฝั่งกัมพูชา ที่ต่อเนื่องไปยังเมืองโอบาเยือนของกัมพูชาที่รัฐเตรียมพัฒนาให้เป็นจุดผ่านแดนในอนาคตแบบเดียวกับพื้นที่อื่นๆ นั้น ที่ผ่านมาประชาชน 2 ฟากฝั่งไทย-กัมพูชาต่างมีการทำการค้าซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันในระดับหนึ่งอยู่แล้วแบบเดียวกับที่บ้านป่าไร่ และบ้านหนองเอี่ยนที่รัฐบาลทั้งสองประเทศเห็นร่วมกันที่เตรียมจะเปิดเป็นจุดผ่านแดนเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้

แต่วันดีคืนดี ผู้นำชุมชน ผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่นทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เหล่านี้ กลับลุกขั้นมา “หักดิบ” นโยบายค้าชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล คสช.ด้วยการพาเหรดผุด “ด่านเถื่อน” ตามแนวชายแดนกันเป็นดอกเห็ด เพื่อเรียกเก็บ “ค่าต๋ง-ค่าผ่านด่าน” เอากับชาวกัมพูชาที่ข้ามฟากเข้ามาซื้อขายสินค้าฝั่งไทย โดยจัดเก็บค่าหัวกันตั้งแต่ 20 บาทไปจนถึง 100-200 บาท ทำเอาผู้คน 2 ฟากฝั่งอิดหนาระอาใจกันมาเป็นแรมปี

ล่าสุดไม่รู้ผู้นำชุมชนแต่ละหมู่บ้าน แต่ละตำบลเคลียร์หน้าเสื่อค่าต๋งกันไม่ลงตัวหรืออย่างไร? ก็เลยต่างคนต่างตั้งด่านกันให้มั่วไปหมด เอาชนิดข้ามชายแดนเข้ามาไม่ถึง 500 เมตร เจอด่านของกำนันโนนหมากมุ่น ก่อนถึงหมู่บ้านเจอด่านผู้ใหญ่ กลางเมืองเจอด่านกำนันโคกสูง ท้ายหมู่บ้านด่านผู้ใหญ่อีกหมู่ไม่จ่ายส่วยก็ไม่ต้องเข้า ไม่ต้องข้ามแดน แม้นายอำเภอโคกสูงจะออกโรงปรามให้ระวังจะทำเอานโยบายค้าชายแดนไทยสะเทือน

หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพา ที่ตรวจตราอยู่ตามแนวชายแดนจะเตือนอย่างไร ดูเหมือนทั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนันทั้งที่ตำบลโนนหมากมุ่นและโคกสูงที่ต่างก็ยิ่งใหญ่คับฟ้าด้วยกันทั้งสิ้น จะไม่ดูดำดูดีในคำเตือนเหล่านี้ แถมท้าทายต่อให้ใหญ่มาจากไหน หรือรับนโยบายมาจากใครก็ไม่มีอำนาจมาสั่งพวกตนทั้งนั้น

คงจะ “ยิ่งใหญ่สมชื่อ” จริงๆ นั่นแหล่ะ ฯพณฯท่าน พล.อ.ประยุทธ์ที่เคารพ! เพราะขนาดตัวผู้ใหญ่บ้านและกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อการผลิตของหมู่บ้านโนนสูง หมู่ 2 ตำบลโนนหมากมุ่นที่มีพฤติกรรมมุบมิบหอบเอาเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ หายเข้ากลีบเมฆไปเป็นล้าน แบบเดียวกับที่เพิ่งเกิดขึ้นที่สหกรณ์ออมทรัพย์บ้านโคกสว่างพัฒนา หมู่ 11 ตำบลหนองม่วงในอำเภอเดียวกันนี้จนถูกชาวบ้านรวมหัวกันฟ้องศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดสระแก้ว สอบสวนจนถูกปลดกราวรูดตามมานั้น

แต่ในส่วนของผู้ใหญ่บ้านโนนสูงที่ชื่อ นายบัวลา กาพิมาย ที่มีพฤติกรรมไม่ต่างกันนั้นกลับไม่มีใครกล้าแตะต้อง แม้แต่ทางอำเภอหรือจังหวัด ที่แม้จะตรวจสอบและพบการกระทำผิดจริง แต่ก็นัยว่าหลังเรื่องแดงขึ้นมา ทางฝ่ายปกครองกลับปกปิดเรื่องทุจริตอื้อฉาวครั้งนี้กันเงียบกริบไม่มีใครกล้าปริปาก แถมทั้งตัวกำนัน -ผู้ใหญ่บ้านเจ้าของเรื่อง ที่ไม่รู้กินดีหมี-ดีเสือ มาจากไหนยังป่าวประกาศให้ชาวบ้าน 2 ฟากฝั่งได้รับรู้ต่อให้เรื่องแดงเถือกขั้นมาในระดับไหนก็ไม่มีใครแตะต้องพวกตนได้ เพราะเคลียร์หน้าเสื่อได้หมดไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน?

ก็ไม่รู้ว่าท่านผู้ว่าฯสระแก้ว และผู้บัญชาการกองกำลังบูรพาจะเคยได้ยินเรื่องอื้อฉาวใต้จมูกที่ว่านี้หรือไม่ ถึงได้ปล่อยให้ผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้านเหล่านี้ใหญ่คับฟ้าเบ่งอำนาจบารมีกันซะขนาดนี้ เห็นแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ เห็นทีเศรษฐกิจตามแนวชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาล คสช.วาดฝันจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงในการกอบกู้เศรษฐกิจไทย ก็คงเป็นได้แค่ฝันไม่มีวันเดินไปถึงฝั่งได้แน่!!!
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  รัฐบาล การเมือง
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่